เมื่อสองหนุ่มคู่ซี้ "อาร์ม" กับ "เคน" ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเริ่มก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามกันต่อได้เลยครับ
ตอนที่ 1 - 4 นี้สำหรับใครที่อยากอ่านย้อนหลังครับผม
ตอนที่ 1 -
http://ppantip.com/topic/31231557
ตอนที่ 2 -
http://ppantip.com/topic/31235542
ตอนที่ 3 -
http://ppantip.com/topic/31314231
ตอนที่ 4 -
http://ppantip.com/topic/31377996
"อ่ะ อุปกรณ์อาบน้ำ เมิงอาบก่อนเลย เดี๋ยวกรูดูทีวีก่อน" ผมโยนผ้าเช็ดตัวกับกระเป๋าใส่อุปกรณ์อาบน้ำของผมให้ไอ้อาร์ม
"งืมมม" ไอ้อาร์มมันรับแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปเปิดเบียร์ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้ กดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อย แต่สมองก็ยังคิดถึงหนังเรื่อง Brokeback Mountain อยู่ ผ่านไปซักสิบนาทีไอ้อาร์มอาบน้ำเสร็จมันก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ
"เป็นไรวะเมิง นั่งเหม่อเชียว" ผมได้ยินเสียงไอ้อาร์มมันเรียก เลยหลุดจากภวังค์
"อ๋อออ...ไม่มีอะไรหรอก กำลังคิดอะไรนิดหน่อย" ผมตอบมัน
"ไหนชุดนอนกรูอ่ะ" ไอ้อาร์มมันถามผม
"วางอยู่บนเตียงงัย เสื้อกรูเอาติดรถมาแค่ตัวเดียว เมิงใส่เหอะ ปกติกรูไม่ใส่เสื้อนอนอยู่แล้ว" ผมบอกมัน
"แล้วเดี๋ยวกลางคืนไม่หนาวเหรอวะ" มันถามผม
"หนาวก็กอดเมิงงัย ไม่เห็นยากเลย" 55555+ ผมตอบมันพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว
"เดี๋ยวจะโดน รีบไปอาบน้ำเลยเมิง" ไอ้อาร์มมันไล่ผมไปอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวไปด้วย
"โดนอะไรหราาา อยากรู้จัง 555+" ผมยังทะเล้นไม่เลิก
"อ่ะ...กรูเปิดให้ล่ะ" ผมยื่นเบียร์ให้มันกระป๋องนึง แล้วก็เดินไปอาบน้ำ
ประตูห้องน้ำผมเปิดค้างไว้ไม่ได้ปิด ก็เลยอาบน้ำไปด้วยแล้วก็คุยกับไอ้อาร์มไปด้วย ตั้งแต่เริ่มทำงานผมกับไอ้อาร์มก็ไม่ค่อยได้เจอกัน วันนั้นเลยมีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะมากมาย ระหว่างผมอาบน้ำมันก็เดินเข้าเดินออกห้องน้ำมาล้างมืออยู่สองสามรอบ ชินกันแล้วล่ะครับ อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เสร็จแล้วผมก็เช็ดตัว ใส่บอกเซอร์ ออกมานั่งเช็ดผมอยู่หน้าทีวี
"หนังเรื่องนี้เมิงชอบฉากไหนที่สุดวะ ที่ดูมาเมื่อเย็นอ่ะ" ผมถามไอ้อาร์ม
"ไม่รู้ว่ะ" ไอ้อาร์มมันตอบผม ก่อนจะเงียบไปพักนึง "ฉากในเต๊นท์มั้ง 555555+"
"แล้วเมิงอ่ะ ชอบฉากไหน" มันถามผมกลับบ้าง
"ชอบฉากไหนเหรอ...ก็หลายฉากอยู่นะ ตอนที่แจ๊คขับรถไปหาเอนนิสที่บ้านมั้ง แล้วก็ตอนที่มันแกล้งกันบนเขาอ่ะ" ผมตอบไอ้อาร์ม
"เหรอ...งืมๆๆๆ" ไอ้อาร์มมันพยักหน้า
