เคยเสพติดอะไรไหม? ไม่กินไม่ได้ "โหย" : เราหักดิบจากการเสพติดน้ำดำได้สำเร็จแล้ว(มั้ง?)

ออกตัวก่อนว่าเจ้าของกระทู้ 1.เตี้ย 2.อ้วน 3.มีพุง 4.ไม่ชอบออกกำลังกาย 5.ไม่ค่อยสนใจเรื่องรูปร่าง
*** เพราะงั้น นี้ไม่ใช่กระทู้อวด หรือ ชวน ลดหุ่น แต่เค้าอยากมาแชร์ประสบการณ์เลิกเสพติดอะไรซักอย่าง

เราเคยคิดว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ติดสารเสพติด
เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านพ่อที่เคยเมาเหล้าอาละวาดถือมีดวิ่งไล่ฟันท่านแม่จะเอาเงินไปซื้อเหล้า เป็นความทรงจำเดียวเกี่ยวกับพ่อที่จำได้ แล้วเขาทั้งสองก็หย่ากันตะลาลา.... สถานะปัจจุบัน "พ่อหนูอยู่ไหน?" มาได้เกือบ 30 ปีแล้ว

ขอบคุณพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง ลูกท่านป้า) ที่เคยพี้กัญชาต่อหน้าเด็ก
รักน้องมาก แม่ตัวเองไปทำงานเมืองนอก น้าไปทำงานออฟฟิส น้องไม่มีใครดูแล แต่ทำไงดี อยากยาอ่ะ พาน้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์ไปซื้อยา ป๊าด! (เรื่องนี้ญาติเล่าให้ฟังค่ะ)
แต่พอนึกๆ ดูก็เข้าเค้า เพราะถ้าจำไม่ผิด ตอนเด็กๆ อยู่บ้านคนเดียว พี่ยังไม่กลับ ไม่มีใครอยู่บ้าน ชอบไปรื้อหัวเตียงพี่ชายเล่น เคยเจอบ้องอะไรก็ไม่รู้ เป็นไม้ไผ่ เหม็นๆ กับใบไม้แห้งๆ เลยเอามาขยำๆ เล่นแล้วโปรยบนดาดฟ้า หัวเราะคิดคัก สุขใจจัง รื้อไปรื้อมา ทำแป้งสีขาวๆ ในห่อหกด้วยแหละ ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ไล่เตะเราซักหน่อย อย่างน้อยๆ ตอนไปวิ่งเล่นแล้วล้มหัวฟาดพื้นคิ้วแตก พี่ก็อุตส่าหยุดปาตี้พานั่งซ้อนท้ายไปเย็บแผลนะ ... แต่ พาไปหาหมอไร้ฝีมือนะพี่ คิ้วหนูเป็นแผลเป็นขนคิ้วไม่ขึ้นเนี่ย กันคิ้วลำบากมาก แต่งหน้ายากสุดๆ

บุหรี่เหรอ? ไม่สูบหรอก ไม่เคยเรียนวิชาสุขศึกษารึไง โทษของสารเสพติด นั่งท่องประเภท ชนิด แล้วทำข้อสอบนั่นน่ะ สูบมากๆ มันเป็นโรคนะ อันตราย อีกอย่างแถวกรุงเทพฯไม่มี "สายฝน" ขายซะหน่อย กรองติ๊บก็ไม่หอมเหมือนยาเส้นที่ยายม้วนสูบด้วย เค้าไม่สูบบุหรี่หรอก

คิดว่าตัวเองใช้ชีวิตได้ไร้ราคีมากๆ เลยค่ะ ไม่ติดสิ่งเสพติดต้องโทษอะไรซักอย่าง เราไม่จนเครียดกรึ๊บแน่นอน ที่ไหนได้.... ภัยร้ายที่อันตรายที่สุดคือสิ่งที่มันอยู่ในชีวิตประจำวันนี่แหละ

