‘นิวัฒน์ธำรงค์’ เผยเตรียมระบายข้าว ใช้หนี้ชาวนา เปิดทีโออาร์ 6 ก.พ.

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ แถลงความคืบหน้าการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวว่า ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาสามารถระบายข้าวได้ประมาณ 1 ล้านตัน ให้กับภาคเอกชนที่มีสัญญาส่งข้าวไปต่างประเทศ 8.6 แสนตัน ตลาดล่วงหน้าอีก 1.1 แสนตัน รวมจำนวนประมาณ 9.7 แสนตัน

นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะระบายข้าวเพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อแนะนำจากนักวิชาการ นักการเมืองว่าควรจะระบายข้าวเพิ่มขึ้น หากระบายได้หมดจะเป็นผลดี ทางกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน โดยครั้งนี้จะระบายประมาณ 4 แสนตัน จากเดิมเคยระบายไว้ 2 แสนตัน จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้ามาซื้อข้าว ก็สามารถระบายข้าวได้เพิ่มอีก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการอย่างเต็มที่

ทั้งนี้จะประกาศทีโออาร์ให้ผู้ค้าข้าวทุกรายในวันที่ 6 ก.พ.นี้ เพื่อให้ผู้สนใจดูรายละเอียดและเสนอราคา รัฐบาลจะมีราคากลางในการเริ่มประมูลที่เป็นไปตามตลาดโลก โดยจะมีการระบายทั้งหมด 4 แสนตัน แบ่งเป็น ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 1 แสนตัน ข้าวหอมมะลิ จำนวน 1 แสนตัน ข้าวหอมจังหวัด 5.5 หมื่นตัน ข้าวเหนียวขาว 4 หมื่นตัน ข้าวปทุม 2 หมื่นตัน และให้ยื่นซองในวันที่ 12 ก.พ. จากนั้นจะเปิดซองต่อรองราคาในวันที่ 13 ก.พ และจะได้ทราบผลในวันที่ 14 ก.พ. หากได้รับการตอบรับที่ดี จนสามารถระบายข้าวได้ทั้งหมดก็จะดำเนินการต่อไปทันที แต่ถ้าการตอบรับไม่ดีนักก็ต้องกำหนดท่าทีอีกครั้งหนึ่ง

“ขอเชิญชวนมาช่วยกันซื้อข้าวเพื่อนำเงินไปจ่ายชาวนาตามคำแนะนำของผู้รู้ นักการเมือง ควบคู่กับการหาเงินกู้โดยกระทรวงการคลัง ที่ทำงานคู่ขนานกันอย่างเต็มที่ทั้งในส่วนกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคลังเพื่อแก้ไขปัญหา”

เมื่อถามว่าการระบายข้าวครั้งนี้ จะทำให้ชาวนาที่ได้รับผลกระทบได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวแน่นอนหรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า การระบายข้าว ถ้าระบายได้ 1 ล้านตันก็จะเป็นเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่าข้าวสต็อกมีพร้อมที่จะระบาย ขออย่างเดียวขอให้มีคนมาซื้อ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยก็ช่วยแนะนำให้มาซื้อด้วย เพราะยิ่งระบายหมดเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น

“เราทำสองทางพร้อมกัน ทั้งในด้านการระบายข้าวและการกู้เงิน เราพยายามอย่างยิ่งให้ได้เงินมาให้ชาวนาโดยเร็วที่สุด เพราะการจ่ายให้กับชาวนามากที่สุดต่อวันจากสาขาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ทั่วประเทศ ได้เพียงวันละ 4 พันล้านบาท จึงต้องใช้เวลา ถ้ารัฐบาลมีเงิน 1 หมื่นล้านก็ได้หลายวัน และจะจ่ายให้กับประชาชนมากมาย อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องทยอยจ่ายอยู่แล้ว ตามความสามารถของสาขาธนาคาร ซึ่งในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาก็จะทำงาน เนื่องจากทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่างเต็มที่”

นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวต่อ ส่วนความก้าวหน้าในการหาเงินมาจ่ายให้ชาวนา ทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนิน เท่าที่ทราบกระทรวงการคลังจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ตนเชื่อมั่นว่ากระทรวงการคลัง สามารถดำเนินการได้พอสมควร

เมื่อถามถึงกรณีบริษัทเป่ยต้าฮวง ซึ่งเป็นบริษัทของจีน ยกเลิกการสั่งซื้อข้าวจำนวน 1.2 ล้านตันจากไทยนั้น นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า ได้ยกเลิกไปแล้ว เนื่องจากเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของมณฑลไม่ใช่รัฐวิสาหกิจกลาง จึงกลัวว่าจะเกิดปัญหา ถ้าต้องเป็นรัฐวิสาหกิจกลางเขาอาจมีปัญหา จึงตัดสินใจยกเลิก อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้อ้างเหตุผลมา เรื่องนี้เป็นความกังวลจากการระบุข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ว่ารัฐวิสาหกิจต้องเป็นของรัฐบาลกลาง เมื่อเป็นแบบนี้คู่ค้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นจึงกังวลใจ

เมื่อถามถึงกรณีข้าวหายจากโกดังจากจังหวัดอุดรธานีกว่า 3.4 แสนกิโลกรัมนั้น นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงาน หากมีข้อมูลจะนำมาชี้แจงทันที

เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทำหนังสือถึงรัฐบาลให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า เท่าที่ตนดูคร่าวๆ จากข่าว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องเก่าๆ ซึ่งเนื้อความส่วนใหญ่เคยส่งมาทั้งหมดแล้วและมีการโต้ตอบกัน ทั้งนี้เมื่อได้เห็นจดหมายตัวจริงก็พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นปัญหาต่อรัฐบาลมาก หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะดำเนินการต่อหรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรงค์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของรัฐบาลนี้ แต่ว่าขณะที่นี้เราเป็นรัฐบาลรักษาจะไปทำอะไรของใหม่หรือทำอะไรที่เป็นผลผูกพันรัฐบาลใหม่ไม่ได้ ขณะเดียวกันโครงการที่ทำมาแล้วและจะจบในเดือนก.พ.ก็หยุดไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งหลังจากนี้ คงจะทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในรัฐบาลรักษาการเท่านั้น อย่างไรก็ตามคงจะพูดอะไรไม่ได้เพราะการเลือกตั้งยังไม่เรียบร้อยดี

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1UUTVNREl4TWc9PQ==&subcatid=

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่