ตามนี้อ่ะครับ ลิ้งค์ครับ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000005592
คห. ที่ 14 ผมก็ยากเลือกตั้งแต่ที่ไม่เอาเลือกตั้งเพราะระบอบทักษิณมันโกงถ้าคุณไม่รู้ว่ามันโกงอะไรบ้างผมจะรวบรวมการโกงของทักษิณให้ คห. 14 ได้ดูและอ่านเพื่อจะฉลาดขึ้นบ้างไม่เป็นกบในกะลาหรือเป็นดอกบัวที่อยู่ในโคลนตม
-ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที่อยากจะร่ำรวย....
--เริ่มจากการอยากร่ำรวยทางลัด ยุคปฏิวัติ รสช สมัยสุนทร คงสมพงษ์....ทักษิณ ก็ให้เงินทหารที่ปฏิวัติ เพื่อแลก สัมปทานมือถือแบบง่ายๆ ... "ยัดเงิน ทหาร ไม่ต้องประมูลสัมปทานอย่างยุติธรรม ให้มันยุ่งยาก"
--หลังจากทักษิณได้สัมปทานรัฐฯ จากการยัดเงินใต้โต๊ะแล้ว ทักษิณก็เริ่มอยากปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เพราะการมีอำนาจเอง ก็คงดีกว่าการคอยพึ่งบารมีผู้มีอำนาจ นักการเมือง ข้าราชการที่คอยแต่จะรีดไถ่
--ทักษิณก็เลยโดดมาเล่นการเมือง เพื่อการมีอำนาจซะเองเลย
--เริ่มที่พรรคพลังธรรม ทำหน้าที่เป็นนายทุนให้พรรค เติบโตมาพร้อมๆกับ เจ้หน่อย ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ถือเป็นนักธุรกิจไฟแรง ที่ผันตัวเองมาเล่นการเมือง
--เมื่อทักษิณเล่นการเมืองมีอำนาจรัฐฯ อยู่ในมือแล้ว เป็นรองนายก แม้ไม่ถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เห็นช่องทางแห่งความร่ำรวย
--เริ่มจากตัดลดงบประมาณต่างๆ ทำองค์กรโทรศัพท์ให้อ่อนแอ ขาดงบประมาณในการซ่อมแซมดูแล ใช้งานไม่ได้มากๆเข้า ก็เป็นการบีบประชาชน โดยทางอ้อมให้จำเป็น ต้องซื้อโทรศัพท์มือถือ เพราะยุคนั้นตู้โทรฯสาธารณะ
แทบจะใช้ไม่ได้ซักตู้
--พอทักษิณเล่นการเมืองไปนานๆเข้า ก็เห็นว่าอำนาจรัฐมีประโยชน์ สร้างความร่ำรวยให้ได้มากมาย ความคิด... ก็เข้าครอบงำ จากนั้น..... ตามมาๆ
--ยุคนายก จิ๋ว ฟองสบู่แตก + ลดค่าเงินบาท ยุคนั้น ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสนอให้ ชวลิตลดค่าเงินบาท ซึ่งถือเป็นผู้รู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า (insider) ....
--ทักษิณ ได้ใช้ข้อมูลนั้น ในการดำเนินการ ประกันค่าเงินของ ทรัพย์สินและบริษัท ในตระกูลของตนเองและพวกพ้องทั้งหมดไว้ แค่นั้นยังไม่พอ..
--ทักษิณและพวกพ้องกลุ่มนายทุนใหญ่ ระดับชาติ ใช้กลยุทธการ "ไซฟ่อนเงิน" เพื่อความร่ำรวย และซ้ำเติมความหายนะของชาติ ให้มากขึ้นไปอีก เพรายิ่งไทยหายนะเท่าไหร่ ค่าเงินบาทไทยก็ยิ่งลดลงไปม
ากเท่านั้น ซึ่งก็คือ...
--ทักษิณและพวกพ้อง ใช้วิธี กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วนำไปแลกดอลล่าร์ไว้ เพราะรู้ข้อมูลล่วงหน้าว่า จะมีการประกาศลดค่าเงินบาท และเมื่อ ชวลิตลดค่าเงินบาทตามคำแนะนำของกลุ่มทักษิณ..
