อายุ 21 เป็นหนี้เกือบ 5 ล้าน

คุณแม่ของผมเลี้ยงผมมาคนเดียว เนื่องจากได้แยกทางกับคุณพ่อตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ คุณแม่เป็นข้าราชการ เงินเดือนไม่มากเท่าไหร่ กู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ตามแบบของข้าราชการครับ ฮ่าๆ ปัจจุบันผมอายุ 25 ปีครับ

ผมจะรู้สถานะทางการเงินของแม่มาตั้งแต่เด็ก เพราะอยู่กับแม่แค่ 2 คน แม่แทบจะเล่าทุกอย่างให้รู้ ทั้งเรื่องกู้ เรื่องหนี้ต่างๆ ตอนเด็กผมก็เหมือนเด็กคนอื่น เห็นใครมีก็อยากมี เท่าที่ผมจำได้ น่าจะประมาณช่วยป. 2 ผมอยากได้จักรยาน แต่เพราะแม่เห็นว่าไม่จำเป็นจึงไม่ยอมซื้อให้ ทำให้ผมต้องเก็บเงินค่าขนมใช้เวลาถึง 2 ปี แล้วแอบไปถอนเองที่ธนาคารออมสิน ตอนถอนพนักงานถามกันใหญ่เลย เพราะกลัวจะเอาไปเล่นเกมส์ แต่สุดท้ายก็ถอนมาได้ครับ  และครั้งนี้ทำให้รู้จักการเก็บออม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถ้าผมอยากได้อะไรก็มักจะซื้อเองโดยเฉพาะของเล่น ผมซื้อได้โดยที่แม่ไม่สามารถห้ามผมได้ เพราะเป็นเงินที่ผมเก็บเอง

เมื่อโตขึ้น ความผมฝันของผมคืออยากมีบ้านหลังใหญ่ๆสักหลัง มีรถยนต์ และปลดหนี้ให้แม่ ตอนเด็กๆผมอยู่ในบ้านขนาด 28 ตร.วา ราคาตอนคุณแม่ซื้อราคาประมาณ 3 แสนกว่าบาทผ่อนยี่สิบปีไม่หมดสักทีและรถฮุนไดมือสองเก่าๆ ซ่อมเดือนเว้นเดือน สิ่งนี้ผลักดันให้ผมต้องขยันเรียนเพื่อจะได้ขอทุนการศึกษาจะได้ไม่ต้องรบกวนแม่และหาเงินเพื่อทำตามที่ผมฝันได้

ผมเริ่มหาเงินจากซ่อมคอมพิวเตอร์และรับเว็บไซต์ ทำทุกอย่างที่มองว่าเป็นเงิน เก็บเล็กผสมน้อยได้ทีละ 300 บ้าง 600 บ้าง หรือหลักพันก็ทำครับ ผมเก็บเงินได้ประมาณ 1 แสนบาทแรก ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ใช้หนี้บ้านและดาวน์รถใหม่ (วีออส) ให้แม่ครับ นี่คือสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุด และการเป็นหนี้ก้อนใหญ่นี้ก็คือสิ่งที่ผมกังวลมากเพราะต้องหาเงินผ่อนรถให้ได้และรถต้องไม่ถูกยึด ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แม้แต่ปีใหม่ หรือสงกรานต์ก็รับเงินมาทำตลอดครับ จากประสบการณ์การทำงานผมสามารถเพิ่มค่าตัวของผมได้สูงขึ้น จากงานหลักพัน ผมก็สามารถเพิ่มค่าตัวเป็นหลักหมื่นได้ไม่ยากนัก

หลังจากผ่อนรถได้ประมาณ 3 ปี หนี้รถเหลือไม่มากครับ และระหว่าง 3 ปีนี้ผมก็ทำงานหนักและตั้งใจเก็บเงินเหมือนเดิม แน่นอนความฝันของผมอีกอย่างนึงคืออยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ ผมเริ่มมองหาบ้านแล้วก็ไปเจอหมู่บ้านหนึ่งเนื้อที่ 80 ตร.วา (ดูจากกระทู้เดิมก็ได้ครับ http://ppantip.com/topic/30906073) และตัดสินใจจอง บ้านสร้างได้ประมาณ 50% แล้วอีกประมาณ 6 เดือนสามารถเข้าอยู่ได้ ซึ่งผมทราบดีว่าผมอาจจะกู้ธนาคารไม่ผ่าน สิ่งซึ่งนี้เองก็เป็นสถานการณ์บังคับที่ผมต้องรับงานเพิ่มมากขึ้น และตัดสินใจ นำเงินเก็บกว่า 70% ไปชำระหนี้รถ และชำระหนี้ส่วนอื่นๆของแม่ เพราะผมตั้งใจจะกู้ร่วมกับแม่โดยอาศัยความมั่นคงที่แม่เป็นข้าราชการ และเมื่อหนี้ทุกอย่างหมดผมก็สามารถกู้ได้ง่ายขึ้นครับ