ยิ่งดึกผมสองคนยิ่งมีแต่เรื่องสนุกมาคุยกัน เอาวีรกรรมตั้งแต่สมัยยังอยู่โรงเรียนยันจบมหาลัยมารื้อฟื้นกันอีกรอบ นึกเรื่องอะไรได้ก็คุย "เฮ้ยเมิงจำเรื่องนี้ได้ป่าววะ - เฮ้ยตอนนั้นเมิงแมร่ง... - เฮ้ยตอนนั้นกรูนะเว่ย... บลา บลา บลา" พอเวลามันผ่านไปแล้วลองมานั่งนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา มันก็มีความสุขไปอีกแบบ ผมว่านะ
อีกอย่างตอนนี้ผมกับไอ้อาร์มก็โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่แล้ว เรารับผิดชอบชีวิตตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวกันมาบ้างตามสมควร เวลาเรามองย้อนกลับไปจึงทำให้รู้ว่าทุกเหตุการณ์เป็นเหมือนบททดสอบให้เราได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตนั่นเอง
ตอนจบของ Brokeback Mountain เอนนิสไปหาพ่อกับแม่ของแจ๊คที่บ้านหลังจากที่แจ๊คตายไปแล้ว แม่บอกว่าของทุกอย่างในห้องของแจ๊คยังถูกเก็บไว้ที่เดิมเหมือนตอนเค้ายังมีชีวิตอยู่ แล้วก็อนุญาตให้เอนนิสขึ้นไปดูได้ เอนนิสขึ้นไปเจอเสื้อของเขากับเสื้อของแจ๊คแขวนทับกันอยู่ในซอกเล็กๆ ข้างตู้เสื้อผ้า ฉากนี้นี่เองที่ทำให้ผมอารมณ์ผมดำดิ่งจนถึงขีดสุดกับหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกได้ถึงการสูญเสียคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตไปแบบไม่มีวันกลับ แล้วยิ่งได้มาเห็นของที่เค้ารักหรือเป็นความทรงจำที่ดีของเค้า ถ้าเป็นผมมันคงทรมานจนอธิบายออกมาไม่ถูกเหมือนกัน
อยู่ๆ ผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวการสูญเสียคนที่ผมรัก กลัวจะต้องทรมานแบบเอนนิสที่ต้องสูญเสียแจ๊คไปแบบไม่มีวันกลับ
ดึกมากแล้ว ผมกับไอ้อาร์มก็เริ่มไม่มีเรื่องคุยแล้วเหมือนกันเพราะคุยกันมาตั้งแต่หัวค่ำ ผมเริ่มเอนตัวนอนเอาหัวหนุนกับพนักพิงโซฟา ทุกครั้งที่ผมนั่งท่านี้แล้วมองขึ้นไปบนเพดานหรือท้องฟ้า ผมจะรู้สึกผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ
"เฮ้ยไอ้อาร์ม รับปากอะไรกรูอย่างดิ"
"อะไรวะ"
"ถ้าเป็นไปได้ ขอกรูตายก่อนเมิงได้ป่าววะ" แล้วผมก็เงียบไปนิดนึง "เมิงห้ามตายก่อนกรูนะเว่ย"
"เชี่ยอะไรของเมิงเนี่ย !!!" ไอ้อาร์มมันคง งง ว่าผมเป็นอะไรขึ้นมาอีก
"เออน่า...เมิงรับปากกรูได้ป่ะล่ะ" ผมยังคงคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบจากมันให้ได้
ไอ้อาร์มมันไม่ตอบ เหมือนมันกำลังคิดอะไรอยู่
"ถ้ากรูเป็นอะไรไปนะเว่ย เมิงไปบ้านกรูนะ แล้วก็ขึ้นไปที่ห้อง ไดอารี่กรูเก็บอยู่ในกล่อง อยู่ในโต๊ะหนังสือ"
ไอ้อาร์มมันยังเงียบอยู่ คงกำลังฟังว่าผมจะบอกอะไรมันต่อ
"โต๊ะหนังสือกรูใส่กุญแจล็อคอยู่ ลูกกุญแจกรูเก็บไว้ในกระเป๋าสูทในตู้เสื้อผ้า"
ผมเว้นจังหวะนิดนึง ดูว่าไอ้อาร์มมันยังฟังผมอยู่หรือเปล่า
"ถ้ากรูเป็นอะไรไป เมิงเอาไดอารี่แล้วก็ของทั้งหมดในกล่องนั้นเผาไปพร้อมกับกรูเลยนะ เมิงไม่ต้องอ่านหรอก เพราะทุกเรื่องที่กรูเล่าให้เมิงฟังมันก็อยู่ในนั้นแหล่ะ แล้วที่กรูเล่าให้เมิงฟังอ่ะ ละเอียดกว่าที่กรูเขียนในไดอารี่อีก"
แล้วผมก็เงียบไปนานเลยล่ะ ก่อนจะพูดกับมันอีกครั้งว่า "ตกลงเมิงรับปากกรูแล้วนะ"
ตอนนี้ทั้งผมและไอ้อาร์มไม่มีใครพูดอะไร
จนสุดท้ายไอ้อาร์มมันเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาว่า "เออ...กรูจะพยายามละกัน"
"หนาวว่ะ ขยับหน่อยดิ๊" ผมเดินไปที่เตียง สะกิดให้ไอ้อาร์มมันขยับไปหน่อย แล้วผมก็กระโดดเอาตัวแทรกไปในผ้าห่ม นั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงดูทีวีไปด้วย
"ทำงานเป็นงัยมั่งวะ สนุกป่ะ" ไอ้อาร์มมันถามผม
"ก็สนุกดีนะ แต่บางทีก็เครียดเหมือนกัน เวลาคิดงานไม่ออกอ่ะ" ผมตอบมัน
"งืมมม.....กรูแมร่งยังไม่รู้เลยจะสอบนักบินติดหรือป่าว แมร่งโคตรยากอ่ะ" ไอ้อาร์มมมันบ่น นานๆ ผมจะได้ยินมันบ่นซักที
"ทำไมอ่ะ ยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ พี่เมิงยังสอบติดเลย ให้มันติวให้ดิ" ผมให้กำลังใจมัน เพราะเห็นพี่ชายมันสอบติดนักบินเดินตามรอยพ่อไปแล้วหนึ่งคน
"ไหนเค้าสอบอะไรมั่ง เล่าให้ฟังหน่อยดิ๊" ผมชวนไอ้อาร์มมันคุยต่อ เพราะดูท่าทางมันไม่ค่อยสบายใจ
"เค้าก็จะให้เมิงทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันอ่ะ ให้เมิงคิดเลขไปด้วย แล้วก็ทำอย่างอื่นไปด้วย" ไอ้อาร์มมันอธิบาย แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำหน้างงๆ
"ยังงัยวะ ?!?" ผมถามมันกลับ
ไอ้อาร์มมันลุกขึ้นนั่งกับที่นอน หันหน้ามาทางผมแล้วก็แบมือทั้งสองข้าง "เมิงลองเอานิ้วมาจิ้มบนมือกรูนี่ดิ สลับกันซ้ายขวานะ" ผมมองหน้ามัน นึกในใจ...จะมาให้ผมเล่นจ้ำจี้อะไรของมันวะ
"มาดิ ลองดู" ไอ้อาร์มมันเห็นผมนั่ง งง อยู่ ไม่ยอมขยับ เลยบอกอีกที
ผมขยับจากหัวเตียงมานั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหามัน แล้วก็เอานิ้วชี้ไปจิ้มไว้บนฝ่ามือมันทั้งสองข้าง
"เมิงจิ้มสลับกันขึ้นลงทีละข้างไปเรื่อยๆ นะ" ไอ้อาร์มมันบอกผม
ผมพยายามทำตามที่มันบอก "เออ แบบนั้นแหล่ะ อย่าหยุดนะ" ไอ้อาร์มมันพูด
"15 คูณ 15 ได้เท่าไหร่" ไอ้อาร์มมันถามผม ในขณะที่ผมกำลังสาละวันกับการเล่นจำจี้อยู่ 555+
"อย่าหยุดดิวะ !!! จิ้มต่อไปเรื่อยๆ ดิ บอกแล้วว่าอย่าหยุดงัย !!!" ไอ้อาร์มมันขึ้นเสียง
"เง้อออ...ไม่ให้หยุด แล้วกรูจะคิดออกได้งัยวะ !!!" ผมเถียงมันกลับ แต่ตอนนั้นสมองก็คิดเลขไม่ออกหรอก มือก็จิ้มมั่วไปหมดล่ะ ซ้ายขวาสลับกันไปหมด 55555+
"อ่ะ งั้นเอาแค่ 15 คูณ 15 ได้เท่าไหร่ก่อน" มันยังถามผมต่อ
ผมคิดเลขในใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบมันไปว่า "225"
"55555+ คิดนานจังวะ เลขง่ายๆ แค่นี้" ไอ้อาร์มมันหัวเราะผม "เอาใหม่ คราวนี้เมิงห้ามหยุดนะ จิ้มไปเรื่อยๆ" แล้วมันก็แบมือให้ผมเล่นจ้ำจี้ต่อ
