ในการทำงานนั้น.....
ทุกๆ สิ้นปี. หรือครบรอบปีการทำงานทุกคนจะต้องได้รับ "การประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา". เพื่อปรับเงินเดือนหรือต่อสัญญาจ้าง....
ดังนั้น. เมื่อครบรอบปีการทำงานผู้เขียนก็ถูกประเมินผลการทำงานเหมือนๆ กับคนอื่นๆ.
วิธีการประเมินผลฯ ของที่นี่. คือ ให้ทุกคนกรอกรายละเอียดการทำงานทั้งปีในแบบฟอร์มการประเมินและจากนั้นทุกคนก็จะต้องเข้าพบ "นายใหญ่และหัวหน้า(สาขา)" ที่ห้องลับ!!! (ห้องลับ = การจัดสถานที่หรือห้องใดห้องหนึ่งที่มิดชิด ให้การพูดคุยทุกอย่างในห้องนั้นเป็นความลับ)
.....................
และแล้ววันที่เข้าพบ "นายใหญ่และหัวหน้า(สาขา)". ก็มาถึง............
ฉันเดินเข้าไปในห้องลับ...... สิ่งที่สัมผัสได้ คือ แอร์เปิดเย็นเฉียบ.....
แต่เมื่อสบตาหัวหน้าข้าวต้ม..... แววตาคู่นั้น "เย็น" ยิ่งกว่าอากาศรอบๆ.... "เย็นชา"
แม้ว่าที่มุมปากของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะพยายามกระตุกขึ้นให้ดูเหมือนการยิ้มต้อนรับก็ตาม........
ส่วนอีกหนึ่งคนที่ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่. ณ ที่นี้คือ.....
"นายใหญ่".
นายที่เคยมอบสิ่งดีๆ และสอนในทุกๆ เรื่อง
นายที่ฉันรักและเคารพ
นายที่ฉันยกมือไหว้เพราะรู้สึกยกย่องอย่างสุดหัวใจ
.......
นายใหญ่ : ทำงานมา ก็ครบปีแล้วเป็นไงบ้าง?
ฉัน : ก็ดีคะ (พรางชำเลืองมอง หัวหน้าข้าวต้มนิดนึง... ในใจก็แอบคิดว่า "จะให้หนูพูดอะไรมากกว่านี้หล่ะคะ ก็คู่กรณีของหนูนั่งทนโธ่อยู่ตรงนี้. ส่วนอีกคนก็เป็นลูกน้องที่แสนดีเลิศประเสริฐศรีของสำนักงาน" พูดอะไรมากก็คงไม่ได้)
นายใหญ่ : อืม... นิต (ชื่อผู้เขียน) เป็นลูกจ้างในโครงการโปรเจคD เน๊อะ... รู้ใช่ไหม?
ฉัน : คะ
นายใหญ่ : โครงการโปรเจคD ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว. ตอนนี้งบประมาณก็หมดแล้ว....
....งบประมาณหมดแล้ว......
.......แล้วไงต่อ?...... คำถามนึงผุดขึ้นในหัว
ฉันกลั้นหายใจ.......รอฟัง.....
นายใหญ่ : ดังนั้น.... ตอนนี้เงินสำหรับจ้างนิตก็หมดแล้ว... และผมก็ไม่รู้ว่าจะให้นิตอยู่ในโครงการไหน...
ฉัน : คะ........ (คำ. คำเดียวที่แสนจะแผ่วเบา... ไม่อยากจะรับรู้อะไรต่อไปทั้งนั้น).......
นายใหญ่ : ตอนนี้โครงการที่ผมกำลังทำอยู่คนก็เต็มหมดแล้ว..... ถ้าจะให้ผมหาโครงการเพิ่มเพื่อให้รองรับนิตก็คงยากและนานมาก........ และโปรเจคของผมที่วางแผนไว้... ที่นิตสามารถทำได้ก็อีกปีหรือ 2 ปีถึงจะเริ่มได้....
ฉัน : ........😔................
นายใหญ่ : ดังนั้น ถ้าจะให้นิตทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรอโครงการนั้น... งบประมาณมันก็เยอะอยู่นะ และผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ้างคุณ
ฉัน : ..........คะ........(คำพูดที่สวยหรูของผู้เป็นนาย.... ยิ่งฟังยิ่งกรีดลึกลงไปในใจ.... ยิ่งฟังเท่าไหร่ยิ่งเจ็บเท่านั้น..... รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องมีวันนี้. แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้...และไม่คิดว่า นายใหญ่จะเป็นคน "บีบให้ออก" ด้วยตนเอง.... )
ทุกอย่างดูจะหยุดหมุนไปเสี้ยววินาที.... นายใหญ่ก็เอ่ยขึ้นว่า....
