ได้ความรู้จากในนี้มาเยอะ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การกู้ปลูกสร้างบ้างค่ะ
จขกท. กู้ร่วมกับสามีค่ะ อายุ 30นิดๆทั้งคู่
สามี ผู้กู้หลัก: อาชีพรับเหมา จดทะเบียนหจก.มา 10 ปี เตรียมตัวเดินสเตทเม้นท์ก่อนกู้ประมาณ 6 เดือน
โดยใส่เงินเดินบัญชีเดือนละ 3-5 แสน ถอนเข้าออก
โดยมีเงินคงเหลือเพิ่มทุกเดือน ตั้งแต่ 1 แสนบาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหลักล้าน 2 เดือนก่อนกู้
หนี้สิน: มีแต่บัตรเครดิตวงเงิน 20000 ใช้ไม่เต็ม
ทรัพย์สิน: ไม่มี
เครดิตบูโร: มีจ่ายค่าบัตรเครดิตช้าเกิน30 วัน อยู่ 2 เดือน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เอกสารที่เตรียม: มีสเตทเม้นท์ 6 เดือน
หนังสือรับรองบริษัท อายุไม่เกิน 3 เดือน
ภพ. 30 ย้อนหลัง 1 ปี (ยอดรายรับในภพ.30 ทั้งปีมี 6 ล้าน)
รูปถ่ายกิจการ
เอกสารส่วนตัว พวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
จขกท. ผู้กู้ร่วม: ออกจากงานประจำมาได้ 6 เดือน และเปิดร้านค้าเป็นธุรกิจส่วนตัว จดทะเบียนพาณิชย์ได้ 6 เดือน
แต่ทะเบียนพาณิชย์ดันจดเป็นชื่อสามี แต่ธุรกรรมทุกอย่าง ทั้งใบสั่งซื้อสินค้า ใบเสร็จ ออกเป็นชื่อจขกท.
มีเงินเดินบัญชีเดือนละ 50000-100,000 ไม่ค่อยมีวินัยในการเดินบัญชี เนื่องจากของซื้อไว ขายไว คือขายของได้เงินสด
ก็ซื้อของเข้าร้านด้วยเงินสด
มีบัญชีอีกอันเป็นบัญชีเงินออม คือมีแต่เงินเข้าอย่างเดียวเดือนละ 7,000 เป็นค่าเช่าบ้าน (คือเจ้าของกระทู้ไปซื้อสิทธิ
บ้านไม้มา 120,000 บาท คือแต่เดิมเจ้าของที่เค้าให้คนมาปลูกบ้านอาศัย โดยเก็บแต่ค่าเช่าที่ คนปลูกบ้านเค้าจะย้าย
เค้าเลยขาย เลยรับซื้อไว้ แล้วให้คนเช่า แต่เจ้าของที่เค้าก็บอกอยู่ว่าอีกไม่กี่ปีเค้าจะเอาที่คืน ตอนนั้นคำนวณแล้วว่าเค้า
ยังไม่เอาคืนภายใน 2 ปีนี้แน่ เลยรับซื้อไว้ ตรงนี้ไม่ได้แจ้งธนาคารว่าเป็นค่าเช่า แจ้งว่าเป็นบัญชีเงินออม)
หนี้สิน: มีบัตรเครดิต วงเงิน 40000 ใช้เกือบเต็ม ไม่เคยจ่ายช้า
ทรัพย์สิน: มีรถ 1 คัน พึ่งปลอดภาระ 1 เดือนก่อนยื่นกู้ ราคาตลาด 450,000
เครดิตบูโร: เคยจ่ายค่ารถช้ามากกว่า 60 วัน ตอน 4 เดือนก่อนยื่นกู้
เอกสาร: บัญชี 2 เล่ม คือบัญชีร้าน กับบัญชีเงินออม
ใบเสร็จที่สั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน 6 เดือน แยกเป็นเดือนๆ