ผมจิ้มสลับกันไปมาซ้ายทีขวาที กำลังเพลินๆ ไอ้อาร์มมันก็ถามขึ้นมาใหม่ "12 คูณ 13 ได้เท่าไหร่"
"เชี่ยยย...ไม่เล่นแระ แมร่งยากว่ะ พอๆๆๆ" แล้วผมก็ปัดมือไอ้อาร์มไปทางอื่น แพ้แล้วพาลจริงๆ
"55555+ อะรายว้า นี่ง่ายที่สุดแล้วนะเว้ย 12 คูณ 13 ก็ได้ 156 งัย" ไอ้อาร์มมันหัวเราะผมอีกแระ คงดีใจที่ผมยอมแพ้มันล่ะสิ นานๆ ผมจะยอมมันซักทีก็เงี้ยแหล่ะ
"งั้นเมิงถามกรูมั่ง สลับกัน" ไอ้อาร์มมันยื่นข้อเสนอ
"มาเลยเมิง" ผมรีบแบมือ กะจะเอาคืนเต็มที่ 55555+
คราวนี้ไอ้อาร์มเป็นฝ่ายเล่นจำจี้บ้างล่ะ มันก็เอามือจิ้มสลับกันไปมาซ้ายขวาบนฝ่ามือผม แล้วมันก็มองหน้าผมไปด้วย ไม่ได้มองที่มือเหมือนตอนผมทำหรอก ผมพยายามคิดโจทย์ยากๆ กะว่าเมิงเสร็จกรูแน่ 55555+
"19 คูณ 19 ได้เท่าไหร่" ผมถามมัน
ไอ้อาร์มมันจิ้มไปด้วย คิดไปด้วย แป๊บนึงมันก็ตอบว่า "361"
ผมกำลังคิดในใจอยู่ว่าที่มันตอบมาถูกหรือป่าว "55555+ เอาเครื่องคิดเลขมั้ย" ไอ้อาร์มมันถากถาง
"เออถูก !!!" รมเสีย ไอ้อาร์มมันคิดเลขเร็วจังวะ
"เอายากกว่านี้ก็ได้นะ" ดูมันเยอะเย้ย ฮึ่ย !!!
"25 คูณ 25" ผมถามมันใหม่ กะว่าถ้าหลักยี่สิบคูณกันมันตอบไม่ได้แน่ๆ หะหะ
"625" ไอ้อาร์มมันตอบอย่างมั่นใจ
"พอๆๆๆ ไม่เล่นแระ ไม่เห็นสนุกเลย" นิสัยแพ้แล้วพาลของผมนี่แก้ไม่หายจริงๆ ผมล้มตัวลงนอน ไม่เล่นมันล่ะ เซ็ง ไอ้อาร์มชนะตลอด
"55555+ อะไรวะ แพ้แล้วอย่างนี้ตลอดเลยนะเมิง" ไอ้อาร์มหัวเราะสะใจที่ผมแพ้มันจนได้ในที่สุด
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องฟังมันถากถาง เสร็จแล้วก็เดินมาหรี่แอร์ เริ่มหนาวล่ะ
"หนาวอ่ะดิเมิง เสื้อไม่ยอมใส่" ไอ้อาร์มมันเห็นผมเดินไปหรี่แอร์
ผมเดินกอดอกกลับมาแทรกตัวใต้ผ้าห่ม
"อ่ะ เมิงเอาไปใส่เหอะ" ไอ้อาร์มมันถอดเสื้อของผมที่มันใส่อยู่ แล้วก็ยื่นมาให้
"เมิงไม่หนาวเหรอ" ผมมองหน้ามัน
"กรูใส่เสื้อตัวเมื่อกลางวันก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก" แล้วมันก็เดินไปหยิบเสื้อตัวที่ใส่เมื่อกลางวันมาสวม
"เออ...เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูกดเอทีเอ็มให้นะ ค่าหนังกับค่าข้าววันนี้อ่ะ" ไอ้อาร์มมันบอกผม
"เอ้ยยย...ไม่ต้อง กรูเลี้ยง" ผมบอกมัน
ดูไอ้อาร์มมันไม่ค่อยเต็มใจ มันคงเกรงใจผมแหล่ะ
"ไม่เป็นไรน่า แค่นี้เอง นิดหน่อยว่ะ เมิงยังไม่ได้ทำงาน" ผมอยากให้มันสบายใจ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก
"งั้นคิดซะว่าเป็นค่าตัวเมิงคืนนี้ละกัน" 555+ เอาอีกแล้ว มาพัทยาคราวนี้เคนกะจะเคลมอาร์มล่ะสิท่า เมื่อตอนบ่ายก็ซัดหอยนางรมไปซะเยอะเชียว
"หูยยย...เอาจริงอ่ะ" ไอ้อาร์มมันทำทีเล่นทีจริง
"จริงดิวะ โอเคนะ 555+" ผมรีบรวบหัวรวบหางซะเลย
"งั้นใครหลับก่อนเป็นเมียละกัน" ไอ้อาร์มมันยื่นข้อเสนอ
"ด้ายยยยย...ตามนั้นนะเว่ย"