นายใหญ่ : หัวหน้าคิดว่าไง (นายใหญ่ถามหัวหน้าข้าวต้ม)
หัวหน้าข้าวต้ม : นิตเป็นคนเงียบๆ นะ เรียนรู้เร็ว ก็เก่งนะ อืม... แต่ยังสื่อสารไม่ค่อยเป็น....
ฉัน : ......(มองหน้าหัวนิดนึง... เอ่อนะ... อยู่ต่อหน้านายใหญ่แล้วพูดดีจังเลยนะ...)
นายใหญ่ : ใช่ ผมเห็นด้วย. นิตเป็นคนตรงเกินไป.... แข็งไป.... เท่าที่เราเคยร่วมงานกันมา... นิตจะมองว่าทุกอย่างเป็นสีขาวและสีดำ..... ทุกอย่างต้องตรงเปะๆ
หัวหน้าข้าวต้ม : ทุกอย่างสุดขั้วมากไป. อืม.... (หัวหน้าข้าวต้มเสริม)
นายใหญ่ : ใช่...., เขาเรียกว่า... ไบโพลาร์.....
ฉัน : ...........(ระหว่างที่ฟัง... ฉันรับรู้ได้ถึงก้อนแข็งๆ. ที่จุกในลำคอ...)..
นายใหญ่ : ผมขอเตือนนิตในฐานนะผู้ใหญ่นะ.... เพื่อนผมที่เขาเป็นเหมือนคุณ ไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก...
ฉัน : ........ (ฉันพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอย่างยากลำบาก.... ต่อให้ความเสียใจมันจะมีมากมายแค่ไหนก็ตาม..... จะให้พวกเขาเห็นว่าเราอ่อนแอไม่ไดั... )
นายใหญ่ : ถ้าคุณไม่เปลี่ยนตัวเอง. คุณจะล้มเหลวในชีวิต....
ฉัน : ......... (ฉันมองผู้เป็นนาย.... ด้วยความผิดหวัง....)
........ล้มเหลวในชีวิต..........
........ล้มเหลวในชีวิต..........
........ล้มเหลวในชีวิต..........
เสียง เสียงนี้มันดังก้องในหู....... สะท้อนเข้าไปในอก.....
น้ำตาที่รินไหลภายในใจมันเต็มไปด้วยความสับสน....
ราวกับว่าถูกผลักลงไปในห้วงเหวลึกที่มืดสนิท.....
ต่อให้ร่ำร้องขอความเป็นธรรมปริ่มขาดใจ...., ใครจะรับฟัง........
ฉันไม่รู้ว่า "หัวหน้าข้าวต้มกับนางสตรอว์" พูดอะไรให้นายใหญ่ฟังบ้าง ถึงทำให้นายใหญ่ทำร้ายกันได้เพียงนี้... และคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจซ้ำๆ คือ
"ทำไมนายใหญ่ไม่ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
"ทำไมนายใหญ่ถึงฟังความข้างเดียว"
"สิ่งที่ฉันทุ่มเทให้กับงาน ไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม?"
...........................
ทุกคำพูดของนายใหญ่หลังจากนั้น..... มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา....... เพราะตอนนั้นรับอะไรไม่ได้อีกแล้ว....
....................
หลังจากนั้นอีก 2 เดือนเมื่อ สะสางงานในโปรเจคที่ค้างคาเสร็จเรียบร้อย... ฉันก็ยื่นใบลาออกทันที.....
ในเมื่อ เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่..... และทำเกินหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว.....
หากเขายังไม่เห็นคุณค่าพอที่จะรักษาเราไว้.....
ก็คงไม่มีทางใดให้เลือก........ นอกจากเดินออกมา........
....................
ฉันออกจากงาน...... ทั้งๆ. ที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทาง.......
แค่คิดว่า......
"ไปตายเอาดาบหน้า. ยังดีกว่าจมปลักอยู่กับ วัฏจักรเดิมๆ "
และที่สำคัญ......
ถ้าคนที่ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว.... เรียกว่า "ล้มเหลวในชีวิต". ก็ช่างหัวมันเถอะคะ!!!!
ถ้าคนที่ "
" ไม่เป็น เรียกว่า "ล้มเหลวในชีวิต". ก็ช่างมันเถอะ!!!
..........แ-ร่ง..........
............. .....................
สู้ๆๆๆๆ. ต่อไปค่ะ "มนุษย์เงินเดือนทุกคน" แม้ว่าวันนี้เราอาจจะล้ม.....
แต่ถ้ายังมีลมหายใจ.......
โอกาสที่เราจะชนะ ย่อมมีเสมอ.....
สู้ๆๆ คะ!!!!!
............
สนใจอ่านเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดได้ที่ ลิงค์นี้ค่ะ
http://my.dek-d.com/yaifun/writer/view.php?id=1067525
ประสบการณ์การถูกไล่ออก... อย่างปรานี..(ขนาดปรานีแล้วนะเนี๊ยะ!!!)
