อย่าเอากฎกติกาไปแลก
การแก้ไขปัญหาเลือกตั้งตอนนี้เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง
มติ กกต.ให้เปิดการลงคะแนนใหม่ใน 671 หน่วยเลือกตั้ง 7 จังหวัดที่ไม่สามารถเปิดให้ลงคะแนนได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. แต่กลับไม่จัดให้ลงคะแนนใหม่ในอีก 9,613 หน่วย 11 จังหวัดที่เหลือ
ส่วน 28 เขตเลือกตั้งที่ถูกมวลชน กปปส.ขัดขวางจนไม่มีผู้สมัคร กกต.มีความเห็นร่วมกันให้ทำหนังสือเสนอรัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่
ปรากฏว่าทั้ง คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และ คุณโภคิน พลกุล กูรูกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ออกมาโต้แย้งทันที
โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่สามารถออกพระราชกฤษฎีกาใหม่ได้ และโยนให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งควรออกเป็นประกาศ กกต. เปิดรับสมัครใหม่ใน 28 เขต
ดูอาการแล้วก็วนกลับไปที่เก่าเหมือนช่วงก่อนวันที่ 2 ก.พ.ที่ กกต.พยายามกดดันให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ แต่รัฐบาลแข็งขืนยืนกรานให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ได้
ผลออกมาเลยคาราคาซังอย่างที่เห็น
ต้นเหตุที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อยมาจากม็อบ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้ง กกต.จึงควรไปแก้ไขที่ต้นเหตุ จะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ได้ ไม้อ่อนคือเจรจากับหัวหน้าม็อบ ไม้แข็งก็แจ้งความดำเนินคดี
แต่ กกต.กลับนิ่งเฉยไม่กล้าแตะต้องม็อบ
สิ่งที่ กกต.ทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ หาข้อกฎหมายมางัดกับรัฐบาล เถียงไปเถียงมาสุดท้ายไม่แคล้วต้องไปว่ากันที่ศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็ใช่ว่าวิกฤติความขัดแย้งในบ้านเมืองจะคลี่คลาย เพราะคู่ขัดแย้งในสถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่รัฐบาลกับ กกต. แต่เป็นรัฐบาลกับม็อบ กปปส.
คำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบที่สุดคือ เมื่อไหร่ศึกครั้งนี้จะจบ และจบอย่างไร
บอกได้เลยว่าไม่มีใครรู้หรอก
ขนาดบุคคลระดับคีย์แมนของทั้งสองฝ่ายยังต้องลุ้นสถานการณ์วันต่อวันเลย ที่คุยโวแสดงความมั่นใจว่าอีกไม่นานจะชนะ มันก็แค่ลีลาสร้างกระแสเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมคนไทยที่อดทนกับเหตุการณ์ในช่วงเวลากว่า 2 เดือนมาได้ ถึงแม้หลายคนออกปากจะทนไม่ไหวแล้ว เพราะเศรษฐกิจการลงทุนชะงักทั้งระบบ ค้าขายฝืดเคือง ทำมาหากินลำบาก
ผมคงได้แต่แนะนำให้อดทนอึดกันต่อไปครับ
ปรับตัวให้อยู่ได้ ปรับใจให้นิ่ง ลดความเครียด ถึงวันนึงปัญหาทั้งหลายย่อมต้องคลี่คลายลง
อย่างน้อยถ้ามองในแง่ดีหลังจากวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ดูไม่ค่อยเกรี้ยวกราดเหมือนก่อน การชุมนุมเริ่มลดระดับความรุนแรง ยุบเวทีเหลือน้อยลง เปิดสถานที่ราชการมากขึ้น ลดการบุกจู่โจมรัฐมนตรี หันไปเน้นการเปิดเวทีเสวนาแทน
ความจริงคนที่ไปชุมนุมสนับสนุนม็อบ กปปส.ส่วนใหญ่รู้อยู่แก่ใจว่า ทั้งวิธีการแสดงออกและข้อเรียกร้องของคุณสุเทพมันไม่อยู่ในกติกาเลย แต่ด้วยความเกลียดชังทักษิณ เลยยอมเป็นแนวร่วมเฮตามไปด้วย
แกนนำ กปปส.กล่าวหาทักษิณเป็นโจรปล้นชาติ โกงบ้านโกงเมือง แต่อย่าลืมว่าคนที่เห็นต่างก็มอง กปปส.เป็นอันธพาล ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย คุกคามละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น
อย่าใช้อันธพาลไล่โจรเลย ใช้กระบวนการยุติธรรมกวาดล้างดีกว่า
ลองตั้งสติตรึกตรองดูอีกทีเถอะ มันคุ้มแล้วหรือที่เอากฎกติกาบ้านเมืองไปแลกกับคนคนเดียว.