ใบเสร็จค่าขนส่งที่ส่งสินค้ามาที่ร้าน
ทะเบียนพาณิชย์ ที่จดเป็นชื่อสามี
รูปถ่ายร้าน และสต็อกของในร้าน
สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ (จริงๆไม่ได้เช่า ตึกของพ่อแฟน ทำสัญญาเช่าหลอกๆ ค่าเช่าเดือนละ 1,000)
เอกสารส่วนตัว พวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ที่ดิน: ติดอยู่กับแบงค์ A เป็นชื่อกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างจขกท.กับน้า
ขออนุญาติปลูกสร้างเรียบร้อย มี BOQ พร้อม ยอดกู้ 4,XXX,XXX
มีสัญญากับผู้รับเหมา
มีเอกสารโฉนดที่ดิน และเอกสารที่เคยกู้ซื้อที่ดินกับแบงค์ A
ติดต่อทั้งหมด 5 ธนาคาร แต่ยื่นเอกสาร 4
1. ธอส. เตรียมเอกสารไป แต่เจ้าหน้าที่ดูไม่ค่อยอยากรับเอกสาร ถามว่าได้ใบอนุญาติปลูกสร้างมาได้ยังไง ในเมื่อที่ยัง
ติดแบงค์อยู่ ถ้าเป็นธอส.ไม่ยอมนะ ที่เป็นของแบงค์ ถ้าแบงค์ไม่อนุญาติ ปลูกสร้างไม่ได้ คือพูดใส่มาเหมือนเราโกง
ธนาคาร เราเลยบอกไปว่าธนาคารที่เรากู้เค้าบอกว่าไม่ต้องขอ ไปที่เขต เขตก็บอกไม่ต้องขออนุญาติธนาคาร
(เค้าบอกอย่างนี้จริงๆ)
พอเราจะยื่นเอกสาร ก็บอกว่าธุรกิจรับเหมา มีหุ้นส่วน 3 คน ต้องเอารายได้มาหาร 3 นะ
ส่วนธุรกิจของเรา เพิ่งจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ถึง 2 ปี ไม่คิดเป็นรายได้ให้ จะยื่นก็ได้นะ แต่ไม่คิดให้
สรุปคือ จะยื่นก็ได้ต้องไปเอาใบอนุญาติให้ปลูกสร้างจากแบงค์ A มาก่อน เลยไม่ยื่น
2. แบงค์ม่วง เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมาก บอกว่าธุรกิจรับเหมาคิดรายได้ให้ 15% ของรายได้ในภพ.30 และบอกว่าถ้า
ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ 2 คน ต้องยื่นกู้ทั้งคู่ รวมกับสามีเราเป็น 3 คน ไม่อย่างนั้นต้องไปทำโฉนดให้เป็นปลอดภาระ
เป็นชื่อเราคนเดียว คือหาเงินสดไปใช้หนี้แบงค์ A แล้วไปที่ที่ดิน ทำเรื่องให้น้าขายเฉพาะส่วนมาให้เป็นกรรมสิทธิ์
เราคนเดียว แล้วถึงจะเอาโฉนดนี้มายื่นกู้ได้
หลังจากได้รับคำแนะนำจากแบงค์ม่วง ก็หาเงินไปปิดที่ ทำเรื่องขายเฉพาะส่วน แล้วเอามายื่นธนาคารเพิ่ม (ตรงนี้ใช้เวลาจริงๆ กว่าจะได้โฉนดเล่นเอาเหนื่อย)
เอาโฉนดมายื่นแบงค์ม่วง เจ้าหน้าที่เข้าประเมินค่าประเมินประมาณ 4700 ราคาประเมินได้ 5 ล้านปลายๆ สรุปอนุมัติ