ตอนข่าวเด็กติดเกมอาละวาด เราก็นั่งหัวเราะ "โฮะๆ ฉันเล่นเกมหนักแต่แม่ฉันไม่เห็นจะว่าอะไรเลย เพราะฉันไปเรียน สอบ แบ่งเวลาเป็น"
เราก็คิดว่า เราไม่ติดเกม ไม่ได้เสพติดอินเตอร์เน็ท ไม่ได้ติดโซเชี่ยล ไม่ได้เสพติดเฟซบุ๊ค (ก็เพื่อนในเฟซที่ซี้กันมีอยู่ 4 คนรวมแฟน จิ้มโทรศัพท์หาเม้ากันง่ายกว่า)

ใครจะไปรู้ เราติดแป็ปซี่ ..... (แต่ถ้าหาแป็ปซี่ไม่ได้ อนุโลมให้เป็น โค้ก บิ๊กโคล่า และเอสเป็นลำดับสุดท้าย)
ติดขนาดที่ว่าขวดลิตรกินเพลินๆ แทนน้ำ หลังๆ เลยพยายามห้ามตัวเองเพราะ "เปลือง" ขี้เกียจวิ่งออกไปซื้อบ่อย กินแบบประป๋อง วันละไม่เกิน 3 แต่ส่วนมากจะ 2 แล้วเปิดครึ่งเทครึ่ง เป็น 2.5
แต่พอมันเปลี่ยนเป็นแบบสลิม จะบ้าตาย กระดก 2 อึกก็หมดแล้วย่ะ! ใครคิดฟร่ะ! ต้องงดจำกัดจำเขี่ย สั่งการตัวเอง 2 นะเว้ย 2 นะเว้ย 2 ... สอง ... สอง ... สองแม่-! ตบะแตก

มันโหยจริงๆ นะคะ อาการอยากมันทรมานสุดๆ ตกดึกตอนกลางคืนจะรู้สึกกระหายน้ำ คอแห้ง อยากดื่มน้ำซ่าๆ อัดลม สดชื่นๆ อยาก อยากมากจนทนไม่ไหว ตีหนึ่งตีสองนอนไม่หลับ ตีสามทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาเปิดตู้เย็น แฮ่กๆ นิดเดียวน่า ... แค่จิบเดียว ... นิดนึงก็ยังดี เอื๊อก! รู้ตัวอีกที 2 กระป๋อง
แบบว่า เปิด 1 กระป๋องก็แล้ว ไม่อิ่ม ไม่หายอยาก เลยต้องล่อซะ 2  แล้วบอกตัวเองว่า "หมดงบวันนี้แล้วนะ" (ตอนนั้นตี 3 เลยนับเป็นอีกวัน) แต่ที่ไหนได้ พอทานข้าวกลางวัน ดื่มน้ำอะไร? โคล่าใส่น้ำแข็ง ไปกินข้าวเย็นนอกบ้าน ดื่มน้ำอะไร? ก็ยังจะเป็นโคล่า..... อ๋อ... ลืมบอกไป 2 กระป๋องที่ว่ามันงบของ "โควต้าในการเปิดน้ำอัดลมดื่มที่บ้าน"

อาหารโหยมันทรมานมากจริงๆ นะคะ อยากสุดๆ มือสั่นเลย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในสมองมีแต่ "อยากดื่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จนท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว ยอมแพ้กับแรงอยากจนสมใจเพราะคิดว่า "กะอีแค่โคล่า น้ำตาลอัดแก๊ซ คาเฟอีนติ๊ดหน่อย จะเป็นอะไร"
อ้วนก็อ้วนสิ ไงก็อ้วนอยู่แล้ว กลมมาตั้งแต่เด็กๆ คนอย่างเรามันก็ยัยหมูพุงอืด ลดน้ำหนักหรือผอมสวยกับเขาไม่ได้หร้อก หน้าก็บาน กลมก็กลม ละที่สำคัญ "มีแฟนแล้ว" แฟนก็เลิฟๆ กันดีไม่ใช่เป็นพวกรักแต่รูป สนแต่คบเอาไว้เดินควง แฟนฉันรักฉันที่จิตใจ ความดี รักที่ภายในย่ะ โฮะๆ กระหยิ่มยิ้มย่องเต็มที่ ภูมิใจในความน่ารักของแฟนสุดๆ .... แล้วฉันก็มีความสุขของฉันดีอยู่แบบนี้ แล้วฉันต้องลดน้ำหนัก เมคหุ่นสวยไปทำม๊าย?