ลมกรด
เขียนดี คุณลมกรดจากไทยรัฐครับ
การแก้ไขปัญหาเลือกตั้งตอนนี้เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง
มติ กกต.ให้เปิดการลงคะแนนใหม่ใน 671 หน่วยเลือกตั้ง 7 จังหวัดที่ไม่สามารถเปิดให้ลงคะแนนได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. แต่กลับไม่จัดให้ลงคะแนนใหม่ในอีก 9,613 หน่วย 11 จังหวัดที่เหลือ
ส่วน 28 เขตเลือกตั้งที่ถูกมวลชน กปปส.ขัดขวางจนไม่มีผู้สมัคร กกต.มีความเห็นร่วมกันให้ทำหนังสือเสนอรัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่
ปรากฏว่าทั้ง คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย และ คุณโภคิน พลกุล กูรูกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ออกมาโต้แย้งทันที
โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่สามารถออกพระราชกฤษฎีกาใหม่ได้ และโยนให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งควรออกเป็นประกาศ กกต. เปิดรับสมัครใหม่ใน 28 เขต
ดูอาการแล้วก็วนกลับไปที่เก่าเหมือนช่วงก่อนวันที่ 2 ก.พ.ที่ กกต.พยายามกดดันให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ แต่รัฐบาลแข็งขืนยืนกรานให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ได้
ผลออกมาเลยคาราคาซังอย่างที่เห็น
ต้นเหตุที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อยมาจากม็อบ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้ง กกต.จึงควรไปแก้ไขที่ต้นเหตุ จะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งก็ได้ ไม้อ่อนคือเจรจากับหัวหน้าม็อบ ไม้แข็งก็แจ้งความดำเนินคดี
แต่ กกต.กลับนิ่งเฉยไม่กล้าแตะต้องม็อบ
สิ่งที่ กกต.ทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ หาข้อกฎหมายมางัดกับรัฐบาล เถียงไปเถียงมาสุดท้ายไม่แคล้วต้องไปว่ากันที่ศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็ใช่ว่าวิกฤติความขัดแย้งในบ้านเมืองจะคลี่คลาย เพราะคู่ขัดแย้งในสถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่รัฐบาลกับ กกต. แต่เป็นรัฐบาลกับม็อบ กปปส.
คำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบที่สุดคือ เมื่อไหร่ศึกครั้งนี้จะจบ และจบอย่างไร
บอกได้เลยว่าไม่มีใครรู้หรอก
ขนาดบุคคลระดับคีย์แมนของทั้งสองฝ่ายยังต้องลุ้นสถานการณ์วันต่อวันเลย ที่คุยโวแสดงความมั่นใจว่าอีกไม่นานจะชนะ มันก็แค่ลีลาสร้างกระแสเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมคนไทยที่อดทนกับเหตุการณ์ในช่วงเวลากว่า 2 เดือนมาได้ ถึงแม้หลายคนออกปากจะทนไม่ไหวแล้ว เพราะเศรษฐกิจการลงทุนชะงักทั้งระบบ ค้าขายฝืดเคือง ทำมาหากินลำบาก
ผมคงได้แต่แนะนำให้อดทนอึดกันต่อไปครับ
ปรับตัวให้อยู่ได้ ปรับใจให้นิ่ง ลดความเครียด ถึงวันนึงปัญหาทั้งหลายย่อมต้องคลี่คลายลง
อย่างน้อยถ้ามองในแง่ดีหลังจากวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ดูไม่ค่อยเกรี้ยวกราดเหมือนก่อน การชุมนุมเริ่มลดระดับความรุนแรง ยุบเวทีเหลือน้อยลง เปิดสถานที่ราชการมากขึ้น ลดการบุกจู่โจมรัฐมนตรี หันไปเน้นการเปิดเวทีเสวนาแทน
ความจริงคนที่ไปชุมนุมสนับสนุนม็อบ กปปส.ส่วนใหญ่รู้อยู่แก่ใจว่า ทั้งวิธีการแสดงออกและข้อเรียกร้องของคุณสุเทพมันไม่อยู่ในกติกาเลย แต่ด้วยความเกลียดชังทักษิณ เลยยอมเป็นแนวร่วมเฮตามไปด้วย
แกนนำ กปปส.กล่าวหาทักษิณเป็นโจรปล้นชาติ โกงบ้านโกงเมือง แต่อย่าลืมว่าคนที่เห็นต่างก็มอง กปปส.เป็นอันธพาล ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย คุกคามละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น
อย่าใช้อันธพาลไล่โจรเลย ใช้กระบวนการยุติธรรมกวาดล้างดีกว่า
ลองตั้งสติตรึกตรองดูอีกทีเถอะ มันคุ้มแล้วหรือที่เอากฎกติกาบ้านเมืองไปแลกกับคนคนเดียว.
ลมกรด