เป็น 1 ในเผือกร้อนที่ทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “พังครืน” กับนโยบายรับจำนำข้าวจากมือชาวนาที่วันนี้กำลังทำให้รัฐบาล “งานเข้า” ถูกเกษตรกรชาวไร่ชาวนาจากทั่วทุกสารทิศลุกฮือขึ้นปิดถนน เรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวที่ชาวนาขนกันมาจำนำไว้กับ ธ.ก.ส. ขณะที่ตัวรัฐบาลเองทั้งนายกฯยิ่งลักษ์ และอดีต รมต.พาณิชย์ รมช.พาณิชย์ รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ก็กำลังเผชิญวิบากกรรม ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. “เชือดยกเข่ง” ทั้งจากกรณีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดจ่อจะทำชาติล่มจม
ล่าสุด นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.และโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกโรงแถลงข่าวที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อ 28 ม.ค. มีมติให้รวมสำนวนที่พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์ ต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาดจนทำให้รัฐถังแตก กับสำนวนไต่สวนเพื่อดำเนินคดีอาญามาตรา 157 กับนายกฯยิ่งลักษณ์ อันสืบเนื่องมาจากนโยบายรับจำนำข้าวจากที่มีข้อสงสัยการดำเนินการนโยบายข้าวที่ผิดพลาดและมีความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้น “คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้รวมเรื่องทั้งสองเพื่อไต่สวนเป็นคราวเดียวกัน โดยองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวน ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปซึ่งคงจะใช้เวลาไม่นานนัก”
เป็นอันว่าหนทางเบื้องหน้าของนายกฯและรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ชุดนี้ แม้จะปีนกำแพงฝ่าปราการม็อบ กปปส. และ กกต.เข้าคูหาเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 ได้ แต่ก็คงยากจะฝ่าพงหนามของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ตั้งแท่นรอ “เชือดยกเข่ง” รัฐบาลชุดนี้ไว้แล้ว ท่ามกลางข้อกังขาจากหลายฝ่าย เหตุใดกับกรณีการทุจริตโครงการระบายข้าวในยุครัฐบาลพรรค ปชป.ของ “พ่อมาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนมาตั้งแต่ปีมะโว้ (ปี 2553) จนป่านนี้กลับไม่มีความคืบหน้า แต่กับกรณีการไต่สวนกรณีทุจริตรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ป.ป.ช.กลับเร่งสปีดจะ “ปิดดีล” กันซะให้ได้ ราวกับมีการตั้งธงหรือรับใบสั่งไอ้โม่งที่ไหนกันมาแล้ว ซึ่งก็คงต้องจับตาดูกันอย่ากระพริบ ดาบปลิดวิญญาณของ ป.ป.ช.นั้นจะคมในฝัก หรือชักออกมาแล้วจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้องค์กร ป.ป.ช.เองต้องวิบากกรรมเองหรือไม่ !
เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งธงล่วงหน้ากันไปถึงขนาดนี้ คงไม่มีใครหน้าไหนจะไปคัดง้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านวิชาได้หรอก แต่บรรทัดฐานที่ตั้งไว้นี้ ป.ป.ช.ท่านคงต้องตอบสังคมโลกให้ได้ว่า หากมีกรณีที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กระทำทุจริตปล่อยให้สำนวนสอบหลายคดีความหลุดไป หรือหมดอายุความไป จะด้วยความตั้งใจ หรือเพราะมีใบสั่งจาก Invisible Hand ที่ไหนชักใยอยู่ อย่างสำนวนไต่สวนคดีขายทรัพย์สิน ปรส.ในยุค ปชป.และสำนวนไต่สวนคดีสัมปทานมือถือ 3 จีรูปแบบใหม่ “กสท-ทรูมูฟ” ของกลุ่มท่อน้ำเลี้ยงที่อนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ที่มี ศ.เมธี ครองแก้ว เป็นประธาน ซึ่งมีมติชี้ขาดว่าทุจริตกันเป็นขบวนการไปตั้งแต่ปีมะโว้ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2555 วันนี้สำนวนไต่สวนคดีอื้อฉาวเหล่านี้ถูก Invisible Hand ที่ไหนหอบแฟ้มหนีไปจาก ป.ป.ช.หรือ
เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ตัวประธานและคณะกรรมการ ป.ป.ช.เองก็สมควรต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือต้องต้องถูกตั้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยหรือไม่? ยิ่งกรณีค่าโง่ทุจริตก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจทั่วไทย 396 แห่ง มูลค่านับพันล้าน ที่มีหลักฐานโจ๋งครึ่มว่ามีการแก้เงื่อนไขทีโออาร์ เอื้อประโยชน์เอกชนและปล้นภาษีประชาชนชนิดโกงสุดคลาสสิก เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ทำไมนายกฯ และ ครม.ของพ่อมาร์คที่อนุมัติโครงการกันออกมาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่เกษตรกรชาวนาลุกฮือขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินรับจำนำข้าวกันในทุกพื้นที่ แต่กลับถูกมวลมหาประชาชน กปปส. ที่เล่นดนตรีประสานกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับคณะกรรมการเลือกตั้ง และ ป.ป.ช.อยู่
โดย กกต.นั้นตีปลาหน้าไซไม่มีหน้าที่จะพิจารณาเรื่องของกรอบเงินกู้ที่กระทรวงการคลังและรัฐบาลตั้งแท่นจะกู้เงิน 1.3 แสนล้านมาจ่ายหนี้ให้แก่ชาวนา ขณะ ป.ป.ช.เองก็เล่นระนาดประกาศห้ามกระทรวงพาณิชย์ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้กับรัฐวิสาหกิจจีน ด้วยข้ออ้างว่าหากจะขายต้องเป็นการขายให้รัฐบาลปักกิ่งเท่านั้น ทั้งที่การระบายข้าวในแบบ “รัฐต่อรัฐ” ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมาตั้งแต่ปีมะโว้ หรือในสมัยรัฐบาล ปชป.เองก็ขายให้กับรัฐวิสาหกิจของมณฑลต่างๆ และถือเป็นแบบรัฐต่อรัฐเช่นกัน เมื่อห้ามขายข้าวในสต๊อกออกไปต่างประเทศ หนทางในการระบายข้าวเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้ค้างชาวนาจึงถูกปิด
จะหวนกลับมากู้ธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาต่างก็ได้เสวยสุขจากการลงทุนในตั๋วเงินคลังของรัฐกันเปรมปรีย์ แต่หนนี้กลับถูก ป.ป.ช.ชง และ กปปส.ตีปลาหน้าไซห้ามแบงก์ไหนปล่อยกู้ให้ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้รัฐจ่ายหนี้แก่ชาวนาได้ เพื่อหวังให้เกษตรกรชาวไร่ชาวนาลุกฮือขึ้นทำสงครามแตกหัก โดดเดี่ยวรัฐบาลต่อไป ก็ให้น่าสังเกตว่า ขณะที่ “กำนันสุเทพ” ประกาศปาวๆๆ ก่อนหน้านี้ หาก กปปส.ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สำเร็จจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลมวลมหาประชาชนได้จริง จะรีบจ่ายเงินรับจำนำข้าวที่รัฐบาลติดค้างชาวนาไว้ทั้งหมด มันแปลว่าอะไรกันหรือครับท่านกำนัน? และท่านโฆษก ป.ป.ช. มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากแผน “สมคบคิด” ที่ต้องมีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง?
ที่จริงแม้ ป.ป.ช.จะไม่แสดงอาการลุกลี้ลุกลนในการไล่ “เช็คบิล” รัฐบาลชุดนี้ โครงการรับจำนำข้าวก็เป็น “หนามยอกอก” ที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้แทบจะเดินเข้าตาจนอยู่แล้ว หลังจากที่รัฐตกอยู่อยู่ในสภาพ “ถังแตก” ชักหน้าไม่ถึงหลัง แค่ 2 ปีผลาญเม็ดเงินไปกับโครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 7-8 แสนล้าน! ต้องดิ้นรนบากหน้ากู้สิบทิศอย่างที่เห็น ซึ่งก็แทบจะหาแหล่งเงินกู้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะสต๊อกข้าวท่วมโกดังกับปัญหาขาดทุนบักโกรกที่มี หากรัฐบาลยังคงดั้นเมฆดำเนินนโยบายนี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ก็เห็นทีจะต้องนับถอยหลังพังพาบคานโยบายนี้อยู่แล้ว! ประชาชนคนไทยคงยอมรับไม่ได้กับปัญหา “ขาดทุนบักโกรก” ที่จ่อทะลัก 1 ล้านล้านบาทเป็นแน่!
หากพลพรรคฝ่ายค้าน (ปนแค้น) จะหยิบยกนโยบายประกันราคาข้าวมาขายแข่งยังไงก็ได้แต้มต่ออยู่แล้ว แต่เมื่อพรรค ปชป.ตัดสินใจลงไปเล่นเกมข้างถนน แถมองค์กรอิสระ ป.ป.ช.ยังลุกลี้ลุกลนจะไล่เช็คบิลและเร่ง “ปิดดีล” รัฐบาลชุดนี้ให้ได้ ถึงขนาดฟันธงว่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว มันจึงเป็นอะไรที่ทำให้กระแสสังคม “ตีกลับ” มาเป็นความเห็นอกเห็นใจ เขาหาเสียงมากับนโยบายนี้แล้วมาบอกว่าผิด ต่อไปใครจะหาเสียงนโยบายอะไรต้องไปถามศาล หรือถามองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.ก่อนกระนั้นหรือท่านวิชา มหาคุณ และท่าน ตลก.ไดโนซอรัสที่เคารพ!