เพราะคิดแบบนี้ไง เลยไม่แคร์เรื่องลดน้ำหนัก ข้ออ้างที่ว่า "ดื่มน้ำอัดลมมากๆ อ้วนนะตัวเธอ" เป็นอันตกไป ไม่เคยหลั่งน้ำตาให้กับปริมาณน้ำตาลในร่างกาย ยังคงมีความสุขกับการดื่มแป็ปซี่ ไปห้างแบกแพ็คน้ำอัดลมแบบกระป๋องยกลังราคา200กว่าๆ กลับบ้านมันทุกอาทิตย์

จนเมื่อสองเดือนก่อนค่ะ ไม่รู้ช่วงนี้ประเทศไทยเกิดวิกฤตอะไร หรือสวรรค์เห็นใจว่าชาติบ้านเมืองเราร้อนเป็นไฟเลยส่งลมหนาวมาบรรเทาอุณหภูมิชาวกรุง คือ... ที่พล่ามไปตั้งเยอะก็เพื่อจะบอกว่า "ดิฉันแพ้อากาศค่ะทุกท่าน"
ต้องขอบคุณยีนส์ภูมิแพ้จากพระมารดาที่ถ่ายทอดมาได้แต่แบบคัดเน้นๆ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ อะไรนิดอะไรหน่อยคัน ทำงานบ้านไม่ได้ ล้างจาน ถูบ้าน ซักผ้า ทำไม่ได้เลย ขึ้นผื่น ลูกคุณหนู โตมาเริ่มแพ้อาหารทะเล กินแล้วลมพิษขึ้น คัน ต้องทานยาแก้แพ้ อากาศเย็นไปขึ้นผื่นแดงน่ากลัว จนเริ่มเป็นหนัก ต้องโบกมือบ๊ายบายกับปลากระพงทอดราดน้ำปลา ปลาเก๋าราดพริก (มัน)กุ้งแม่น้ำ(ไซส์โลละ1200อัพ)ย่าง จนถึงตอนนี้ แพ้อาการหลอดลมอักเสบทุกครั้งที่อากาศหนาว

สองเดือนก่อนปีใหม่ เป็นหลอดลมอักเสบค่ะ เป็นหนักมากติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แล้ว ย่างเข้าเดือนสิบปุ๊บเป็นปั๊ป ไอจนทนไม่ไหว แล้วช่วงนี้แหละค่ะ ความทรมานก็เกิดขึ้น เพราะเป็นครั้งแรกที่ดื่มโคล่าแล้วแสบคอ! ไม่ใช่แค่น้ำอัดลมแบบกระป๋อง แต่แบบใส่น้ำแข็งกดจากเครื่องขายก็เป็น ขนาดกินน้ำแดงโซดายังแสบเลย! เลยต้องงด
โหย ช่วงแรกๆ ทรมานมากกกกกกกกกก ....... มันอยากสุดๆ เลยตบะแตกหลายที แอบดื่ม แอบจิบ ผลสุดท้าย ไอหนัก แสบคอมาก ไอจนอ้วกเอาอาหารมื้อก่อนหน้านั้นทะลักออกมาจากลำคอ แหวะ...
ก็ต้องงดสิคะ อดดื่มของโปรด งดแบบ... "เฮ้ย ตรูจะหักดิบละนะ ถ้าไม่หายจะไม่กลับไปดื่มอีก" ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่กล่าวคำอธิฐานในใจ บอกกับน้องๆ โคล่ากระป๋องที่รอการเรียงรายเข้าตู้เย็นไว้ว่า "รอก่อนนะ เค้าจะรีบๆ รักษาตัวเองให้หายแล้วก็กลับมาดื่มพวกตัวเองให้ชุ่มปอดเยย"

