จากกระทู้นี้..
http://2g.ppantip.com/cafe/klaibann/topic/H11424433/H11424433.html
ความคิดเห็นที่ 1340
----------------------
ต่อจาก #1338 อะมะตา
ขอบคุณ คุณยืนงงฯ ที่จริงอ่านอยู่นานแล้วแต่ไม่ได้เป็นสมาชิก เอาเรื่องของหลายๆ ท่านไปเล่าให้คุณแม่ กับน้องฟัง สนุกมาก เลยเล่าบ้างเพราะเราได้ทำความฮือฮาให้กับอาหารไทย ในทวีปที่หาอาหารไทยแทบไม่ได้ในช่วงนั้น
เพื่อนเนปาลคนที่ว่านั้น เป็นแบบคุณหนู แบบชายชาตรีแต่ไม่ค่อยสมบุกสมบั่น และพอมาอยู่ที่อัฟริกา ก็เกิดอาการคล้ายๆ shock ทั้ง cultural shock และความไม่สะดวกสบายทั้งหลายทั้งปวง อยู่ไปได้แป๊บก็กินอะไรไม่ลง
ก็ catering ที่มาตั้งโรงครัวเขาบอกว่าจ้างมาจากโรงแรม 5 ดาว เชียวนะ ผลปรากฏว่า ได้กินเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเทศ เป็นจานแรก ตามด้วยสตูเนื้ออะไรสักอย่างที่มีแต่ไข ขนมปัง ผักเกือบไม่มี ได้กินใบคะน้าที่เอามาทำแบบผักโขมต้มเปื่อย ที่จริงตอนแรกไม่รู้หรอกว่าผักอะไร พอดีไปเห็นต้น เลยได้รู้ว่าพี่แกเล่นปลูกคะน้าเป็นไม้ยืนต้นแล้วเด็ดใบแก่ๆ มาทำเปื่อยๆ เหม็นๆ ให้พวกเรากิน (ลองคิดดูกลิ่นคล้ายๆ ผักเน่าๆ เปื่อยๆ) บางทีก็มีข้าวที่หุงกับน้ำมันเลี่ยนๆ ข้าวก็ไม่ละมุนอย่างบ้านเรา กินซ้ำๆ ซากๆ อย่างนี้แหละ หัวหน้าโครงการ(ฝรั่ง)บอกว่าครบ 5 หมู่นะจ๊ะ ที่เล่ามาก็ให้เห็นว่ามันไม่ไหว ขนาดเรายกให้คนอื่นกินเป็นประจำ กินแต่หนมปังกับกาแฟซะมาก อุตสาห์ไปซื้อน้ำผึ้งที่หมู่บ้านมากินกะหนมปังก็ไม่ได้เรื่อง แถมเพื่อนยังสมเพชอีกว่า มาจากเมืองไทยมีน้ำผึ้งชั้นหนึ่งกิน ยังจะมากินน้ำผึ้งที่นี่ทำไม ก็ไอ้เรานึกว่าจะได้กินของออร์กานิกน่ะ แต่ดันกลายเป็นยังกะน้ำตาลปึกเคี่ยว ยังดีมีกลิ่นหอมนิดๆ เราก็พยายามซื้อผลไม้มา ส่วนใหญ่มีแต่กล้วย แต่ขอโทษ มีจุดๆๆๆเต็มไปหมด ซื้อมานักเกษตรในกลุ่มก็ให้โยนทิ้ง บอกเป็นโรค แต่เราไม่ยอม ก็กินเข้าไปแหละ ถึงไม่เหมือนบ้านเราแต่มันก็กล้วยอะนะ