3,4XX,XXX เหตุผลเค้าบอกว่าเพราะเค้ามองว่าบัญชีสามีเราเป็นบัญชีเงินหมุน และร้านเราก็เพิ่งเปิดมา 6 เดือน
3. แบงค์เหลือง เจ้าหน้าที่รับยื่นเอกสารเป็นอย่างดี แต่เหมือนจะไม่เก่งและไม่คล่อง เพราะเค้าเห็นเอกสารแล้วเค้าไม่รู้
ว่าอะไรเป็นอะไร หายไปนานประมาณ 1 เดือนกว่า ก็มีจดหมายจากธนาคารมาว่าไม่อนุมัติ ส่งมาถึง จขกท. คนเดียว
ก็เลยงงว่า จขกท.กู้ร่วมนะ สามีเป็นผู้กู้หลัก ไม่ได้ส่งเอกสารของสามีหรือไง แต่ก็ไม่เป็นไร ขี้เกียจตาม เจ้าหน้าที่พูด
เพราะนะ ยิ้มหวาน แต่ดูไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกู้ปลูกสร้าง
4. CIMB ยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้ 3,6XX,XXX แล้วต้องให้เราเป็นผู้ค้ำ สามีเป็นผู้กู้ แต่พี่แจ้งไว้ก่อนนะกู้กับพี่ต้อง
ทำประกัน ขั้นต่ำที่พี่ยอมได้คือ 10 ปี อืม.. ยอดกู้ได้น้อยเลยไม่ได้ตาม
5. แบงค์เขียว ให้ไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ยื่นได้ 3 วัน ผล pre-appoved ออก
ได้เท่ายอดกู้คือ 4,xxx,xxx+ กู้ตกแต่ง 5xx,xxx อีก 2 วันประเมิน
ค่าประเมิน 2700 หลังจากประเมิน 1 อาทิตย์ ผลอนุมัติออก ราคาประเมิน 5ล้านปลายๆ ได้เท่า pre-appoved
แต่ดอกเบี้ยไม่ได้เท่าที่บอกตอนแรก เพราะตอนพรี เค้าใส่รายได้สามีเราอยู่ที่ แสน ถึง 2แสน แต่ตอนอนุมัติเค้าคำนวณ
รายได้ไม่ถึงแสน เลยต้องเพิ่มดอก งงเหมือนกัน แต่ดอกที่เพิ่มมาก็ยังถูกกว่าแบงค์ม่วงเลยโอเค
ปล. การแบ่งงวดจ่ายเงินค่าก่อสร้าง แบงค์ม่วงแจ้งว่าธนาคารไม่ได้แบ่งงวดไว้ เพราะเป็นผู้รับเหมานอกโครงการ ถ้าเราแจ้งธนาคาร
ไปประเมิน ฝ่ายประเมินจะเป็นคนประเมินเองว่าได้กี่ เปอร์เซนต์แล้ว
แบงค์เขียวแบ่งงวดเป็น 11 งวดค่ะ งวดที่ 1 กับ 2 งวดละ 5% หลังจากนั้นงวดละ 10%
ณ วัดจดจำนอง แบงค์เขียวให้มาก่อน 5% ค่ะ
อยากบอกคนที่จะกู้นะคะ เอกสารทุกอย่างเตรียมให้พร้อมตั้งแต่ต้นจะได้ไม่ช้าค่ะ
อะไรที่คิดว่าต้องใช้ หรือมีผลในการกู้ เตรียมไปให้หมด พนักงานประจำอาจจะเอกสารไม่ค่อยเยอะ
แต่ธุรกิจส่วนตัว เอกสารเยอะสุดๆ เตรียมให้พร้อม ถ่ายเอกสารไว้ แล้วไปยื่นธนาคารจะเร็วค่ะ
เครดิตบูโร ถ้าติดจ่ายช้านิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไรค่ะ แบงค์จะมีสกอร์ในการให้อยู่ ลองยื่นไปก่อนให้แบงค์แจ้งว่าผ่านสกอร์หรือไม่