5555555555555555+
(Y) ถ้าเป็นไปได้...ขอกรูตายก่อนเมิงได้ป่าววะ (เรื่องเล่าจากชีวิตจริง) - เมื่อสองหนุ่มอาร์มกับเคนเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน
ตอนที่ 1 - 4 นี้สำหรับใครที่อยากอ่านย้อนหลังครับผม
ตอนที่ 1 - http://ppantip.com/topic/31231557
ตอนที่ 2 - http://ppantip.com/topic/31235542
ตอนที่ 3 - http://ppantip.com/topic/31314231
ตอนที่ 4 - http://ppantip.com/topic/31377996
"อ่ะ อุปกรณ์อาบน้ำ เมิงอาบก่อนเลย เดี๋ยวกรูดูทีวีก่อน" ผมโยนผ้าเช็ดตัวกับกระเป๋าใส่อุปกรณ์อาบน้ำของผมให้ไอ้อาร์ม
"งืมมม" ไอ้อาร์มมันรับแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปเปิดเบียร์ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้ กดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อย แต่สมองก็ยังคิดถึงหนังเรื่อง Brokeback Mountain อยู่ ผ่านไปซักสิบนาทีไอ้อาร์มอาบน้ำเสร็จมันก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ
"เป็นไรวะเมิง นั่งเหม่อเชียว" ผมได้ยินเสียงไอ้อาร์มมันเรียก เลยหลุดจากภวังค์
"อ๋อออ...ไม่มีอะไรหรอก กำลังคิดอะไรนิดหน่อย" ผมตอบมัน
"ไหนชุดนอนกรูอ่ะ" ไอ้อาร์มมันถามผม
"วางอยู่บนเตียงงัย เสื้อกรูเอาติดรถมาแค่ตัวเดียว เมิงใส่เหอะ ปกติกรูไม่ใส่เสื้อนอนอยู่แล้ว" ผมบอกมัน
"แล้วเดี๋ยวกลางคืนไม่หนาวเหรอวะ" มันถามผม
"หนาวก็กอดเมิงงัย ไม่เห็นยากเลย" 55555+ ผมตอบมันพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกแล้ว
"เดี๋ยวจะโดน รีบไปอาบน้ำเลยเมิง" ไอ้อาร์มมันไล่ผมไปอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวไปด้วย
"โดนอะไรหราาา อยากรู้จัง 555+" ผมยังทะเล้นไม่เลิก
"อ่ะ...กรูเปิดให้ล่ะ" ผมยื่นเบียร์ให้มันกระป๋องนึง แล้วก็เดินไปอาบน้ำ
ประตูห้องน้ำผมเปิดค้างไว้ไม่ได้ปิด ก็เลยอาบน้ำไปด้วยแล้วก็คุยกับไอ้อาร์มไปด้วย ตั้งแต่เริ่มทำงานผมกับไอ้อาร์มก็ไม่ค่อยได้เจอกัน วันนั้นเลยมีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะมากมาย ระหว่างผมอาบน้ำมันก็เดินเข้าเดินออกห้องน้ำมาล้างมืออยู่สองสามรอบ ชินกันแล้วล่ะครับ อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เสร็จแล้วผมก็เช็ดตัว ใส่บอกเซอร์ ออกมานั่งเช็ดผมอยู่หน้าทีวี
"หนังเรื่องนี้เมิงชอบฉากไหนที่สุดวะ ที่ดูมาเมื่อเย็นอ่ะ" ผมถามไอ้อาร์ม
"ไม่รู้ว่ะ" ไอ้อาร์มมันตอบผม ก่อนจะเงียบไปพักนึง "ฉากในเต๊นท์มั้ง 555555+"
"แล้วเมิงอ่ะ ชอบฉากไหน" มันถามผมกลับบ้าง
"ชอบฉากไหนเหรอ...ก็หลายฉากอยู่นะ ตอนที่แจ๊คขับรถไปหาเอนนิสที่บ้านมั้ง แล้วก็ตอนที่มันแกล้งกันบนเขาอ่ะ" ผมตอบไอ้อาร์ม
"เหรอ...งืมๆๆๆ" ไอ้อาร์มมันพยักหน้า
