แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา (ประเภทชั่วคราว B1/B2)

กระทู้นี้ผมเขียนขึ้นด้วยวัตถุประสงค์จะเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าอเมริกาแบบชั่วคราว B1/B2 รวมถึงให้คำแนะนำเล็กๆน้อยที่ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่ไม่เคยไปสัมภาษณ์ครับ

กะทู้นี้จะพูดถึงรายละเอียดเฉพาะวันสัมภาษณ์เท่านั้น และตอนนี้สถานทูตอเมริกาเปิดใช้การชำระเงินแบบใหม่ (7 ก.พ. 57) จึงขอข้ามรายละเอียดตรงนี้ไปกันการสับสนครับ

ผมนัดคิวสัมภาษณ์ไว้ในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ. 57 รอบเช้า 7.30 น.
คืนก่อนวันสัมภาษณ์ผมมีอาการวิตกกังวลเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาก็หลากหลาย เลยลอง Google ดูเผื่อว่าจะเจออะไรที่ทำให้สบายใจ นอนหลับฝันดี แต่...กลับกลายเป็นว่าเจอกะทู้เหล่านี้

- ทำไงดี สัมภาษณ์ไม่ผ่าน เอกสารทุกอย่างครบ
- มาตรฐานการอนุมัติ VISA ของเจ้าหน้าที่อยู่ตรงไหน ?
- สถานทูตอยากได้เงินใช่มั้ย เดี๋ยวนี้ต้องสัมภาษณ์ขั้นต่ำ 2 รอบถึงให้ผ่าน
- วันนี้ไปมา คนโดน reject เต็มเลย
      ฯลฯ

เอาแล้วไง คิดผิดซะแล้วที่หาข้อมูลก่อนนอน ทำให้ผมยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ เศร้า

6.15 น.

ถึงจะนอนไม่หลับ แต่ก็กัดฟันตื่นได้ เดินทางถึงที่สถานทูตฟ้ายังมืดอยู่  เริ่มมีคนมาเข้าแถวกันแล้วแต่ไม่ยาวนัก แอบมียุงเหมือนกันครับ คร่อกฟี้

6.30 น.

จนท. คนไทยเริ่มมาจัดคิว แบ่งเป็นสองแถว แถวแรก 7.00 น. และแถวที่สองรอบ 7.30 น. ถึงตรงนี้ ถามว่าถ้ามาถึงแล้วไม่เข้าแถวตั้งแต่แรกได้หรือไม่ ? คำตอบคือทำได้ครับ เด่ยว จนท. ก็จะตะโกนเรียกถาม และสามารถเดินมาเข้าแถวทีหลังได้ แต่ก็จะกลายเป็นคิวท้ายๆของรอบนั้นนะครับ

เมื่อจัดแถวเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะเริ่มตรวจเอกสารก่อนเป็นลำดับแรกตามลำดับเวลา เอกสารที่ต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่คือ 1. PASSPORT และ 2. ใบ Confirmation ที่มีบาร์โค้ด

7.00 น.

เจ้าหน้าที่เริ่มปล่อยคิว 7.00 น. ให้เข้าไปภายในสถานทูต และตามด้วยรอบ 7.30 น. ถ้าใครที่เอกสารครบถ้วนจะได้บัตรคิว และเข้าไปที่ด่านที่ 2 คือการตรวจสัมภาระ

จุดที่ 2 Security Front Door ! ต้องฝากสิ่งของที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ทั้งหมด มือถือ แทปเล็ต โน้ตบุค อุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ เช่น Bluetooth Headset  รวมทั้งที่ชาร์ตไฟสำรอง ซึ่งตรงนี้หากใครที่มีอุปกรณ์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อื่นๆ รวมแล้วมากกว่า 1 เครื่อง สถานทูตจะไม่รับฝากนะครับ และ จนท. รักษาความปลอดภัยจะขอให้ออกไปหาผู้รับฝากข้างนอก ซึ่งเป็นร้านตั้งโต๊ะรับฝากของตั้งอยู่หน้า 7-11

