1.สมัยพุทธกาลเรียนธรรมมะ 1-2 ข้อ ตามจริตของตน แล้วนำไปปฏิบัติจนสำเร็จมรรคผล ถ้ายังไม่สำเร็จก็จะปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าบุญบารมีพร้อม หรือบางรูปจะถอดใจ พระพุทธองค์ก็จะแสดงธรรมโปรด จึงมองเห็นทางแล้วปฏิบัติจนสำเร็จได้
2.สมัยนี้เรียนธรรมมะกันมากมาย ลองปฏิบัติดูทุกข้อ พอไม่ได้ผล ก็ล้มเลิก แล้วก็บอกว่าธรรมมะไม่ถูกจริตบ้าง ธรรมมะไม่ถูกต้องบ้าง อาจารย์รุ่นหลังบัญญัติเองเออเองหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ พอไม่สำเร็จมรรคผลก็ถอดใจ สึกขาลาเพศเอาลูกเอาเมีย(ไม่มีใครสามารถดึงไว้เหมือนพระพุทธเจ้า)
3.เป็นไปใด้ไหม ธรรมมะทุกข้อ เป็นข้อเดียวกัน ที่แยกไปก็เพื่อให้ตรงจริต อุปนิสัย วาสนา ของแต่ละบุคคล เมื่อบุคคลใด้เรียนรู้ธรรมมะข้อใดข้อหนึ่งแตกฉาน ก็สามารถบรรลุมรรคผลใด้ ซ้ำยังรู้อรรถของธรรมมะข้ออื่นได้อีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นคำถามคือ ธรรมมะทุกข้อ มีอะไรเหมือนกัน
4.เป็นไปได้ไหมว่าเพราะตนเองปราถนาบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ จึงไม่สามารถบรรลุธรรมชั้นสูงใด้ ถึงแม้ว่าจะได้รับธรรมมะของพระพุทธเจ้าจากพระโอฏฐ์ก็ตาม เช่นปราถนาพุทธภูมิ อะไรทำนองนี้
ธรรมมะเหมือนกันทุกข้อ แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคนจริงหรือไม...?
2.สมัยนี้เรียนธรรมมะกันมากมาย ลองปฏิบัติดูทุกข้อ พอไม่ได้ผล ก็ล้มเลิก แล้วก็บอกว่าธรรมมะไม่ถูกจริตบ้าง ธรรมมะไม่ถูกต้องบ้าง อาจารย์รุ่นหลังบัญญัติเองเออเองหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ พอไม่สำเร็จมรรคผลก็ถอดใจ สึกขาลาเพศเอาลูกเอาเมีย(ไม่มีใครสามารถดึงไว้เหมือนพระพุทธเจ้า)
3.เป็นไปใด้ไหม ธรรมมะทุกข้อ เป็นข้อเดียวกัน ที่แยกไปก็เพื่อให้ตรงจริต อุปนิสัย วาสนา ของแต่ละบุคคล เมื่อบุคคลใด้เรียนรู้ธรรมมะข้อใดข้อหนึ่งแตกฉาน ก็สามารถบรรลุมรรคผลใด้ ซ้ำยังรู้อรรถของธรรมมะข้ออื่นได้อีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นคำถามคือ ธรรมมะทุกข้อ มีอะไรเหมือนกัน
4.เป็นไปได้ไหมว่าเพราะตนเองปราถนาบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ จึงไม่สามารถบรรลุธรรมชั้นสูงใด้ ถึงแม้ว่าจะได้รับธรรมมะของพระพุทธเจ้าจากพระโอฏฐ์ก็ตาม เช่นปราถนาพุทธภูมิ อะไรทำนองนี้