เผือกร้อนรับจำนำข้าว...อีกทฤษฎีสมคบคิด “ฆ่า” ชาวนา?
ล่าสุด นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.และโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกโรงแถลงข่าวที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อ 28 ม.ค. มีมติให้รวมสำนวนที่พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์ ต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาดจนทำให้รัฐถังแตก กับสำนวนไต่สวนเพื่อดำเนินคดีอาญามาตรา 157 กับนายกฯยิ่งลักษณ์ อันสืบเนื่องมาจากนโยบายรับจำนำข้าวจากที่มีข้อสงสัยการดำเนินการนโยบายข้าวที่ผิดพลาดและมีความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้น “คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้รวมเรื่องทั้งสองเพื่อไต่สวนเป็นคราวเดียวกัน โดยองค์คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวน ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปซึ่งคงจะใช้เวลาไม่นานนัก”
เป็นอันว่าหนทางเบื้องหน้าของนายกฯและรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ชุดนี้ แม้จะปีนกำแพงฝ่าปราการม็อบ กปปส. และ กกต.เข้าคูหาเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 ได้ แต่ก็คงยากจะฝ่าพงหนามของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ตั้งแท่นรอ “เชือดยกเข่ง” รัฐบาลชุดนี้ไว้แล้ว ท่ามกลางข้อกังขาจากหลายฝ่าย เหตุใดกับกรณีการทุจริตโครงการระบายข้าวในยุครัฐบาลพรรค ปชป.ของ “พ่อมาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนมาตั้งแต่ปีมะโว้ (ปี 2553) จนป่านนี้กลับไม่มีความคืบหน้า แต่กับกรณีการไต่สวนกรณีทุจริตรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ป.ป.ช.กลับเร่งสปีดจะ “ปิดดีล” กันซะให้ได้ ราวกับมีการตั้งธงหรือรับใบสั่งไอ้โม่งที่ไหนกันมาแล้ว ซึ่งก็คงต้องจับตาดูกันอย่ากระพริบ ดาบปลิดวิญญาณของ ป.ป.ช.นั้นจะคมในฝัก หรือชักออกมาแล้วจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้องค์กร ป.ป.ช.เองต้องวิบากกรรมเองหรือไม่ !
เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งธงล่วงหน้ากันไปถึงขนาดนี้ คงไม่มีใครหน้าไหนจะไปคัดง้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านวิชาได้หรอก แต่บรรทัดฐานที่ตั้งไว้นี้ ป.ป.ช.ท่านคงต้องตอบสังคมโลกให้ได้ว่า หากมีกรณีที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กระทำทุจริตปล่อยให้สำนวนสอบหลายคดีความหลุดไป หรือหมดอายุความไป จะด้วยความตั้งใจ หรือเพราะมีใบสั่งจาก Invisible Hand ที่ไหนชักใยอยู่ อย่างสำนวนไต่สวนคดีขายทรัพย์สิน ปรส.ในยุค ปชป.และสำนวนไต่สวนคดีสัมปทานมือถือ 3 จีรูปแบบใหม่ “กสท-ทรูมูฟ” ของกลุ่มท่อน้ำเลี้ยงที่อนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ที่มี ศ.เมธี ครองแก้ว เป็นประธาน ซึ่งมีมติชี้ขาดว่าทุจริตกันเป็นขบวนการไปตั้งแต่ปีมะโว้ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2555 วันนี้สำนวนไต่สวนคดีอื้อฉาวเหล่านี้ถูก Invisible Hand ที่ไหนหอบแฟ้มหนีไปจาก ป.ป.ช.หรือ
เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ตัวประธานและคณะกรรมการ ป.ป.ช.เองก็สมควรต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือต้องต้องถูกตั้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยหรือไม่? ยิ่งกรณีค่าโง่ทุจริตก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจทั่วไทย 396 แห่ง มูลค่านับพันล้าน ที่มีหลักฐานโจ๋งครึ่มว่ามีการแก้เงื่อนไขทีโออาร์ เอื้อประโยชน์เอกชนและปล้นภาษีประชาชนชนิดโกงสุดคลาสสิก เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ทำไมนายกฯ และ ครม.ของพ่อมาร์คที่อนุมัติโครงการกันออกมาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่เกษตรกรชาวนาลุกฮือขึ้นเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินรับจำนำข้าวกันในทุกพื้นที่ แต่กลับถูกมวลมหาประชาชน กปปส. ที่เล่นดนตรีประสานกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับคณะกรรมการเลือกตั้ง และ ป.ป.ช.อยู่