นอกจากต้องเสียคิว เสียเวลาเดินไปหน้า 7-11 ยังต้องเสียเงินค่าบริการรับฝากของเพิ่มเติมด้วยครับ

กระเป๋าถือ ปากกา หรืออื่นๆสามารถนำเข้าไปได้ แต่ก็ต้องผ่านช่องแสกนด้วยครับ สาวๆบางคนใส่ของมาเยอะเต็มกระเป๋า เค้าก็จะขอให้เทของทั้งหมดออกจากกระเป๋ามาดูด้วยนะ ดังนั้นผมแนะนำว่าอย่าเอาอะไรไปเยอะครับ ส่วนผมมีแต่ซองเอกสาร และปากกา 1 แท่ง เดินตัวปลิวครับ สบายๆ

ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้จนท. รักษาความปลอดภัยจะเก็บบัตรคิวที่ได้รับจากข้างนอกคืน และขอบัตรประชาชนหรือใบขับขี่มาแลกกับ Tag ฝากของ และให้ใบนำส่งไปรษณีย์ และปล่อยเราเข้าสู่ข้างใน

7.15 น.

จุดที่ 3 Document Checklist ! เป็นจุดตรวจและจัดเรียงเอกสาร ให้เตรียม 1. Passport 2. เอกสารยืนยันการจองคิวสัมภาษณ์ และ  3. ใบรับรองการทำงาน สำหรับท่านที่กรณีทำงานประจำ (ผมเย็บใบสลิปเงินเดือนไปด้วย จนท. ดึงออกครับ)  4. ใบนำส่งไปรษณีย์ที่กรอกเสร็จแล้ว และยืนให้เจ้าหน้า ซึ่งจะช่วยเราเรียงและจัดเอกสารของเราใส่แฟ้ม และคืนเอกสารทั้งแฟ้มให้เราครับ

จนท. ย้ำกับผมว่า ห้ามใส่เอกสารอื่นๆไปในแฟ้มนะ ถ้าจนท.กงสุล อยากดูประกอบเพิ่มเติม จะขอเองครับ

7.20 น.

จุดที่ 4 Pre-Interview !  เป็นการสัมภาษณ์เบื้องต้น จะมีทั้งหมด 3 หน้าต่าง เรียกคุยทีและคิว จนท. มีทั้งคนไทยและอเมริกันครับ สำหรับผม เมื่อยืนซองเอกสารให้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ถามชื่อ/ไปทำอะไร/สถานที่ๆจะไป (ซึ่งผมมี Plan เที่ยวแน่นอนแล้วก็อธิบายไป) และให้ประทับลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และคืนเอกสารที่อยู่ในแฟ้มทั้งหมดมาพร้อมด้วยบัตรคิว ผมได้คิวที่ 8 ครับ

จากที่สังเกต ผู้ขอ VISA บางท่านโดนกักตัว มีขอดูเอกสารเพิ่มเติม และซักข้อมูลนานพอดู ส่วนภาษาที่จะสัมภาษณ์ผมได้ยินทั้งสองภาษา (จนท.ไทยแต่ถามภาษาอังกฤษกับผู้ขอ VISA คนไทยก็มีครับ)

7.30 น.

Waiting  ! เข้าไปนั่งรอในโซนหน้าต่างสัมภาษณ์ สักพักจะเรียกผู้ขอ VISA ไปยืนยันลายนิ้วมืออีกครั้งที่หน้าต่างหมายเลข 9 โดยการประทับลายนิ้วมือซ้ำ อาจจะเป็นข้างซ้าย หรือขวา แล้วแต่จนท.สั่ง ไม่มีการสัมภาษณ์ใดๆตรงนี้ และให้เรากลับไปนั่งรออีกรอบ เพื่อรอเรียกสัมภาษณ์


8.00

Final Interview ! เจ้าหน้าที่กงสุลอเมริกันเปิดหน้าต่างทีละช่องๆ เมื่อได้เวลา ระบบจะเรียกหมายเลขทีละ 10 คิวโดยประมาณ ไปยังหน้าต่างที่กำหนด เราก็สามารถเดินไปที่รอที่แถวได้เลย