ยิ่งดึกผมสองคนยิ่งมีแต่เรื่องสนุกมาคุยกัน เอาวีรกรรมตั้งแต่สมัยยังอยู่โรงเรียนยันจบมหาลัยมารื้อฟื้นกันอีกรอบ นึกเรื่องอะไรได้ก็คุย "เฮ้ยเมิงจำเรื่องนี้ได้ป่าววะ - เฮ้ยตอนนั้นเมิงแมร่ง... - เฮ้ยตอนนั้นกรูนะเว่ย... บลา บลา บลา" พอเวลามันผ่านไปแล้วลองมานั่งนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา มันก็มีความสุขไปอีกแบบ ผมว่านะ
อีกอย่างตอนนี้ผมกับไอ้อาร์มก็โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่แล้ว เรารับผิดชอบชีวิตตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวกันมาบ้างตามสมควร เวลาเรามองย้อนกลับไปจึงทำให้รู้ว่าทุกเหตุการณ์เป็นเหมือนบททดสอบให้เราได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตนั่นเอง
ตอนจบของ Brokeback Mountain เอนนิสไปหาพ่อกับแม่ของแจ๊คที่บ้านหลังจากที่แจ๊คตายไปแล้ว แม่บอกว่าของทุกอย่างในห้องของแจ๊คยังถูกเก็บไว้ที่เดิมเหมือนตอนเค้ายังมีชีวิตอยู่ แล้วก็อนุญาตให้เอนนิสขึ้นไปดูได้ เอนนิสขึ้นไปเจอเสื้อของเขากับเสื้อของแจ๊คแขวนทับกันอยู่ในซอกเล็กๆ ข้างตู้เสื้อผ้า ฉากนี้นี่เองที่ทำให้ผมอารมณ์ผมดำดิ่งจนถึงขีดสุดกับหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกได้ถึงการสูญเสียคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตไปแบบไม่มีวันกลับ แล้วยิ่งได้มาเห็นของที่เค้ารักหรือเป็นความทรงจำที่ดีของเค้า ถ้าเป็นผมมันคงทรมานจนอธิบายออกมาไม่ถูกเหมือนกัน
อยู่ๆ ผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวการสูญเสียคนที่ผมรัก กลัวจะต้องทรมานแบบเอนนิสที่ต้องสูญเสียแจ๊คไปแบบไม่มีวันกลับ
ดึกมากแล้ว ผมกับไอ้อาร์มก็เริ่มไม่มีเรื่องคุยแล้วเหมือนกันเพราะคุยกันมาตั้งแต่หัวค่ำ ผมเริ่มเอนตัวนอนเอาหัวหนุนกับพนักพิงโซฟา ทุกครั้งที่ผมนั่งท่านี้แล้วมองขึ้นไปบนเพดานหรือท้องฟ้า ผมจะรู้สึกผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ
"เฮ้ยไอ้อาร์ม รับปากอะไรกรูอย่างดิ"
"อะไรวะ"
"ถ้าเป็นไปได้ ขอกรูตายก่อนเมิงได้ป่าววะ" แล้วผมก็เงียบไปนิดนึง "เมิงห้ามตายก่อนกรูนะเว่ย"
"เชี่ยอะไรของเมิงเนี่ย !!!" ไอ้อาร์มมันคง งง ว่าผมเป็นอะไรขึ้นมาอีก
"เออน่า...เมิงรับปากกรูได้ป่ะล่ะ" ผมยังคงคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบจากมันให้ได้
ไอ้อาร์มมันไม่ตอบ เหมือนมันกำลังคิดอะไรอยู่
"ถ้ากรูเป็นอะไรไปนะเว่ย เมิงไปบ้านกรูนะ แล้วก็ขึ้นไปที่ห้อง ไดอารี่กรูเก็บอยู่ในกล่อง อยู่ในโต๊ะหนังสือ"
ไอ้อาร์มมันยังเงียบอยู่ คงกำลังฟังว่าผมจะบอกอะไรมันต่อ
"โต๊ะหนังสือกรูใส่กุญแจล็อคอยู่ ลูกกุญแจกรูเก็บไว้ในกระเป๋าสูทในตู้เสื้อผ้า"
ผมเว้นจังหวะนิดนึง ดูว่าไอ้อาร์มมันยังฟังผมอยู่หรือเปล่า