โดย กกต.นั้นตีปลาหน้าไซไม่มีหน้าที่จะพิจารณาเรื่องของกรอบเงินกู้ที่กระทรวงการคลังและรัฐบาลตั้งแท่นจะกู้เงิน 1.3 แสนล้านมาจ่ายหนี้ให้แก่ชาวนา ขณะ ป.ป.ช.เองก็เล่นระนาดประกาศห้ามกระทรวงพาณิชย์ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้กับรัฐวิสาหกิจจีน ด้วยข้ออ้างว่าหากจะขายต้องเป็นการขายให้รัฐบาลปักกิ่งเท่านั้น ทั้งที่การระบายข้าวในแบบ “รัฐต่อรัฐ” ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมาตั้งแต่ปีมะโว้ หรือในสมัยรัฐบาล ปชป.เองก็ขายให้กับรัฐวิสาหกิจของมณฑลต่างๆ และถือเป็นแบบรัฐต่อรัฐเช่นกัน เมื่อห้ามขายข้าวในสต๊อกออกไปต่างประเทศ หนทางในการระบายข้าวเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้ค้างชาวนาจึงถูกปิด
จะหวนกลับมากู้ธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาต่างก็ได้เสวยสุขจากการลงทุนในตั๋วเงินคลังของรัฐกันเปรมปรีย์ แต่หนนี้กลับถูก ป.ป.ช.ชง และ กปปส.ตีปลาหน้าไซห้ามแบงก์ไหนปล่อยกู้ให้ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้รัฐจ่ายหนี้แก่ชาวนาได้ เพื่อหวังให้เกษตรกรชาวไร่ชาวนาลุกฮือขึ้นทำสงครามแตกหัก โดดเดี่ยวรัฐบาลต่อไป ก็ให้น่าสังเกตว่า ขณะที่ “กำนันสุเทพ” ประกาศปาวๆๆ ก่อนหน้านี้ หาก กปปส.ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สำเร็จจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลมวลมหาประชาชนได้จริง จะรีบจ่ายเงินรับจำนำข้าวที่รัฐบาลติดค้างชาวนาไว้ทั้งหมด มันแปลว่าอะไรกันหรือครับท่านกำนัน? และท่านโฆษก ป.ป.ช. มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากแผน “สมคบคิด” ที่ต้องมีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง?
ที่จริงแม้ ป.ป.ช.จะไม่แสดงอาการลุกลี้ลุกลนในการไล่ “เช็คบิล” รัฐบาลชุดนี้ โครงการรับจำนำข้าวก็เป็น “หนามยอกอก” ที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้แทบจะเดินเข้าตาจนอยู่แล้ว หลังจากที่รัฐตกอยู่อยู่ในสภาพ “ถังแตก” ชักหน้าไม่ถึงหลัง แค่ 2 ปีผลาญเม็ดเงินไปกับโครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 7-8 แสนล้าน! ต้องดิ้นรนบากหน้ากู้สิบทิศอย่างที่เห็น ซึ่งก็แทบจะหาแหล่งเงินกู้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะสต๊อกข้าวท่วมโกดังกับปัญหาขาดทุนบักโกรกที่มี หากรัฐบาลยังคงดั้นเมฆดำเนินนโยบายนี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ก็เห็นทีจะต้องนับถอยหลังพังพาบคานโยบายนี้อยู่แล้ว! ประชาชนคนไทยคงยอมรับไม่ได้กับปัญหา “ขาดทุนบักโกรก” ที่จ่อทะลัก 1 ล้านล้านบาทเป็นแน่!
หากพลพรรคฝ่ายค้าน (ปนแค้น) จะหยิบยกนโยบายประกันราคาข้าวมาขายแข่งยังไงก็ได้แต้มต่ออยู่แล้ว แต่เมื่อพรรค ปชป.ตัดสินใจลงไปเล่นเกมข้างถนน แถมองค์กรอิสระ ป.ป.ช.ยังลุกลี้ลุกลนจะไล่เช็คบิลและเร่ง “ปิดดีล” รัฐบาลชุดนี้ให้ได้ ถึงขนาดฟันธงว่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว มันจึงเป็นอะไรที่ทำให้กระแสสังคม “ตีกลับ” มาเป็นความเห็นอกเห็นใจ เขาหาเสียงมากับนโยบายนี้แล้วมาบอกว่าผิด ต่อไปใครจะหาเสียงนโยบายอะไรต้องไปถามศาล หรือถามองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.ก่อนกระนั้นหรือท่านวิชา มหาคุณ และท่าน ตลก.ไดโนซอรัสที่เคารพ!