ดังนั้น ศาสตราจารย์จึงได้หาสถานที่สำหรับทิ้งศพเพื่อใช้ในศึกษาการเน่าเปื่อยของร่างกายมนุษย์ ทั้งนี้ก็เพื่อการศึกษาทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ การศึกษาด้านนี้นับว่าเป็นเรื่องใหม่ ยังมีผู้วิจัยไม่มากนัก
ฟาร์มศพแห่งแรกนี้เป็นป่าขนาด 10,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันคนภายนอกหลงเข้าไป ศพที่นำมาศึกษานี้มาจากทั้งผู้ที่ประสงค์จะบริจาคให้สถาบันเพื่อใช้ในการศึกษา และศพไร้ญาติ ซึ่งในปีๆ หนึ่งจะมีจำนวนมากกว่า 100 ศพ แต่จำนวนศพที่ใช้ในการศึกษาครั้งหนึ่งๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10 – 40 ร่างเท่านั้น ในฟาร์มนี้ศพจะถูกวางไว้กระจัดกระตายตามพื้นที่ต่างๆ เช่น บนพื้น บนภูเขา บนพื้นซีเมนต์ ในกระเป๋า ในถุงพลาสติก ในน้ำ หรือฝังไว้ในหลุมตื้นๆ เพื่อศึกษาการเน่าเปื่อยให้สภาพแวดล้อมต่างๆ กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินกันมาอย่างกับคณะทัวร์เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทิ้งกันโล่งๆเลยกำลัง.........ได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพิ่งมาใหม่ๆเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่าได้สุ่มสี่สุ่มห้าปืนรั้วหวังไปขโมยของเด็ดขาด ลงรั้วมามี หัวโกร๋นเลย
ตามสุมทุมพุ่มไม้ก็ไม่
ในดงหญ้า เหลือกระดูกแล้ว (อันนี้ไม่แน่ใจคนหรือลิง เพราะเขาทดลองกับซากสัตว์ด้วย)
ท้ายกระโปรงรถ ลืมไรไว้เปล่าน้า
ซึ่งในบางครั้งก็จะมีการจัดสภาพพิเศษตามคำขอจากทางตำรวจที่กำลังทำการสืบสวนอยู่และอยากได้ข้อมูลเฉพาะเจาะจง ผลการศึกษาของแต่ละศพเช่น สภาพศพ อัตราการเน่าเปื่อย และข้อมูลแมลงต่างๆ ที่มาอาศัยอยู่บนศพ ก็จะถูกจดบันทึกไว้อยู่เป็นระยะๆ รวมถึงเมื่อศพเน่าเปื่อยไปหมดจนเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว ก็จะมีการบันทึกสภาพของโครงกระดูกต่อไป
ผู้ที่ใช้งานฟาร์มศพนี้นอกจากจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแล้ว บางครั้งตำรวจและ FBI ฝึกหัดก็จะเดินทางมาดูงาน หรือแม้แต่นักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วบางครั้งก็กลับมาตามดูผลการศึกษาของตัวเองต่อ
งานศึกษาและวิจัย
ดร. อาร์แพด เวสส์ นักวิจัยและนักมานุษยวิทยานิติเวช แห่งห้องปฏิบัติการแห่งชาติโอ๊คริดจ์ และยังเป็นศาสตราจารย์เสริมของภาคโปรแกรมนิติเวชมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยของรัฐเทนเนสซี
ดร. อาร์แพด เวสส์
เวสส์ กับบรรดาลูกศิษย์ได้ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับศพมากว่าสิบปีแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องการระบุเวลาหลังจากการสิ้นชีวิตว่าศพที่พบนั้นเสียชีวิตมาแล้วนานเพียงใด และศึกษาปัจจัยธรรมชาติที่มีผลต่อสภาพการเน่าเปื่อย หรือย่อยสลายของศพ จากการศึกษาอย่างอดทนและจริงจัง ทำให้พวกเขาค้นพบวิธีการทางชีวเคมีที่นับว่าล้ำเลิศ สามารถบอกเวลาตั้งแต่คนคนนั้นเสียชีวิต ซึ่งให้ข้อมูลอันมีประโยชน์แก่ตำรวจในการสืบคดีฆาตกรรมได้กว่าร้อยคดี และในเวลานี้ คณะทำงานของเวสส์ได้ไขปริศนาเกี่ยวกับเครื่องหมายบ่งบอกทางชีวเคมีชุดใหม่ทั้งหมดที่จะช่วยให้ผู้สืบสวนกำหนดเวลาการตายได้แม่นยำมาก ซึ่งมีความแม่นยำถึงระดับชั่วโมงเลยทีเดียว