เล่าให้ฟังค่ะ ประสบการณ์การกู้ปลูกสร้าง
จขกท. กู้ร่วมกับสามีค่ะ อายุ 30นิดๆทั้งคู่
สามี ผู้กู้หลัก: อาชีพรับเหมา จดทะเบียนหจก.มา 10 ปี เตรียมตัวเดินสเตทเม้นท์ก่อนกู้ประมาณ 6 เดือน
โดยใส่เงินเดินบัญชีเดือนละ 3-5 แสน ถอนเข้าออก
โดยมีเงินคงเหลือเพิ่มทุกเดือน ตั้งแต่ 1 แสนบาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหลักล้าน 2 เดือนก่อนกู้
หนี้สิน: มีแต่บัตรเครดิตวงเงิน 20000 ใช้ไม่เต็ม
ทรัพย์สิน: ไม่มี
เครดิตบูโร: มีจ่ายค่าบัตรเครดิตช้าเกิน30 วัน อยู่ 2 เดือน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เอกสารที่เตรียม: มีสเตทเม้นท์ 6 เดือน
หนังสือรับรองบริษัท อายุไม่เกิน 3 เดือน
ภพ. 30 ย้อนหลัง 1 ปี (ยอดรายรับในภพ.30 ทั้งปีมี 6 ล้าน)
รูปถ่ายกิจการ
เอกสารส่วนตัว พวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
จขกท. ผู้กู้ร่วม: ออกจากงานประจำมาได้ 6 เดือน และเปิดร้านค้าเป็นธุรกิจส่วนตัว จดทะเบียนพาณิชย์ได้ 6 เดือน
แต่ทะเบียนพาณิชย์ดันจดเป็นชื่อสามี แต่ธุรกรรมทุกอย่าง ทั้งใบสั่งซื้อสินค้า ใบเสร็จ ออกเป็นชื่อจขกท.
มีเงินเดินบัญชีเดือนละ 50000-100,000 ไม่ค่อยมีวินัยในการเดินบัญชี เนื่องจากของซื้อไว ขายไว คือขายของได้เงินสด
ก็ซื้อของเข้าร้านด้วยเงินสด
มีบัญชีอีกอันเป็นบัญชีเงินออม คือมีแต่เงินเข้าอย่างเดียวเดือนละ 7,000 เป็นค่าเช่าบ้าน (คือเจ้าของกระทู้ไปซื้อสิทธิ
บ้านไม้มา 120,000 บาท คือแต่เดิมเจ้าของที่เค้าให้คนมาปลูกบ้านอาศัย โดยเก็บแต่ค่าเช่าที่ คนปลูกบ้านเค้าจะย้าย
เค้าเลยขาย เลยรับซื้อไว้ แล้วให้คนเช่า แต่เจ้าของที่เค้าก็บอกอยู่ว่าอีกไม่กี่ปีเค้าจะเอาที่คืน ตอนนั้นคำนวณแล้วว่าเค้า
ยังไม่เอาคืนภายใน 2 ปีนี้แน่ เลยรับซื้อไว้ ตรงนี้ไม่ได้แจ้งธนาคารว่าเป็นค่าเช่า แจ้งว่าเป็นบัญชีเงินออม)
หนี้สิน: มีบัตรเครดิต วงเงิน 40000 ใช้เกือบเต็ม ไม่เคยจ่ายช้า
ทรัพย์สิน: มีรถ 1 คัน พึ่งปลอดภาระ 1 เดือนก่อนยื่นกู้ ราคาตลาด 450,000
เครดิตบูโร: เคยจ่ายค่ารถช้ามากกว่า 60 วัน ตอน 4 เดือนก่อนยื่นกู้
เอกสาร: บัญชี 2 เล่ม คือบัญชีร้าน กับบัญชีเงินออม
ใบเสร็จที่สั่งซื้อสินค้าเข้าร้าน 6 เดือน แยกเป็นเดือนๆ