ทุกๆ สิ้นปี. หรือครบรอบปีการทำงานทุกคนจะต้องได้รับ "การประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา". เพื่อปรับเงินเดือนหรือต่อสัญญาจ้าง....
ดังนั้น. เมื่อครบรอบปีการทำงานผู้เขียนก็ถูกประเมินผลการทำงานเหมือนๆ กับคนอื่นๆ.
วิธีการประเมินผลฯ ของที่นี่. คือ ให้ทุกคนกรอกรายละเอียดการทำงานทั้งปีในแบบฟอร์มการประเมินและจากนั้นทุกคนก็จะต้องเข้าพบ "นายใหญ่และหัวหน้า(สาขา)" ที่ห้องลับ!!! (ห้องลับ = การจัดสถานที่หรือห้องใดห้องหนึ่งที่มิดชิด ให้การพูดคุยทุกอย่างในห้องนั้นเป็นความลับ)
.....................
และแล้ววันที่เข้าพบ "นายใหญ่และหัวหน้า(สาขา)". ก็มาถึง............
ฉันเดินเข้าไปในห้องลับ...... สิ่งที่สัมผัสได้ คือ แอร์เปิดเย็นเฉียบ.....
แต่เมื่อสบตาหัวหน้าข้าวต้ม..... แววตาคู่นั้น "เย็น" ยิ่งกว่าอากาศรอบๆ.... "เย็นชา"
แม้ว่าที่มุมปากของผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะพยายามกระตุกขึ้นให้ดูเหมือนการยิ้มต้อนรับก็ตาม........
ส่วนอีกหนึ่งคนที่ฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่. ณ ที่นี้คือ.....
"นายใหญ่".
นายที่เคยมอบสิ่งดีๆ และสอนในทุกๆ เรื่อง
นายที่ฉันรักและเคารพ
นายที่ฉันยกมือไหว้เพราะรู้สึกยกย่องอย่างสุดหัวใจ
.......
นายใหญ่ : ทำงานมา ก็ครบปีแล้วเป็นไงบ้าง?
ฉัน : ก็ดีคะ (พรางชำเลืองมอง หัวหน้าข้าวต้มนิดนึง... ในใจก็แอบคิดว่า "จะให้หนูพูดอะไรมากกว่านี้หล่ะคะ ก็คู่กรณีของหนูนั่งทนโธ่อยู่ตรงนี้. ส่วนอีกคนก็เป็นลูกน้องที่แสนดีเลิศประเสริฐศรีของสำนักงาน" พูดอะไรมากก็คงไม่ได้)
นายใหญ่ : อืม... นิต (ชื่อผู้เขียน) เป็นลูกจ้างในโครงการโปรเจคD เน๊อะ... รู้ใช่ไหม?
ฉัน : คะ
นายใหญ่ : โครงการโปรเจคD ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว. ตอนนี้งบประมาณก็หมดแล้ว....
....งบประมาณหมดแล้ว......
.......แล้วไงต่อ?...... คำถามนึงผุดขึ้นในหัว
ฉันกลั้นหายใจ.......รอฟัง.....
นายใหญ่ : ดังนั้น.... ตอนนี้เงินสำหรับจ้างนิตก็หมดแล้ว... และผมก็ไม่รู้ว่าจะให้นิตอยู่ในโครงการไหน...
ฉัน : คะ........ (คำ. คำเดียวที่แสนจะแผ่วเบา... ไม่อยากจะรับรู้อะไรต่อไปทั้งนั้น).......
นายใหญ่ : ตอนนี้โครงการที่ผมกำลังทำอยู่คนก็เต็มหมดแล้ว..... ถ้าจะให้ผมหาโครงการเพิ่มเพื่อให้รองรับนิตก็คงยากและนานมาก........ และโปรเจคของผมที่วางแผนไว้... ที่นิตสามารถทำได้ก็อีกปีหรือ 2 ปีถึงจะเริ่มได้....
ฉัน : ........😔................
นายใหญ่ : ดังนั้น ถ้าจะให้นิตทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรอโครงการนั้น... งบประมาณมันก็เยอะอยู่นะ และผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ้างคุณ
ฉัน : ..........คะ........(คำพูดที่สวยหรูของผู้เป็นนาย.... ยิ่งฟังยิ่งกรีดลึกลงไปในใจ.... ยิ่งฟังเท่าไหร่ยิ่งเจ็บเท่านั้น..... รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องมีวันนี้. แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้...และไม่คิดว่า นายใหญ่จะเป็นคน "บีบให้ออก" ด้วยตนเอง.... )
ทุกอย่างดูจะหยุดหมุนไปเสี้ยววินาที.... นายใหญ่ก็เอ่ยขึ้นว่า....