"ถ้ากรูเป็นอะไรไป เมิงเอาไดอารี่แล้วก็ของทั้งหมดในกล่องนั้นเผาไปพร้อมกับกรูเลยนะ เมิงไม่ต้องอ่านหรอก เพราะทุกเรื่องที่กรูเล่าให้เมิงฟังมันก็อยู่ในนั้นแหล่ะ แล้วที่กรูเล่าให้เมิงฟังอ่ะ ละเอียดกว่าที่กรูเขียนในไดอารี่อีก"
แล้วผมก็เงียบไปนานเลยล่ะ ก่อนจะพูดกับมันอีกครั้งว่า "ตกลงเมิงรับปากกรูแล้วนะ"
ตอนนี้ทั้งผมและไอ้อาร์มไม่มีใครพูดอะไร
จนสุดท้ายไอ้อาร์มมันเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาว่า "เออ...กรูจะพยายามละกัน"
"หนาวว่ะ ขยับหน่อยดิ๊" ผมเดินไปที่เตียง สะกิดให้ไอ้อาร์มมันขยับไปหน่อย แล้วผมก็กระโดดเอาตัวแทรกไปในผ้าห่ม นั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงดูทีวีไปด้วย
"ทำงานเป็นงัยมั่งวะ สนุกป่ะ" ไอ้อาร์มมันถามผม
"ก็สนุกดีนะ แต่บางทีก็เครียดเหมือนกัน เวลาคิดงานไม่ออกอ่ะ" ผมตอบมัน
"งืมมม.....กรูแมร่งยังไม่รู้เลยจะสอบนักบินติดหรือป่าว แมร่งโคตรยากอ่ะ" ไอ้อาร์มมมันบ่น นานๆ ผมจะได้ยินมันบ่นซักที
"ทำไมอ่ะ ยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ พี่เมิงยังสอบติดเลย ให้มันติวให้ดิ" ผมให้กำลังใจมัน เพราะเห็นพี่ชายมันสอบติดนักบินเดินตามรอยพ่อไปแล้วหนึ่งคน
"ไหนเค้าสอบอะไรมั่ง เล่าให้ฟังหน่อยดิ๊" ผมชวนไอ้อาร์มมันคุยต่อ เพราะดูท่าทางมันไม่ค่อยสบายใจ
"เค้าก็จะให้เมิงทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันอ่ะ ให้เมิงคิดเลขไปด้วย แล้วก็ทำอย่างอื่นไปด้วย" ไอ้อาร์มมันอธิบาย แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำหน้างงๆ
"ยังงัยวะ ?!?" ผมถามมันกลับ
ไอ้อาร์มมันลุกขึ้นนั่งกับที่นอน หันหน้ามาทางผมแล้วก็แบมือทั้งสองข้าง "เมิงลองเอานิ้วมาจิ้มบนมือกรูนี่ดิ สลับกันซ้ายขวานะ" ผมมองหน้ามัน นึกในใจ...จะมาให้ผมเล่นจ้ำจี้อะไรของมันวะ
"มาดิ ลองดู" ไอ้อาร์มมันเห็นผมนั่ง งง อยู่ ไม่ยอมขยับ เลยบอกอีกที
ผมขยับจากหัวเตียงมานั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหามัน แล้วก็เอานิ้วชี้ไปจิ้มไว้บนฝ่ามือมันทั้งสองข้าง
"เมิงจิ้มสลับกันขึ้นลงทีละข้างไปเรื่อยๆ นะ" ไอ้อาร์มมันบอกผม
ผมพยายามทำตามที่มันบอก "เออ แบบนั้นแหล่ะ อย่าหยุดนะ" ไอ้อาร์มมันพูด
"15 คูณ 15 ได้เท่าไหร่" ไอ้อาร์มมันถามผม ในขณะที่ผมกำลังสาละวันกับการเล่นจำจี้อยู่ 555+
"อย่าหยุดดิวะ !!! จิ้มต่อไปเรื่อยๆ ดิ บอกแล้วว่าอย่าหยุดงัย !!!" ไอ้อาร์มมันขึ้นเสียง
"เง้อออ...ไม่ให้หยุด แล้วกรูจะคิดออกได้งัยวะ !!!" ผมเถียงมันกลับ แต่ตอนนั้นสมองก็คิดเลขไม่ออกหรอก มือก็จิ้มมั่วไปหมดล่ะ ซ้ายขวาสลับกันไปหมด 55555+
"อ่ะ งั้นเอาแค่ 15 คูณ 15 ได้เท่าไหร่ก่อน" มันยังถามผมต่อ
ผมคิดเลขในใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตอบมันไปว่า "225"
"55555+ คิดนานจังวะ เลขง่ายๆ แค่นี้" ไอ้อาร์มมันหัวเราะผม "เอาใหม่ คราวนี้เมิงห้ามหยุดนะ จิ้มไปเรื่อยๆ" แล้วมันก็แบมือให้ผมเล่นจ้ำจี้ต่อ