ใบเสร็จค่าขนส่งที่ส่งสินค้ามาที่ร้าน
ทะเบียนพาณิชย์ ที่จดเป็นชื่อสามี
รูปถ่ายร้าน และสต็อกของในร้าน
สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ (จริงๆไม่ได้เช่า ตึกของพ่อแฟน ทำสัญญาเช่าหลอกๆ ค่าเช่าเดือนละ 1,000)
เอกสารส่วนตัว พวกทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ที่ดิน: ติดอยู่กับแบงค์ A เป็นชื่อกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างจขกท.กับน้า
ขออนุญาติปลูกสร้างเรียบร้อย มี BOQ พร้อม ยอดกู้ 4,XXX,XXX
มีสัญญากับผู้รับเหมา
มีเอกสารโฉนดที่ดิน และเอกสารที่เคยกู้ซื้อที่ดินกับแบงค์ A
ติดต่อทั้งหมด 5 ธนาคาร แต่ยื่นเอกสาร 4
1. ธอส. เตรียมเอกสารไป แต่เจ้าหน้าที่ดูไม่ค่อยอยากรับเอกสาร ถามว่าได้ใบอนุญาติปลูกสร้างมาได้ยังไง ในเมื่อที่ยัง
ติดแบงค์อยู่ ถ้าเป็นธอส.ไม่ยอมนะ ที่เป็นของแบงค์ ถ้าแบงค์ไม่อนุญาติ ปลูกสร้างไม่ได้ คือพูดใส่มาเหมือนเราโกง
ธนาคาร เราเลยบอกไปว่าธนาคารที่เรากู้เค้าบอกว่าไม่ต้องขอ ไปที่เขต เขตก็บอกไม่ต้องขออนุญาติธนาคาร
(เค้าบอกอย่างนี้จริงๆ)
พอเราจะยื่นเอกสาร ก็บอกว่าธุรกิจรับเหมา มีหุ้นส่วน 3 คน ต้องเอารายได้มาหาร 3 นะ
ส่วนธุรกิจของเรา เพิ่งจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ถึง 2 ปี ไม่คิดเป็นรายได้ให้ จะยื่นก็ได้นะ แต่ไม่คิดให้
สรุปคือ จะยื่นก็ได้ต้องไปเอาใบอนุญาติให้ปลูกสร้างจากแบงค์ A มาก่อน เลยไม่ยื่น
2. แบงค์ม่วง เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมาก บอกว่าธุรกิจรับเหมาคิดรายได้ให้ 15% ของรายได้ในภพ.30 และบอกว่าถ้า
ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ 2 คน ต้องยื่นกู้ทั้งคู่ รวมกับสามีเราเป็น 3 คน ไม่อย่างนั้นต้องไปทำโฉนดให้เป็นปลอดภาระ
เป็นชื่อเราคนเดียว คือหาเงินสดไปใช้หนี้แบงค์ A แล้วไปที่ที่ดิน ทำเรื่องให้น้าขายเฉพาะส่วนมาให้เป็นกรรมสิทธิ์
เราคนเดียว แล้วถึงจะเอาโฉนดนี้มายื่นกู้ได้
หลังจากได้รับคำแนะนำจากแบงค์ม่วง ก็หาเงินไปปิดที่ ทำเรื่องขายเฉพาะส่วน แล้วเอามายื่นธนาคารเพิ่ม (ตรงนี้ใช้เวลาจริงๆ กว่าจะได้โฉนดเล่นเอาเหนื่อย)
เอาโฉนดมายื่นแบงค์ม่วง เจ้าหน้าที่เข้าประเมินค่าประเมินประมาณ 4700 ราคาประเมินได้ 5 ล้านปลายๆ สรุปอนุมัติ