ซอมบี้เเพลนของแท้ละ ลงแปลงปลูกอย่างดี
ปฏิบัติภาคสนาม
ดูจากสีหน้าเธอจะรู้สึกยังไงตอนเปิด
เวสส์ ได้อธิบายคร่าวๆ ว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีศพกว่า 300 ศพที่เน่าเปื่อยสลายอยู่ในบริเวณนี้ ที่นี่มีพื้นที่ 3 เอเคอร์ (ประมาณ 40 ไร่) มีเนินเขาที่มีป่าไม้ปกคลุม ในบริเวณแม่น้ำเทนเนสซี จากชานเมืองน็อกสวิลล์ศพเหล่านั้นถูกจัดวางวางให้เหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุฆาตกรรม บ้างก็อยู่บนม้านั่ง บ้างก็อยู่ในรถผุๆ หรือไม่ก็ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ นอนเปลือยอยู่ในกอหญ้า หรือถูกทิ้งไว้ในถุงบรรจุศพเหมือนตอนแรกมา เวสส์บอกว่างานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการตาย แต่เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ศพแต่ละศพเหล่านี้ถูกใช้เพื่อทดลอง เป็นตัวแทนของบุคคลที่ยังมีชีวิต ที่วันหนึ่งในภายหน้าจะต้องเสียชีวิตหรืออาจถูกฆาตกรรม ศพเหล่านี้จะช่วยให้ข้อมูลหลายอย่างเพื่อเทียบกับศพในอนาคตเหล่านั้น
จากการศึกษาอย่างจริงจัง ผู้วิจัยพบว่าการเน่าเปื่อยหลังการตายนั้น แบ่งได้เป็นสี่ขั้นตอน
1. เริ่มจากการสลายเซลล์เป็นของเหลวอันเนื่องมาจากการทำงานของ เอนไซม์ภายใน
2. การย่อยสลายเนื้อเยื่อโดยแบคทีเรีย
3. ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนเมื่อแห้ง
4. โครงกระดูกหลังการย่อยสลายของเนื้อเยื่อ
กระบวนการเหล่านี้จะใช้เวลาแตกต่างกันไป บางศพใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง บ้างก็หลายวัน หรือหลายเดือนหลังจากการตายก็มี
ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพของสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอุณหภูมิและความชื้นสำหรับในฤดูร้อนที่เทนเนสซีนั้น ศพใหม่จะเน่าเปื่อยจนเหลือแต่กระดูก ในช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นในช่วงเวลา 12 - 24 ชั่วโมงหลังจากเสียชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้จากศพจะช่วยให้ผู้ชันสูตรศพสามารถได้ข้อสรุปที่แม่นยำ พอที่จะประมาณค่าเวลานับตั้งแต่ศพนั้นเสียชีวิตได้ แต่หากเป็นศพเก่า ตายมาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ การระบุเวลาจะยากขึ้นมาก เนื่องจากเกิดการสลายทางเคมีที่ซับซ้อนมากขึ้น กระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครเข้าใจกระบวนการดังกล่าวมากนัก
นักศีกษาที่มาศึกษาสภาพหลุมศพตรวจหาหลักฐานต่างๆ
สองคนนี้เล่นพระด้วย.. เฮ้ย ไม่ใช่ เค้าส่องดูหนอนแมลงวันที่ได้จากศพเพื่อคำนวณหาเวลาการตายของศพต่างหาก
แผนที่แสดงตำแหน่งศพที่กระจายอยู่ทั่วไป 70 กว่าร่าง
Body farm ฟาร์ม....ตาย.......ความตาย
พูดถึงฟาร์ม คุณคงนึกถึงภาพทุ่งโล่ง เขียวขจี มีกังหันลม ในรั้วมี แกะตัวน้อยๆขนฟูน่ากอด รอให้เราไปถ่ายรูป เสพบรรยากาศแบบตะวันตก ชิวล์ๆเพลินๆ ในวันหยุดกับ คนรัก ครอบครัว แล้วกลับบ้านไปอย่างประทับใจ อย่างนี้
