ที่มาจาก
http://www.boxzacar.com/auto/7316
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยของปี 2556 ที่ผ่านมา พบยอดผลิตมากกว่า 2.45 ล้านคัน ซึ่งเป็นยอดการผลิตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ส่งผลให้ประเทศไทยขึ้นเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 10 ของโลก
รถยนต์ในโลกปัจจุบันกลายเป็นปัจจัย 4 ส่วนหนึ่งร่วมกับชีวิตไปแล้ว ด้วยความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในสถานะการปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่จากทั่วโลกต่างมุ่งเป้าผลิตรถยนต์ให้ได้ตามความต้องการ ในส่วนของสภาพตลาดทางเอเชียนั้นเป็นตลาดที่ใหม่กว่าและยังสามารถเติมโตและขยายได้อีกมาก ผู้ผลิตหลายค่ายจึงเริ่มหันมาสร้างโรงงานผลิตให้ใกล้กับกลุ่มผู้ซื้อให้มากขึ้นเพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ และเข้าใกล้ผู้ซื้อโดยตรง
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิตรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม ธันวาคม 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,457,086 คัน สูงสุดรอบ 52 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใน 10 อันดับแรกของโลก โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2555 ร้อยละ 0.14
ประเทศไทยติดอันดับ1ใน10ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ยอดผลิตในเดือนที่ผ่านมา จะต่ำสุดในรอบ 20 เดือนก็ตามทั้งนี้ ยอดผลิตดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,335,783 คัน คิดเป็นร้อยละ 54.36 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 6.72 ขณะที่เป็นยอดผลิตเพื่อการส่งออกผลิต 1,121,303 คัน เท่ากับร้อยละ 45.64 เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 9.75ขณะที่รถจักรยานยนต์มียอดการผลิตในปี 2556 ทั้งสิ้น 2,820,592 คัน ลดลงจากปี 2555 ร้อยละ 10.43 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป 2,218,625 คัน ลดลงร้อยละ 14.87 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ 601,967 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.87“
ในส่วนของยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดขาย 1,325,478 คัน ลดลงจากปี 2555 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 7.7 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 2,004,498 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2555 ร้อยละ 5.9″การส่งออกรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,128,152 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 9.88 ส่งผลให้มีมูลค่าการส่งออก 512,186.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 4.5 การส่งออกรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 935,747 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 มีมูลค่า 50,149.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.08
(ส่วนตัว) ไม่เห็นจะมีความรู้สึกอะไรเลย หากมองสภาพเศรษกิจไทย ในตอนนี้ อยุ่ในช่วงชลอตัวซึ่งนักเก็งกำไรหลายคนเรียกมันว่าช่วงก่อนดิ่งตัว ในข่าวหลายวงการต่างกระพรือถึงเรื่องการเปลี่ยนไปในทางที่ดีของประเทศ ซึ่งการพัฒนาที่สวนกระแสต่างมีมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในเรื่องของรถยนต์ ประเทศไทยติดเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 10 ของโลกแล้ว คำถามคือ แล้วกำไรที่ได้จากการลงทุนหายไปไหน ทำไหมเราชาวไทยยังคงทนทุกข์ทรมานจากปัญหาเดิมๆ ที่ไม่มีการแก้ไข หน่ำซ้ำยังมีปัญหาใหม่หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำท่าจะไม่มีการดีขึ้นแต่อย่างไร ดูข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นซ้ำซากจากผู้รับผิดชอบจากส่วนราชการยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายอย่างในประเทศไทยดิ่งลงเหว แต่กลับมีข่าวว่าเราสามารถผลิตรถยนต์ได้มากที่สุด 1 ใน 10 ของโลก เราควรจะต้องดีใจไหมที่เราได้อยุ่ในสถานที่ที่มีเป็นผู้ผลิต1ในสิบของโลก ทั้งๆที่หลายๆค่ายที่ผลิตกับประเทศเรา นั้นขายให้เราในราคาที่แพงกว่าส่งออก เราจะดีใจไหมที่เราผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่ให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ประเทศร่วมด้วย แล้วเราควรดีใจไหมที่อำนาจในมือของใครบางคนยังคงได้รับเงินก้อนนี้แต่เพียงกลุ่มก้อน ประชาชนคนหมั้นใจได้เลยว่ามีไม่ถึง10 ล้านคนที่รู้ข่าวนี้ จริงๆแล้วประเทศไทยหากมีคนที่ ศักยภาพมากพอ ที่แสวงหาประโยชน์เพื่อชาติอย่างแท้จริงนั้นเราจะก้าวไปเป็น อันดับ1 ในโลกอย่างภาคภูมิโดยไม่ต้องน้อยหน้าใคร ทุกวันนี้เรายังคงยิ้มให้กับคนที่เอาเปรียบ ยกมือไหว้กับคนที่โกงเรา และยังคงชื่นชมกับคนที่ทำตัวต่ำทราม(ในสภา) แล้วอนาคตของชาติละจะมุ่งไปทางไหนในเมื่อเรายังคงชี้เป้าตัวอย่างที่ดีไปที่คนเลว แน่นอนเมื่อเราหยุดอยุกับที่ในโลกปัจจุบันนั้นเท่ากับเราถอยหลังแล้ว