3,4XX,XXX เหตุผลเค้าบอกว่าเพราะเค้ามองว่าบัญชีสามีเราเป็นบัญชีเงินหมุน และร้านเราก็เพิ่งเปิดมา 6 เดือน
3. แบงค์เหลือง เจ้าหน้าที่รับยื่นเอกสารเป็นอย่างดี แต่เหมือนจะไม่เก่งและไม่คล่อง เพราะเค้าเห็นเอกสารแล้วเค้าไม่รู้
ว่าอะไรเป็นอะไร หายไปนานประมาณ 1 เดือนกว่า ก็มีจดหมายจากธนาคารมาว่าไม่อนุมัติ ส่งมาถึง จขกท. คนเดียว
ก็เลยงงว่า จขกท.กู้ร่วมนะ สามีเป็นผู้กู้หลัก ไม่ได้ส่งเอกสารของสามีหรือไง แต่ก็ไม่เป็นไร ขี้เกียจตาม เจ้าหน้าที่พูด
เพราะนะ ยิ้มหวาน แต่ดูไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกู้ปลูกสร้าง
4. CIMB ยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้ 3,6XX,XXX แล้วต้องให้เราเป็นผู้ค้ำ สามีเป็นผู้กู้ แต่พี่แจ้งไว้ก่อนนะกู้กับพี่ต้อง
ทำประกัน ขั้นต่ำที่พี่ยอมได้คือ 10 ปี อืม.. ยอดกู้ได้น้อยเลยไม่ได้ตาม
5. แบงค์เขียว ให้ไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ยื่นได้ 3 วัน ผล pre-appoved ออก
ได้เท่ายอดกู้คือ 4,xxx,xxx+ กู้ตกแต่ง 5xx,xxx อีก 2 วันประเมิน
ค่าประเมิน 2700 หลังจากประเมิน 1 อาทิตย์ ผลอนุมัติออก ราคาประเมิน 5ล้านปลายๆ ได้เท่า pre-appoved
แต่ดอกเบี้ยไม่ได้เท่าที่บอกตอนแรก เพราะตอนพรี เค้าใส่รายได้สามีเราอยู่ที่ แสน ถึง 2แสน แต่ตอนอนุมัติเค้าคำนวณ
รายได้ไม่ถึงแสน เลยต้องเพิ่มดอก งงเหมือนกัน แต่ดอกที่เพิ่มมาก็ยังถูกกว่าแบงค์ม่วงเลยโอเค
ปล. การแบ่งงวดจ่ายเงินค่าก่อสร้าง แบงค์ม่วงแจ้งว่าธนาคารไม่ได้แบ่งงวดไว้ เพราะเป็นผู้รับเหมานอกโครงการ ถ้าเราแจ้งธนาคาร
ไปประเมิน ฝ่ายประเมินจะเป็นคนประเมินเองว่าได้กี่ เปอร์เซนต์แล้ว
แบงค์เขียวแบ่งงวดเป็น 11 งวดค่ะ งวดที่ 1 กับ 2 งวดละ 5% หลังจากนั้นงวดละ 10%
ณ วัดจดจำนอง แบงค์เขียวให้มาก่อน 5% ค่ะ
อยากบอกคนที่จะกู้นะคะ เอกสารทุกอย่างเตรียมให้พร้อมตั้งแต่ต้นจะได้ไม่ช้าค่ะ
อะไรที่คิดว่าต้องใช้ หรือมีผลในการกู้ เตรียมไปให้หมด พนักงานประจำอาจจะเอกสารไม่ค่อยเยอะ
แต่ธุรกิจส่วนตัว เอกสารเยอะสุดๆ เตรียมให้พร้อม ถ่ายเอกสารไว้ แล้วไปยื่นธนาคารจะเร็วค่ะ
เครดิตบูโร ถ้าติดจ่ายช้านิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไรค่ะ แบงค์จะมีสกอร์ในการให้อยู่ ลองยื่นไปก่อนให้แบงค์แจ้งว่าผ่านสกอร์หรือไม่