ที่ไหนได้ เดือนมกราแล้ว ... อากาศยังเย็นอยู่เลย ยังไออยู่ด้วย มีเสมหะนิดๆ หน่อยๆ ไม่หายแพ้อากาศซักที อุณหภูมิไม่ยอมสูงขึ้น การชุมนุมยืดเยื้อ เอ้ย! ขอโทษค่ะๆ สงสัยเพราะมันดึกแล้วเราเลยเผลอๆ ไปบ้าง แมวค่ะแมวของข้างบ้านมันกระโดดขึ้นมาบนแป้นคีย์บอร์ดได้ยังไงก็ไม่รู้!

ช่างหัวอาการป่วยมัน ยังไม่ได้ทรมานมากขนาดต้องคลานไปพบหมอรักษาภูมิแพ้จริงๆ จังๆ
แต่สิ่งนึงที่เราเริ่มสังเกตตัวเองได้ก็คือ "เฮ้ย ตรูไม่โหยแล้วนี่หว่า?" คืออยู่บ้านก็ไม่ได้อยากดื่มน้ำอัดลมแล้ว ไม่โหย ไม่อยาก เฉยๆ กินชาอู่หลง อีฟ มินิเมด ชารสแพร์&น้ำผึ้งของไคโอ น้ำลำไยโครงการจิตรลดา ฯลฯ แทนได้อย่างปกติสุขโดยไม่โหยหาโซดาและคาร์บอนฯค่ะ
อ้าว? งงอะไรกันคะ ก็บอกแล้วไงว่า ลดละเลิกน้ำดำเฉยๆ ไม่ได้บอกซักคำว่าจะเลิกทานน้ำหวาน รักษาหุ่น เค้าล้อเล่น

มันหายขาดจริงๆ นะคะ รู้เลยว่าคนเลิกยาเป็นยังไง จิตใจมันสงบขึ้น ต่อให้ของมาวางตรงหน้าก็ไม่มีความอยาก ไปทานอาหารนอกบ้าน สามารถสั่งน้ำเปล่าดื่มได้โดยไม่รู้สึกแปลกอะไร หรือต่อให้ดื่มน้ำอัดลมก็ดื่มแล้วเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่ามันอร่อยชุ่มชื่นฉ่ำใจอะไรขนาดนั้น แตกต่างกับเมื่อก่อนที่ถ้าไม่ได้กินแล้วรู้สึกเหมือนอะไรมันขาดหายไป แล้วที่สำคัญ พอกลับมาดื่มอีกมันไม่อร่อยเหมือนเมื่อก่อนค่ะ
แถมพอจะดูดน้ำสีดำๆ นั่นขึ้นมา กลับรู้สึกละอาย ผิด บาป ได้ยินเสียงในหัวสมองตัวเอง "จะดีเหรอเธอ จะทำจริงๆ เหรอ?" เกิดความรู้สึกอยากอ้วก ไม่อยากให้ของสิ่งนั้นเข้าปากผ่านคอหอยลงสู่กระเพาะของตัวเอง เข้าใจเลย พวกที่เป็นโรคอะไรซักอย่างที่กินแล้วต้องล้วงคอออกมามันเป็นยังไง คงประมาณนี้สินะคะ แอบรู้สึกทึ่งที่ตัวเองมีโมเม้นท์เล็กๆ แบบนั้นกับเขาด้วย!

อาการแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าเลิกสารเสพติดสีดำนี้ได้แล้วรึยัง แต่ที่แน่ๆ และคิดว่าคนอ่านก็คงจะคิดอย่างเดียวกัน "อิเจ้าของกระทู้มันเพ้อ!"
ก็เพ้อแหละค่ะ ไม่งั้นไม่รีบมานั่งพิมพ์กระทู้ตอนตี 2 หรอก หลังจากจู่ๆ มันก็หิว เลยลงไปค้นขนมปังกับมามาเลทได้แล้วซัดขนมปังทาเนย+แย้มผิวส้มไป 3 แผ่น แล้วก็หาน้ำหวานแช่เย็นแต่ไม่มีเพราะลืมเอาเข้าตู้ เลยลองเปิดโค่ล่าใส่น้ำแข็งกินไป 2 อึก
แค่ กินไป 2 อึกก็รู้สึก ... มันไม่อร่อยอ่ะ รู้สึกผิด แล้วก็คิดได้ว่า อันที่จริงเราก็ไม่ได้โหยนี่หว่า ไม่ได้อยากกินอะไรด้วย แค่ "ลองกินดู" แล้วก็กิน
ลองแล้ว .... ไม่อร่อยเหมือนเดิม
นี่ดีนะเป็นน้ำดำ ถ้าเป็นยาไอซ์ หรือสารเสพติดแบบอื่นไม่รู้จะมานั่งเล่าด้วยความภูมิใจได้แบบนี้มั้ย?
เพราะพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ไม่ใช่ความอยากรู้อยากลองแบบนี้หรอกเหรอ ที่ทำให้มีครั้งแรก แล้วก็ไม่ใช่เพราะ ไม่เป็นไรน่า นิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นเสียหาย กว่าจะรู้ตัว ถลำลึกไปซะแล้ว เลิกไม่ได้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่หลอดลมอักเสบไม่หยุดดื่มโคล่า!

คิดว่าเพ้อเท่านี้แหละค่ะ
***อย่าสับสนนะคะ มู้บ่นเรื่องเลิกสิ่งเสพติดจริงๆ นะคะ ยังไม่ได้คิดจะลดหุ่นตอนนี้ ไว้วันไหนเบาหวานกินอาจจะมาตั้งมู้ "เมื่อฉันลด ละ เลิก แป้ง และน้ำตาล" ก็ได้ค่ะ (แต่สาบานกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เวลาไปช็อปฯ จะหยิบชาอู่หลงแบบไม่มีน้ำตาลให้มากกว่าอีฟรสองุ่นค่ะ)
แบบว่า ก็คิดว่า ตัวเองยังไม่อ้วนอืดมากเท่าไหร่ เลยยังไม่หลั่งน้ำตาค่ะ ผิดที่แฟนเราคนเดียวเลยนะเนี่ย ถ้ามันหัดขู่กันซักนิดว่า "ถ้าไม่ลดน้ำหนัก เค้าจะเลิกรักตัว!" ป่านนี้เราอาจจะลดน้ำหนักแล้วก็ได้
เราสูง 151.5 หนัก 66 ค่ะ ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานเลยว่า "ยัยอืด" มองหาวิวัฒนาการจากตอนเด็กๆ ไม่ออกเลยค่ะ ก็แค่กลมขึ้น ร้องไห้

ป.ล. อ่านขำๆ นะตัวเอง อย่าซีเรียส อย่าจริงจัง ถ้าภาษาแซว พาดพิง หรือเขียนเมามันมากเกินไป ต้องขอโทษในสำนวนร้ายๆ ของเราไว้ ณ. ที่นี้ด้วยค่า
ขออนุญาติแท็ก เครื่องดื่มนะคะ เพราะเราติดสิ่งเสพติดประเภทน้ำดำ , แท็กลดความอ้วน เพื่อบางคนที่อาจจะกำลังลดความอ้วนอยู่แล้วต้องงดของโปรดของชอบทั้งหลาย , แท็กสุขภาพจิตเล็กน้อย เพราะรู้สึกเรื่องแบบนี้ ใจมันสำคัญมาก และเราสยองตัวเองจริงๆ ที่แว๊บนึง เกิดอยากอาเจียนเอาน้ำดำที่กลืนลงคอออกมา
และแท็กภูมิแพ้ เพราะเค้าเป็นภูมิแพ้ ... ถ้าเค้าไม่เป็นภูมิแพ้ เค้าไม่ต้องหักดิบเซ็นใบหย่ากับโคล่าหรอก ใจร้าว
มันถึงเวลาแล้วรึยังน้อที่เราจะไปคลีนิคภูมิแพ้?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่