เพื่อนเนปาล เพื่อนอินเดีย ก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย หน้าตอบ ผอมทันตา ด้วยความที่เราพกขนม อาหาร แม้แต่ท้อฟฟี่มาจากเมืองไทย ก็แจกไปหมดแล้ว ในที่สุดยังเหลือข้าว และเรามีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า(ที่ใช้ต้มกล้วยบวชชี) เท่ห์มากเลย เรายกหม้อ ยกข้าวสารที่มีทั้งหมดให้แกไป แต่ป้าเนปาลที่มาด้วยก็ได้แต่ทำข้าวต้มอะไรอย่างนั้น ในที่สุดเราก็เลยขอใช้ครัว มีเด็กห้องครัวเป็นลูกมือเอาข้าวสวยที่หุงไปทำข้าวผัด ใส่หอมแขก มันฝรั่งต้มหั่นๆ เข้า พริกหั่นๆ รวมทั้งไอ้ใบคะน้าเจ้ากรรม เขาไม่กินเนื้อสัตว์ เราก็เลย ทำข้าวผัด ห่อไข่ซะเลย เพื่อนเนปาลดีใจมาก กินอย่างชื่นอกชื่นใจ เพื่อนๆ และพวกอาจารย์บอกดีมาก เป็นทีกล่าวขวัญถึงอาหารไทย ระหว่างที่ทำข้าวผัด เด็กลูกมือจ้องตาไม่กระพริบ โดยเฉพาะตอนเชฟจำเป็น สั่งให้เอากระทะอีกใบมากรอกไข่ จากนั้นกุ๊กโรงแรมที่โรงครัวก็เลยทำข้าวผัดห่อไข่ตามเราให้คณะกินกันตามเรียกร้อง(บ่อยด้วยล่ะ)
แต่ก็จบเศร้านะ เพราะต้องอยู่อีกหลายสัปดาห์ เพื่อนเนปาลไม่มีกำลังใจ อาจารย์ก็เลยต้องส่งแกกลับประเทศ ไม่งั้นคงตายจริงๆ
หลังจากนั้นหลายปีเจอเรื่องประหลาดใจอีก เราเล่าให้เด็กรุ่นน้องฟังเรื่องข้าวห่อไข่ที่ไปแสดงฝีมือไว้ รุ่นน้องบอก เคยอ่านในนิตยสารที่มีเรื่องท่องเที่ยวประเทศนี้ มีโรงแรมนึงมีอาหารจานซิกเนเจอร์เป็นข้าวห่อไข่ที่พี่เล่าแบบนี้เลย
อาหารไทยที่ขึ้นชื่อในแอฟริกามีอะไรบาง...จากกระทู้ในตำนาน
http://2g.ppantip.com/cafe/klaibann/topic/H11424433/H11424433.html
ความคิดเห็นที่ 1340
----------------------
ต่อจาก #1338 อะมะตา
ขอบคุณ คุณยืนงงฯ ที่จริงอ่านอยู่นานแล้วแต่ไม่ได้เป็นสมาชิก เอาเรื่องของหลายๆ ท่านไปเล่าให้คุณแม่ กับน้องฟัง สนุกมาก เลยเล่าบ้างเพราะเราได้ทำความฮือฮาให้กับอาหารไทย ในทวีปที่หาอาหารไทยแทบไม่ได้ในช่วงนั้น
เพื่อนเนปาลคนที่ว่านั้น เป็นแบบคุณหนู แบบชายชาตรีแต่ไม่ค่อยสมบุกสมบั่น และพอมาอยู่ที่อัฟริกา ก็เกิดอาการคล้ายๆ shock ทั้ง cultural shock และความไม่สะดวกสบายทั้งหลายทั้งปวง อยู่ไปได้แป๊บก็กินอะไรไม่ลง
ก็ catering ที่มาตั้งโรงครัวเขาบอกว่าจ้างมาจากโรงแรม 5 ดาว เชียวนะ ผลปรากฏว่า ได้กินเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเทศ เป็นจานแรก ตามด้วยสตูเนื้ออะไรสักอย่างที่มีแต่ไข ขนมปัง ผักเกือบไม่มี ได้กินใบคะน้าที่เอามาทำแบบผักโขมต้มเปื่อย ที่จริงตอนแรกไม่รู้หรอกว่าผักอะไร พอดีไปเห็นต้น เลยได้รู้ว่าพี่แกเล่นปลูกคะน้าเป็นไม้ยืนต้นแล้วเด็ดใบแก่ๆ มาทำเปื่อยๆ เหม็นๆ ให้พวกเรากิน (ลองคิดดูกลิ่นคล้ายๆ ผักเน่าๆ เปื่อยๆ) บางทีก็มีข้าวที่หุงกับน้ำมันเลี่ยนๆ ข้าวก็ไม่ละมุนอย่างบ้านเรา กินซ้ำๆ ซากๆ อย่างนี้แหละ หัวหน้าโครงการ(ฝรั่ง)บอกว่าครบ 5 หมู่นะจ๊ะ ที่เล่ามาก็ให้เห็นว่ามันไม่ไหว ขนาดเรายกให้คนอื่นกินเป็นประจำ กินแต่หนมปังกับกาแฟซะมาก อุตสาห์ไปซื้อน้ำผึ้งที่หมู่บ้านมากินกะหนมปังก็ไม่ได้เรื่อง แถมเพื่อนยังสมเพชอีกว่า มาจากเมืองไทยมีน้ำผึ้งชั้นหนึ่งกิน ยังจะมากินน้ำผึ้งที่นี่ทำไม ก็ไอ้เรานึกว่าจะได้กินของออร์กานิกน่ะ แต่ดันกลายเป็นยังกะน้ำตาลปึกเคี่ยว ยังดีมีกลิ่นหอมนิดๆ เราก็พยายามซื้อผลไม้มา ส่วนใหญ่มีแต่กล้วย แต่ขอโทษ มีจุดๆๆๆเต็มไปหมด ซื้อมานักเกษตรในกลุ่มก็ให้โยนทิ้ง บอกเป็นโรค แต่เราไม่ยอม ก็กินเข้าไปแหละ ถึงไม่เหมือนบ้านเราแต่มันก็กล้วยอะนะ
เพื่อนเนปาล เพื่อนอินเดีย ก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย หน้าตอบ ผอมทันตา ด้วยความที่เราพกขนม อาหาร แม้แต่ท้อฟฟี่มาจากเมืองไทย ก็แจกไปหมดแล้ว ในที่สุดยังเหลือข้าว และเรามีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า(ที่ใช้ต้มกล้วยบวชชี) เท่ห์มากเลย เรายกหม้อ ยกข้าวสารที่มีทั้งหมดให้แกไป แต่ป้าเนปาลที่มาด้วยก็ได้แต่ทำข้าวต้มอะไรอย่างนั้น ในที่สุดเราก็เลยขอใช้ครัว มีเด็กห้องครัวเป็นลูกมือเอาข้าวสวยที่หุงไปทำข้าวผัด ใส่หอมแขก มันฝรั่งต้มหั่นๆ เข้า พริกหั่นๆ รวมทั้งไอ้ใบคะน้าเจ้ากรรม เขาไม่กินเนื้อสัตว์ เราก็เลย ทำข้าวผัด ห่อไข่ซะเลย เพื่อนเนปาลดีใจมาก กินอย่างชื่นอกชื่นใจ เพื่อนๆ และพวกอาจารย์บอกดีมาก เป็นทีกล่าวขวัญถึงอาหารไทย ระหว่างที่ทำข้าวผัด เด็กลูกมือจ้องตาไม่กระพริบ โดยเฉพาะตอนเชฟจำเป็น สั่งให้เอากระทะอีกใบมากรอกไข่ จากนั้นกุ๊กโรงแรมที่โรงครัวก็เลยทำข้าวผัดห่อไข่ตามเราให้คณะกินกันตามเรียกร้อง(บ่อยด้วยล่ะ)
แต่ก็จบเศร้านะ เพราะต้องอยู่อีกหลายสัปดาห์ เพื่อนเนปาลไม่มีกำลังใจ อาจารย์ก็เลยต้องส่งแกกลับประเทศ ไม่งั้นคงตายจริงๆ
หลังจากนั้นหลายปีเจอเรื่องประหลาดใจอีก เราเล่าให้เด็กรุ่นน้องฟังเรื่องข้าวห่อไข่ที่ไปแสดงฝีมือไว้ รุ่นน้องบอก เคยอ่านในนิตยสารที่มีเรื่องท่องเที่ยวประเทศนี้ มีโรงแรมนึงมีอาหารจานซิกเนเจอร์เป็นข้าวห่อไข่ที่พี่เล่าแบบนี้เลย