แต่ฟาร์มนี้ ไม่มีแกะ ไม่มีกังหัน คุณจะเจอแต่ศพ ศพ และศพ นอนเกลื่อนกลาดตามโน่นตามนี่ สภาพทั้งสดและแห้งแตกต่างกันไป แค่เห็นรั้ว คุณคงจะกลับรถออกตัวไปอย่างล้อฟรี เลยเป็นได้ แล้วไอ้ฟาร์มที่ว่ามัน คืออะไร มีไว้ทำไมลองมาดูกันดีกว่า
ไม่ทันจะพันรั้วไปเท่าไหร่ ถุงดำๆนั้นไง
ฟาร์มศพแห่งแรกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1981 โดยนายแพทย์ วิลเลี่ยม เอ็ม เบสส์ ผู้ซึ่งเป็นศาสตราจารย์สอนวิชามานุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย เทนเนสซี่ จุดเริ่มต้นมาจากที่ในตอนนั้นข้อมูลความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ซากศพมีอยู่น้อยมาก ทำให้เวลาที่เกิดคดีอะไรขึ้นตำรวจมักจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากศาสตราจารย์อยู่เสมอๆ
ดังนั้น ศาสตราจารย์จึงได้หาสถานที่สำหรับทิ้งศพเพื่อใช้ในศึกษาการเน่าเปื่อยของร่างกายมนุษย์ ทั้งนี้ก็เพื่อการศึกษาทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ การศึกษาด้านนี้นับว่าเป็นเรื่องใหม่ ยังมีผู้วิจัยไม่มากนัก
ฟาร์มศพแห่งแรกนี้เป็นป่าขนาด 10,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันคนภายนอกหลงเข้าไป ศพที่นำมาศึกษานี้มาจากทั้งผู้ที่ประสงค์จะบริจาคให้สถาบันเพื่อใช้ในการศึกษา และศพไร้ญาติ ซึ่งในปีๆ หนึ่งจะมีจำนวนมากกว่า 100 ศพ แต่จำนวนศพที่ใช้ในการศึกษาครั้งหนึ่งๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10 – 40 ร่างเท่านั้น ในฟาร์มนี้ศพจะถูกวางไว้กระจัดกระตายตามพื้นที่ต่างๆ เช่น บนพื้น บนภูเขา บนพื้นซีเมนต์ ในกระเป๋า ในถุงพลาสติก ในน้ำ หรือฝังไว้ในหลุมตื้นๆ เพื่อศึกษาการเน่าเปื่อยให้สภาพแวดล้อมต่างๆ กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามสุมทุมพุ่มไม้ก็ไม่
ในดงหญ้า เหลือกระดูกแล้ว (อันนี้ไม่แน่ใจคนหรือลิง เพราะเขาทดลองกับซากสัตว์ด้วย)
ท้ายกระโปรงรถ ลืมไรไว้เปล่าน้า
ซึ่งในบางครั้งก็จะมีการจัดสภาพพิเศษตามคำขอจากทางตำรวจที่กำลังทำการสืบสวนอยู่และอยากได้ข้อมูลเฉพาะเจาะจง ผลการศึกษาของแต่ละศพเช่น สภาพศพ อัตราการเน่าเปื่อย และข้อมูลแมลงต่างๆ ที่มาอาศัยอยู่บนศพ ก็จะถูกจดบันทึกไว้อยู่เป็นระยะๆ รวมถึงเมื่อศพเน่าเปื่อยไปหมดจนเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว ก็จะมีการบันทึกสภาพของโครงกระดูกต่อไป
ผู้ที่ใช้งานฟาร์มศพนี้นอกจากจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแล้ว บางครั้งตำรวจและ FBI ฝึกหัดก็จะเดินทางมาดูงาน หรือแม้แต่นักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วบางครั้งก็กลับมาตามดูผลการศึกษาของตัวเองต่อ
งานศึกษาและวิจัย
ดร. อาร์แพด เวสส์ นักวิจัยและนักมานุษยวิทยานิติเวช แห่งห้องปฏิบัติการแห่งชาติโอ๊คริดจ์ และยังเป็นศาสตราจารย์เสริมของภาคโปรแกรมนิติเวชมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยของรัฐเทนเนสซี
เวสส์ กับบรรดาลูกศิษย์ได้ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับศพมากว่าสิบปีแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องการระบุเวลาหลังจากการสิ้นชีวิตว่าศพที่พบนั้นเสียชีวิตมาแล้วนานเพียงใด และศึกษาปัจจัยธรรมชาติที่มีผลต่อสภาพการเน่าเปื่อย หรือย่อยสลายของศพ จากการศึกษาอย่างอดทนและจริงจัง ทำให้พวกเขาค้นพบวิธีการทางชีวเคมีที่นับว่าล้ำเลิศ สามารถบอกเวลาตั้งแต่คนคนนั้นเสียชีวิต ซึ่งให้ข้อมูลอันมีประโยชน์แก่ตำรวจในการสืบคดีฆาตกรรมได้กว่าร้อยคดี และในเวลานี้ คณะทำงานของเวสส์ได้ไขปริศนาเกี่ยวกับเครื่องหมายบ่งบอกทางชีวเคมีชุดใหม่ทั้งหมดที่จะช่วยให้ผู้สืบสวนกำหนดเวลาการตายได้แม่นยำมาก ซึ่งมีความแม่นยำถึงระดับชั่วโมงเลยทีเดียว
ปฏิบัติภาคสนาม
ดูจากสีหน้าเธอจะรู้สึกยังไงตอนเปิด
เวสส์ ได้อธิบายคร่าวๆ ว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีศพกว่า 300 ศพที่เน่าเปื่อยสลายอยู่ในบริเวณนี้ ที่นี่มีพื้นที่ 3 เอเคอร์ (ประมาณ 40 ไร่) มีเนินเขาที่มีป่าไม้ปกคลุม ในบริเวณแม่น้ำเทนเนสซี จากชานเมืองน็อกสวิลล์ศพเหล่านั้นถูกจัดวางวางให้เหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุฆาตกรรม บ้างก็อยู่บนม้านั่ง บ้างก็อยู่ในรถผุๆ หรือไม่ก็ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ นอนเปลือยอยู่ในกอหญ้า หรือถูกทิ้งไว้ในถุงบรรจุศพเหมือนตอนแรกมา เวสส์บอกว่างานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการตาย แต่เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ศพแต่ละศพเหล่านี้ถูกใช้เพื่อทดลอง เป็นตัวแทนของบุคคลที่ยังมีชีวิต ที่วันหนึ่งในภายหน้าจะต้องเสียชีวิตหรืออาจถูกฆาตกรรม ศพเหล่านี้จะช่วยให้ข้อมูลหลายอย่างเพื่อเทียบกับศพในอนาคตเหล่านั้น
จากการศึกษาอย่างจริงจัง ผู้วิจัยพบว่าการเน่าเปื่อยหลังการตายนั้น แบ่งได้เป็นสี่ขั้นตอน
1. เริ่มจากการสลายเซลล์เป็นของเหลวอันเนื่องมาจากการทำงานของ เอนไซม์ภายใน
2. การย่อยสลายเนื้อเยื่อโดยแบคทีเรีย
3. ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนเมื่อแห้ง
4. โครงกระดูกหลังการย่อยสลายของเนื้อเยื่อ
กระบวนการเหล่านี้จะใช้เวลาแตกต่างกันไป บางศพใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง บ้างก็หลายวัน หรือหลายเดือนหลังจากการตายก็มี
ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพของสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอุณหภูมิและความชื้นสำหรับในฤดูร้อนที่เทนเนสซีนั้น ศพใหม่จะเน่าเปื่อยจนเหลือแต่กระดูก ในช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นในช่วงเวลา 12 - 24 ชั่วโมงหลังจากเสียชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้จากศพจะช่วยให้ผู้ชันสูตรศพสามารถได้ข้อสรุปที่แม่นยำ พอที่จะประมาณค่าเวลานับตั้งแต่ศพนั้นเสียชีวิตได้ แต่หากเป็นศพเก่า ตายมาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ การระบุเวลาจะยากขึ้นมาก เนื่องจากเกิดการสลายทางเคมีที่ซับซ้อนมากขึ้น กระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครเข้าใจกระบวนการดังกล่าวมากนัก
นักศีกษาที่มาศึกษาสภาพหลุมศพตรวจหาหลักฐานต่างๆ
สองคนนี้เล่นพระด้วย.. เฮ้ย ไม่ใช่ เค้าส่องดูหนอนแมลงวันที่ได้จากศพเพื่อคำนวณหาเวลาการตายของศพต่างหาก
แผนที่แสดงตำแหน่งศพที่กระจายอยู่ทั่วไป 70 กว่าร่าง