นายใหญ่ : หัวหน้าคิดว่าไง (นายใหญ่ถามหัวหน้าข้าวต้ม)
หัวหน้าข้าวต้ม : นิตเป็นคนเงียบๆ นะ เรียนรู้เร็ว ก็เก่งนะ อืม... แต่ยังสื่อสารไม่ค่อยเป็น....
ฉัน : ......(มองหน้าหัวนิดนึง... เอ่อนะ... อยู่ต่อหน้านายใหญ่แล้วพูดดีจังเลยนะ...)
นายใหญ่ : ใช่ ผมเห็นด้วย. นิตเป็นคนตรงเกินไป.... แข็งไป.... เท่าที่เราเคยร่วมงานกันมา... นิตจะมองว่าทุกอย่างเป็นสีขาวและสีดำ..... ทุกอย่างต้องตรงเปะๆ
หัวหน้าข้าวต้ม : ทุกอย่างสุดขั้วมากไป. อืม.... (หัวหน้าข้าวต้มเสริม)
นายใหญ่ : ใช่...., เขาเรียกว่า... ไบโพลาร์.....
ฉัน : ...........(ระหว่างที่ฟัง... ฉันรับรู้ได้ถึงก้อนแข็งๆ. ที่จุกในลำคอ...)..
นายใหญ่ : ผมขอเตือนนิตในฐานนะผู้ใหญ่นะ.... เพื่อนผมที่เขาเป็นเหมือนคุณ ไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก...
ฉัน : ........ (ฉันพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอย่างยากลำบาก.... ต่อให้ความเสียใจมันจะมีมากมายแค่ไหนก็ตาม..... จะให้พวกเขาเห็นว่าเราอ่อนแอไม่ไดั... )
นายใหญ่ : ถ้าคุณไม่เปลี่ยนตัวเอง. คุณจะล้มเหลวในชีวิต....
ฉัน : ......... (ฉันมองผู้เป็นนาย.... ด้วยความผิดหวัง....)
........ล้มเหลวในชีวิต..........
........ล้มเหลวในชีวิต..........
........ล้มเหลวในชีวิต..........
เสียง เสียงนี้มันดังก้องในหู....... สะท้อนเข้าไปในอก.....
น้ำตาที่รินไหลภายในใจมันเต็มไปด้วยความสับสน....
ราวกับว่าถูกผลักลงไปในห้วงเหวลึกที่มืดสนิท.....
ต่อให้ร่ำร้องขอความเป็นธรรมปริ่มขาดใจ...., ใครจะรับฟัง........
ฉันไม่รู้ว่า "หัวหน้าข้าวต้มกับนางสตรอว์" พูดอะไรให้นายใหญ่ฟังบ้าง ถึงทำให้นายใหญ่ทำร้ายกันได้เพียงนี้... และคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจซ้ำๆ คือ
"ทำไมนายใหญ่ไม่ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
"ทำไมนายใหญ่ถึงฟังความข้างเดียว"
"สิ่งที่ฉันทุ่มเทให้กับงาน ไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม?"
...........................
ทุกคำพูดของนายใหญ่หลังจากนั้น..... มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา....... เพราะตอนนั้นรับอะไรไม่ได้อีกแล้ว....
....................
หลังจากนั้นอีก 2 เดือนเมื่อ สะสางงานในโปรเจคที่ค้างคาเสร็จเรียบร้อย... ฉันก็ยื่นใบลาออกทันที.....
ในเมื่อ เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่..... และทำเกินหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว.....
หากเขายังไม่เห็นคุณค่าพอที่จะรักษาเราไว้.....
ก็คงไม่มีทางใดให้เลือก........ นอกจากเดินออกมา........
....................
ฉันออกจากงาน...... ทั้งๆ. ที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทาง.......
แค่คิดว่า......
"ไปตายเอาดาบหน้า. ยังดีกว่าจมปลักอยู่กับ วัฏจักรเดิมๆ "
และที่สำคัญ......
ถ้าคนที่ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว.... เรียกว่า "ล้มเหลวในชีวิต". ก็ช่างหัวมันเถอะคะ!!!!
ถ้าคนที่ "" ไม่เป็น เรียกว่า "ล้มเหลวในชีวิต". ก็ช่างมันเถอะ!!!
..........แ-ร่ง..........
............. .....................
สู้ๆๆๆๆ. ต่อไปค่ะ "มนุษย์เงินเดือนทุกคน" แม้ว่าวันนี้เราอาจจะล้ม.....
แต่ถ้ายังมีลมหายใจ.......
โอกาสที่เราจะชนะ ย่อมมีเสมอ.....
สู้ๆๆ คะ!!!!!
............
สนใจอ่านเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดได้ที่ ลิงค์นี้ค่ะ
http://my.dek-d.com/yaifun/writer/view.php?id=1067525