ผมจิ้มสลับกันไปมาซ้ายทีขวาที กำลังเพลินๆ ไอ้อาร์มมันก็ถามขึ้นมาใหม่ "12 คูณ 13 ได้เท่าไหร่"
"เชี่ยยย...ไม่เล่นแระ แมร่งยากว่ะ พอๆๆๆ" แล้วผมก็ปัดมือไอ้อาร์มไปทางอื่น แพ้แล้วพาลจริงๆ
"55555+ อะรายว้า นี่ง่ายที่สุดแล้วนะเว้ย 12 คูณ 13 ก็ได้ 156 งัย" ไอ้อาร์มมันหัวเราะผมอีกแระ คงดีใจที่ผมยอมแพ้มันล่ะสิ นานๆ ผมจะยอมมันซักทีก็เงี้ยแหล่ะ
"งั้นเมิงถามกรูมั่ง สลับกัน" ไอ้อาร์มมันยื่นข้อเสนอ
"มาเลยเมิง" ผมรีบแบมือ กะจะเอาคืนเต็มที่ 55555+
คราวนี้ไอ้อาร์มเป็นฝ่ายเล่นจำจี้บ้างล่ะ มันก็เอามือจิ้มสลับกันไปมาซ้ายขวาบนฝ่ามือผม แล้วมันก็มองหน้าผมไปด้วย ไม่ได้มองที่มือเหมือนตอนผมทำหรอก ผมพยายามคิดโจทย์ยากๆ กะว่าเมิงเสร็จกรูแน่ 55555+
"19 คูณ 19 ได้เท่าไหร่" ผมถามมัน
ไอ้อาร์มมันจิ้มไปด้วย คิดไปด้วย แป๊บนึงมันก็ตอบว่า "361"
ผมกำลังคิดในใจอยู่ว่าที่มันตอบมาถูกหรือป่าว "55555+ เอาเครื่องคิดเลขมั้ย" ไอ้อาร์มมันถากถาง
"เออถูก !!!" รมเสีย ไอ้อาร์มมันคิดเลขเร็วจังวะ
"เอายากกว่านี้ก็ได้นะ" ดูมันเยอะเย้ย ฮึ่ย !!!
"25 คูณ 25" ผมถามมันใหม่ กะว่าถ้าหลักยี่สิบคูณกันมันตอบไม่ได้แน่ๆ หะหะ
"625" ไอ้อาร์มมันตอบอย่างมั่นใจ
"พอๆๆๆ ไม่เล่นแระ ไม่เห็นสนุกเลย" นิสัยแพ้แล้วพาลของผมนี่แก้ไม่หายจริงๆ ผมล้มตัวลงนอน ไม่เล่นมันล่ะ เซ็ง ไอ้อาร์มชนะตลอด
"55555+ อะไรวะ แพ้แล้วอย่างนี้ตลอดเลยนะเมิง" ไอ้อาร์มหัวเราะสะใจที่ผมแพ้มันจนได้ในที่สุด
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องฟังมันถากถาง เสร็จแล้วก็เดินมาหรี่แอร์ เริ่มหนาวล่ะ
"หนาวอ่ะดิเมิง เสื้อไม่ยอมใส่" ไอ้อาร์มมันเห็นผมเดินไปหรี่แอร์
ผมเดินกอดอกกลับมาแทรกตัวใต้ผ้าห่ม
"อ่ะ เมิงเอาไปใส่เหอะ" ไอ้อาร์มมันถอดเสื้อของผมที่มันใส่อยู่ แล้วก็ยื่นมาให้
"เมิงไม่หนาวเหรอ" ผมมองหน้ามัน
"กรูใส่เสื้อตัวเมื่อกลางวันก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก" แล้วมันก็เดินไปหยิบเสื้อตัวที่ใส่เมื่อกลางวันมาสวม
"เออ...เดี๋ยวพรุ่งนี้กรูกดเอทีเอ็มให้นะ ค่าหนังกับค่าข้าววันนี้อ่ะ" ไอ้อาร์มมันบอกผม
"เอ้ยยย...ไม่ต้อง กรูเลี้ยง" ผมบอกมัน
ดูไอ้อาร์มมันไม่ค่อยเต็มใจ มันคงเกรงใจผมแหล่ะ
"ไม่เป็นไรน่า แค่นี้เอง นิดหน่อยว่ะ เมิงยังไม่ได้ทำงาน" ผมอยากให้มันสบายใจ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก
"งั้นคิดซะว่าเป็นค่าตัวเมิงคืนนี้ละกัน" 555+ เอาอีกแล้ว มาพัทยาคราวนี้เคนกะจะเคลมอาร์มล่ะสิท่า เมื่อตอนบ่ายก็ซัดหอยนางรมไปซะเยอะเชียว
"หูยยย...เอาจริงอ่ะ" ไอ้อาร์มมันทำทีเล่นทีจริง
"จริงดิวะ โอเคนะ 555+" ผมรีบรวบหัวรวบหางซะเลย
"งั้นใครหลับก่อนเป็นเมียละกัน" ไอ้อาร์มมันยื่นข้อเสนอ
"ด้ายยยยย...ตามนั้นนะเว่ย"
5555555555555555+