ประเทศไทยติดอันดับ1ใน10ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยของปี 2556 ที่ผ่านมา พบยอดผลิตมากกว่า 2.45 ล้านคัน ซึ่งเป็นยอดการผลิตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ส่งผลให้ประเทศไทยขึ้นเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 10 ของโลก
รถยนต์ในโลกปัจจุบันกลายเป็นปัจจัย 4 ส่วนหนึ่งร่วมกับชีวิตไปแล้ว ด้วยความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในสถานะการปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่จากทั่วโลกต่างมุ่งเป้าผลิตรถยนต์ให้ได้ตามความต้องการ ในส่วนของสภาพตลาดทางเอเชียนั้นเป็นตลาดที่ใหม่กว่าและยังสามารถเติมโตและขยายได้อีกมาก ผู้ผลิตหลายค่ายจึงเริ่มหันมาสร้างโรงงานผลิตให้ใกล้กับกลุ่มผู้ซื้อให้มากขึ้นเพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ และเข้าใกล้ผู้ซื้อโดยตรง
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิตรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม ธันวาคม 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,457,086 คัน สูงสุดรอบ 52 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใน 10 อันดับแรกของโลก โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2555 ร้อยละ 0.14
ประเทศไทยติดอันดับ1ใน10ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ยอดผลิตในเดือนที่ผ่านมา จะต่ำสุดในรอบ 20 เดือนก็ตามทั้งนี้ ยอดผลิตดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,335,783 คัน คิดเป็นร้อยละ 54.36 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 6.72 ขณะที่เป็นยอดผลิตเพื่อการส่งออกผลิต 1,121,303 คัน เท่ากับร้อยละ 45.64 เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 9.75ขณะที่รถจักรยานยนต์มียอดการผลิตในปี 2556 ทั้งสิ้น 2,820,592 คัน ลดลงจากปี 2555 ร้อยละ 10.43 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป 2,218,625 คัน ลดลงร้อยละ 14.87 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ 601,967 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.87“
ในส่วนของยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดขาย 1,325,478 คัน ลดลงจากปี 2555 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 7.7 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 2,004,498 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2555 ร้อยละ 5.9″การส่งออกรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,128,152 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 9.88 ส่งผลให้มีมูลค่าการส่งออก 512,186.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 4.5 การส่งออกรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 935,747 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 มีมูลค่า 50,149.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.08
(ส่วนตัว) ไม่เห็นจะมีความรู้สึกอะไรเลย หากมองสภาพเศรษกิจไทย ในตอนนี้ อยุ่ในช่วงชลอตัวซึ่งนักเก็งกำไรหลายคนเรียกมันว่าช่วงก่อนดิ่งตัว ในข่าวหลายวงการต่างกระพรือถึงเรื่องการเปลี่ยนไปในทางที่ดีของประเทศ ซึ่งการพัฒนาที่สวนกระแสต่างมีมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในเรื่องของรถยนต์ ประเทศไทยติดเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 10 ของโลกแล้ว คำถามคือ แล้วกำไรที่ได้จากการลงทุนหายไปไหน ทำไหมเราชาวไทยยังคงทนทุกข์ทรมานจากปัญหาเดิมๆ ที่ไม่มีการแก้ไข หน่ำซ้ำยังมีปัญหาใหม่หลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำท่าจะไม่มีการดีขึ้นแต่อย่างไร ดูข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นซ้ำซากจากผู้รับผิดชอบจากส่วนราชการยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายอย่างในประเทศไทยดิ่งลงเหว แต่กลับมีข่าวว่าเราสามารถผลิตรถยนต์ได้มากที่สุด 1 ใน 10 ของโลก เราควรจะต้องดีใจไหมที่เราได้อยุ่ในสถานที่ที่มีเป็นผู้ผลิต1ในสิบของโลก ทั้งๆที่หลายๆค่ายที่ผลิตกับประเทศเรา นั้นขายให้เราในราคาที่แพงกว่าส่งออก เราจะดีใจไหมที่เราผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่ให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ประเทศร่วมด้วย แล้วเราควรดีใจไหมที่อำนาจในมือของใครบางคนยังคงได้รับเงินก้อนนี้แต่เพียงกลุ่มก้อน ประชาชนคนหมั้นใจได้เลยว่ามีไม่ถึง10 ล้านคนที่รู้ข่าวนี้ จริงๆแล้วประเทศไทยหากมีคนที่ ศักยภาพมากพอ ที่แสวงหาประโยชน์เพื่อชาติอย่างแท้จริงนั้นเราจะก้าวไปเป็น อันดับ1 ในโลกอย่างภาคภูมิโดยไม่ต้องน้อยหน้าใคร ทุกวันนี้เรายังคงยิ้มให้กับคนที่เอาเปรียบ ยกมือไหว้กับคนที่โกงเรา และยังคงชื่นชมกับคนที่ทำตัวต่ำทราม(ในสภา) แล้วอนาคตของชาติละจะมุ่งไปทางไหนในเมื่อเรายังคงชี้เป้าตัวอย่างที่ดีไปที่คนเลว แน่นอนเมื่อเราหยุดอยุกับที่ในโลกปัจจุบันนั้นเท่ากับเราถอยหลังแล้ว