จนท. คุยอะไรกัน ไม่ต้องตั้งใจฟังคนข้างหลังก็ได้ยินครับ 55 ในคิวแรกๆ ผมสังเกตว่าเจ้าหน้าที่คุยไม่นาน ถาม 3-5 ประโยค มีเพียงท่านเดียวที่ได้รับ Passport คืนกลับมา (ถ้าได้รับ Passport คืนแปลว่าโดน Reject)

ถึงคิวผมแล้ว ! คำถามไม่แตกต่างจาก การสัมภาษณ์เบื้องต้นเลยครับ ชื่อ/จะไปทำอะไร/จะไปที่ไหนบ้าง แค่เพิ่มเติมว่าทำงานอะไร ใช้เวลาคุยกันไม่ถึง 3 นาทีดี ก็ได้รับใบนำส่งไปรษณีย์คืนมา โดยที่ไม่โดนเรียกเอกสารเพิ่มเติมเลย (คิดในใจอุส่าเตรียมมาซะเยอะ) ร้องไห้

8.30 น.
ออกมาข้างนอกอาคาร เพื่อชำระค่าไปรษณีย์ 80 บาท จ่าหน้าซอง ชื่อภาษาอังกฤษ ที่อยู่ภาษาไทย และคืนซองให้กับจนท. ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขบวนการทั้งหมดครับ


สรุป

1. ท่านที่กรอกแบบฟอร์ม DS-160 ได้ละเอียดและถูกต้อง มีโอกาสผ่านทุกด่านง่ายๆแบบผม และการให้ข้อมูลตอนสัมภาษณ์ต้องตรงกันกับที่กรอกไป การตอบไม่ตรงกับเอกสารจะมีปัญหาแน่ๆ ดังนั้นเพื่อให้ชัวร์ ขอให้อ่านรายละเอียดที่กรอกสักรอบก่อนสัมภาษณ์ครับ
2. มีข้อสังเกตว่า ท่านที่ทำงานบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานรัฐบาล และมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานอย่างดี น่าจะง่ายกว่า ฟรีแลนซ์ หรือ เจ้าของธุรกิจ ที่ต้องมีเอกสารเตรียมเยอะมากครับ
3. แนะนำให้เลือกคิวเช้าที่สุดนะครับ เพราะจะไม่ร้อน และทุกอย่างจะรวดเร็วผมใช้เวลาทั้งหมด 1.30 ชม. (นับแต่เมื่อผ่านประตูเข้าไป)
ขากลับ ตอนผมเดินออกมาข้างนอกสถานทูต คนรอข้างนอกหนาแน่นมาก 3-4 แถว และอากาศก็ร้อนสุดๆ แต่ละคนหน้าตาเครียดสุดๆ
4. อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ หรือสิ่งของต่างๆ อย่าเอาไปเยอะ รับฝากแค่ 1 เครื่องเท่านั้นครับ อย่าลืม กระเป๋าถือเอาเข้าไปได้นะ !!
5. เอกสารประกอบต่างๆ ถึงจะไม่โดนเรียก แต่ก็ต้องให้เตรียมไว้ให้พร้อม เช่น Statement/ ข้อมูลสถานที่ๆจะไป/ booking โรงแรม หรือ ตั๋วเครื่องบิน (ถ้ามี) และสำหรับพนักงานบริษัทเอกชน หรือรัฐบาล ก็ไม่ต้องกังกลมากกับการทำให้ Statement สวยหรู ผมระบุเงินเดือนไป 3x,xxx บาท  จ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง 3 อาทิตย์ ก็ไม่โดนเรียกดู Statement แต่อย่างใด
6. ได้ Passport คืนเมื่อวันพุธที่ 5 ก.พ. 57 (ใช้เวลาเพียง 2 วัน) ได้วีซ่าประเภทชั่วคราว B1/B2 10 ปี ครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการสัมภาษณ์ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่