แม้ว่าจะกู้ผ่านแต่เงินเก็บของผมก็ลดลงไปพอสมควร ภาระการผ่อนบ้านถือว่าหนัก และถ้าพลาดครั้งนี้อาจจะไม่มีบ้านอยู่ แน่นอนครับผมทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน ผลจากการทำงานผมสุขภาพย่ำแย่ลงและเป็นโรคที่เกิดกับคนที่อายุมากเช่น อาการน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ธุรกิจที่ทำไปได้ด้วยดีครับ ลูกค้าปากต่อปาก ทั้งงานและเงินก็ตามมาครับ

เมื่อผ่อนบ้านครบ 1 ปี ผมชำระเงินต้นจำนวน 8 แสนบาท และปีที่ 2 ชำระเงินต้นอีก 8 แสนบาท และในปีที่ 2 นี้เองผมตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ 2 คัน โดยขายวีออสคันเดิมมาสมทบ เพิ่มภาระใหม่อีกแล้ว ฮ่าๆ และในปีที่ 3 ชำระเงินต้นเพิ่มอีก 5 แสนบาท

ตอนนี้หนี้ส่วนของบ้านเหลือไม่กี่แสนบาท จากยอดกู้ 3 ล้านบาท ส่วนหนี้รถทั้ง 2 คันรวมๆกันก็เกือบๆ 2 ล้านบาท ก็ลดลงตามลำดับ ความฝันที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ผมสามารถทำได้ครบทุกอย่างแล้ว คือมีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถคนละคันกับแม่ และชำระหนี้กู้ยืมของแม่หมด แม้ว่าหนี้ยังไม่หมด แต่เงินเก็บของผมตอนนี้ก็มากกว่าหนี้ที่มีอยู่ ทุกอย่างผมเชื่อว่าอยู่ที่ใจครับ และสถานการณ์ต่างๆสอนเรา หวังว่ากระทู้นี้จะให้ความสนุกและกำลังใจของคุณที่กำลังทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อตนะครับ

ปล.ผมไม่เก็บเงินสดไว้ในบัญชีนะครับ เพราะถ้าเห็นก็คงจะอดใจไม่ได้ ผมฝากในรูปของสลากออมสิน เพราะสามารถมองเห็นผลตอบแทนเป็นรูปเป็นร่างกว่าการฝากเงิน เพราะมองคิดว่าได้ลุ้นทุกเดือน และเห็นเงินเพิ่มขึ้นทุกเดือน ไม่เหมือนการฝากเงินในธนาคารที่ปีนึงเห็นเงินเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น


ภาพบางส่วนจากกระทู้แรกของผมครับ http://ppantip.com/topic/30906073








ขอตอบหลายๆคำถามนะครับ
1.ปัจจุบันผมอายุ 25 ครับ ผมเริ่มเป็นหนี้ตอน 21 ปีครับ ทุกวันนี้เงินเก็บมากกว่าหนี้แล้วครับ
2.หลายคนถามว่าผมต้องมั่นใจในรายได้ จึงกล้าเป็นหนี้ จริงๆแล้วผมไม่ได้มั่นใจในรายได้ครับ ดังนั้นผมจึงต้องรีบเก็บเงินแล้วไปใช้หนี้บ้านครับ เพราะไม่กล้าปล่อยไว้นาน เพราะอะไรก็ไม่แน่ไม่นอนกลัวจะไม่มีบ้านอยู่
3.ตอนที่ผมตัดสินใจซื้อบ้าน ตอนที่ไปติดต่อธนาคาร ผมลองให้เขาคำนวณค่าผ่อนตกเดือนละกี่บาท สรุปคือตกเดือนละ 16,000-20,000 บาท (30ปี) ดังนั้นผมต้องมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 2 ปี หรือประมาณ 4 แสนบาท ผมจึงกล้าตัดสินใจเอาบ้านครับ
4.ผมคิดว่าแม่ผมไม่ได้เลี้ยงลูกต่างจากคนอื่นมากนักครับ เพียงแค่ท่านไม่เคยตามใจผมเลย เพราะอย่างที่ผมบอกว่าท่านเลี้ยงผมคนเดียว ค่าใช้จ่ายในตอนเด็กของผมท่านจึงเป็นผู้หาทั้งหมด ดังนั้นของที่ไม่จำเป็นเช่นจักรยาน ของเล่นผมต้องเก็บเงินจากค่าขนมซื้อเองทั้งหมด
5.ผมรู้ว่าอะไรก็ไม่แน่ไม่นอน ตอนนี้ผมมีงานประจำครับ คือผมเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ส่วนธุรกิจผมก็ยังทำอยู่ครับ เงินเดือนประมาณสองหมื่นนิดๆเก็บเข้าธนาคารโดยไม่ทำ ATM เป็นเงินออมครับ ส่วนเงินที่ได้จากธุรกิจก็ใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการของธุรกิจ ให้แม่ พ่อ และไปเที่ยว
6.ตอนนี้สุขภาพผมก็ดีขึ้นเพราะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น วันหยุดก็ไปเที่ยวครับ ผมไปมาหลายๆประเทศครับ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น (ไปแบบประหยัดนะครับ)และปีที่แล้วพาแม่ไปเที่ยวฮ่องกง ปีนี้ว่าจะพาท่านไปญี่ปุ่นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่