ระหว่างวันที่ 20-27 มกราคม ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงนำพนักงานอัยการจำนวน 58 คน เดินทางไปอุปสมบทและปฏิบัติธรรม ณ สาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ตาม "โครงการอุปสมบทและปฏิบัติธรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา หรือที่เรียกว่า "อัยการสายวัด" รุ่นที่ 1
เป้าหมายสูงสุดในการจัดกิจกรรมครั้งนี้หวังให้ผู้เข้าร่วมนำหลักธรรม หลักศีลธรรม และหลักจริยธรรม ที่ได้มาปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ราชการและการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข พนักงานอัยการที่ร่วมเดินทางไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้มี 29 คน ร่วมอุปสมบท ขณะที่อีก 29 คนร่วมปฏิบัติธรรม และเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานในดินแดนพุทธภูมิ 4 ตำบล อินเดีย-เนปาล โดยใช้วัดไทยเป็นที่พัก
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การปฏิบัติธรรมครั้งนี้ทำให้เกิดสติปัญญา ระหว่างอยู่ในดินแดนพุทธภูมิ ได้สวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น โดยได้รับหลักธรรมคำสอนจากพระเทพโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา และคณะ ปฏิบัติสมาธิและเจริญวิปัสสนา มีโอกาสได้ชมความเป็นอยู่ในเมือง ดูชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างยากจน ดูการเผาศพริมแม่น้ำคงคาที่เป็นวิถีชีวิตของท้องถิ่น รับรู้ได้ถึงความไม่จีรัง ทุกชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย ซึ่งระหว่างเดินทางไปในที่ต่างๆ มีพระสงฆ์คอยสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้ฟังตลอดการเดินทาง
"การไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียทำให้ได้ใกล้ชิดพระศาสนา เข้าใจคนทุกข์ยาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้คิดได้ ให้ดำรงตนเป็นข้าราชการที่ดี ทำงานแล้วช่วยสังคม การทำงานในหน้าที่เปรียบเสมือนการได้สร้างกุศล ต้องมีเมตตา เห็นคนทุกข์ต้องไม่มองข้าม ต้องพร้อมรับฟังด้วยไมตรีจิต และให้ความเป็นธรรมตามสำนวนการสอบสวน โดยสุจริตและเที่ยงธรรม นี่คือการเริ่มต้นการช่วยเหลือประชาชน" นายโกศลวัฒน์ กล่าว
รอง ผอ.โครงการในพระราชดำริฯ กล่าวด้วยว่า การไปปฏิบัติธรรมทำให้ได้ขัดเกลาจิตใจ มีโอกาสได้เห็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ ที่เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อัยการจึงควรทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้เชื่อ ทำให้พนักงานอัยการที่เข้าร่วมโครงการได้รับรู้ว่าประชาชนที่ต้องคดีหรือมาร้องขอความช่วยเหลือล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ การรับฟังและให้ความเป็นธรรมจึงเป็นการปฏิบัติธรรม อยากให้ "อัยการสายวัด" เป็น "อัยการสายพันธุ์ใหม่" เมื่อข้าราชการประพฤติปฏิบัติดี ประโยชน์ของความดีนั้นจะตกอยู่กับประชาชน เมื่ออัยการรับฟัง ไม่รับผลประโยชน์ เมื่อมีเมตตาก็จะมีความรับผิดชอบ ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนที่จะสั่งฟ้อง ในที่สุดประชาชนและสังคมไทยก็จะได้รับประโยชน์
...........
สายตรวจระวังภัย โดยพัฐอร พิจารณ์โสภณ
คมชัดลึก
http://bit.ly/เพจข่าวดี
'อัยการสายวัด'รุ่น1เสริม'ธรรมะ'ช่วยประชาชน
เป้าหมายสูงสุดในการจัดกิจกรรมครั้งนี้หวังให้ผู้เข้าร่วมนำหลักธรรม หลักศีลธรรม และหลักจริยธรรม ที่ได้มาปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ราชการและการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข พนักงานอัยการที่ร่วมเดินทางไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้มี 29 คน ร่วมอุปสมบท ขณะที่อีก 29 คนร่วมปฏิบัติธรรม และเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานในดินแดนพุทธภูมิ 4 ตำบล อินเดีย-เนปาล โดยใช้วัดไทยเป็นที่พัก
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การปฏิบัติธรรมครั้งนี้ทำให้เกิดสติปัญญา ระหว่างอยู่ในดินแดนพุทธภูมิ ได้สวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น โดยได้รับหลักธรรมคำสอนจากพระเทพโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา และคณะ ปฏิบัติสมาธิและเจริญวิปัสสนา มีโอกาสได้ชมความเป็นอยู่ในเมือง ดูชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างยากจน ดูการเผาศพริมแม่น้ำคงคาที่เป็นวิถีชีวิตของท้องถิ่น รับรู้ได้ถึงความไม่จีรัง ทุกชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย ซึ่งระหว่างเดินทางไปในที่ต่างๆ มีพระสงฆ์คอยสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้ฟังตลอดการเดินทาง
"การไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียทำให้ได้ใกล้ชิดพระศาสนา เข้าใจคนทุกข์ยาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้คิดได้ ให้ดำรงตนเป็นข้าราชการที่ดี ทำงานแล้วช่วยสังคม การทำงานในหน้าที่เปรียบเสมือนการได้สร้างกุศล ต้องมีเมตตา เห็นคนทุกข์ต้องไม่มองข้าม ต้องพร้อมรับฟังด้วยไมตรีจิต และให้ความเป็นธรรมตามสำนวนการสอบสวน โดยสุจริตและเที่ยงธรรม นี่คือการเริ่มต้นการช่วยเหลือประชาชน" นายโกศลวัฒน์ กล่าว
รอง ผอ.โครงการในพระราชดำริฯ กล่าวด้วยว่า การไปปฏิบัติธรรมทำให้ได้ขัดเกลาจิตใจ มีโอกาสได้เห็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ ที่เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อัยการจึงควรทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้เชื่อ ทำให้พนักงานอัยการที่เข้าร่วมโครงการได้รับรู้ว่าประชาชนที่ต้องคดีหรือมาร้องขอความช่วยเหลือล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ การรับฟังและให้ความเป็นธรรมจึงเป็นการปฏิบัติธรรม อยากให้ "อัยการสายวัด" เป็น "อัยการสายพันธุ์ใหม่" เมื่อข้าราชการประพฤติปฏิบัติดี ประโยชน์ของความดีนั้นจะตกอยู่กับประชาชน เมื่ออัยการรับฟัง ไม่รับผลประโยชน์ เมื่อมีเมตตาก็จะมีความรับผิดชอบ ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนที่จะสั่งฟ้อง ในที่สุดประชาชนและสังคมไทยก็จะได้รับประโยชน์
...........
สายตรวจระวังภัย โดยพัฐอร พิจารณ์โสภณ
คมชัดลึก
http://bit.ly/เพจข่าวดี