--ค่าเงิน จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ก็ดิ่งลงสู่หายนะ ในเวลาอันรวดเร็ว โดยต่ำสุดอยู่ที่ 58 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ ....... ทักษิณ และพวกพ้อง ก็เอาดอลล่าร์กลับมาแลกคือเ
ป็นเงินบาทไทย "กำไรทันทีเกิน เท่าตัว!!!!"
--ทฤษฏีของ สสาร ง่ายๆ คือ สสารไม่มีวันหายไปจากโลก เหมือนเม็ดทรายในท้องทะเล แค่ ย้ายจากที่หนึ่ง ไปสู่อีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง ความร่ำรวย และยากจนก็ไม่ต่างกัน...
--เมื่อทักษิณ และพวกพ้องมีกำไรจากการประกันค่าเงิน และ ไซฟ่อนเงินเป็นมูลค่ามหาศาลเกิน 100% คนที่ขาดทุนก็คือประชาชนคนไทย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆก็เหมือนมีเงินในกระเป๋าเท่าเดิม แต่ค่าของเงินหายไปเกินครึ่ง!!!
--ทักษิณและพวก ร่ำรวยขึ้นเป็นเท่าตัว บนความยากจนลงๆ ของประชาชนทั้งประเทศ จากการลดค่าเงินบาทในครั้งนี้
--คราวนี้ทักษิณก็มีทุน กระสุนดินดำ ไว้ใช้ในการเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วสิ.....
--ทักษิณก็เริ่มใช้เงินที่ได้มา ซื้อพรรคการเมืองต่างๆ กวาด สส.พรรคต่างๆเข้าพรรคของตัวเอง เพราะเวลาทักษิณจะออกกฏหมาย
หรือเปลี่ยนแปลงกฏหมายอะไร จะได้มี สส.ลูกน้อง คอยยกมือโหวดผ่านร่างในสภา ให้กฏหมายผ่านง่ายๆ ตามแต่ใจที่ต้องการ
--หลังจากทักษิณกวาดต้อน ใช้เงินซื้อ สส.ที่ขายตัว มาเป็นลูกน้องคอยยกมือให้ในสภาแล้ว ก็เริ่มจัดการแก้กฏหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองก่อนเลย โดย...
--ทักษิณแก้กฏหมาย วิธีการจ่ายภาษีสัมปทานมือถือให้รัฐฯ โดยให้ บ. ตัวเองจ่ายน้อยลง ทำให้รัฐสูญเสียเงินรายได้ จากการจัดเก็บภาษีสัมปทานมือถือในทุกๆปี เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นล้าน/ต่อปี...
--ผลจากการแก้กฏหมายดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไปอีก นานแสนนาน"
--เป็นไงละ...ก็ เพราะทักษิณคุมอำนาจรัฐฯไว้ในมือ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของทักษิณ ก็ดันทำธุรกิจกับภาครัฐฯ ไปด้วย... แล้วคิดว่า ทักษิณจะอยากให้รัฐฯได้ประโยชน์มากกว่า หรือ อยากให้ครอบครัวตัวเองได้ประโยชน์ มากกว่าหละ
--แน่นอนเมื่อสัญญาถูกแก้ ให้ครอบครัวทักษิณจ่ายภาษีมือถือน้อยลง รัฐก็จะมีเงินรายได้เข้าคลังน้อยลง เงินที่จะนำไปใช้ในการบริหารประเทศ ช่วยเหลือคนจนก็จะน้อยลง ยิ่งช่วงนั้น ไทยประสบปัญหา ฟองสบู่แตก ด้วย เงินในคลังก็ยิ่งน้อยลง
--ที่นี้ ทักษิณอยากได้เงินเข้าคลังเยอะๆ เพราะทักษิณเป็นรัฐบาล จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายโครงการต่างๆ เพื่อให้พวกพ้องโกงกิน แต่ไทยยังติดหนี้ IMF และยังมีเงินในคลังน้อยอยู่ แล้วทักษิณจะทำไงดีละ.... ตามมาๆๆ
--ก็ขายสมบัติชาติไง เพราะพอขายแล้ว ชาติจะได้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ ทักษิณและพวกพ้อง สส.จะได้เอาไปถลุง + โกงกินทุกโครงการให้สบายใจ
--โดยเริ่มจากขาย ปตท. ซึ่งเดิมที ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือเรียกง่ายๆว่า ธุรกิจของรัฐฯ 100%
--ซึ่งหมายความว่า.."กำไร" จากการขายน้ำมัน /ปิโตรเคมี /อะโรเมติค /พาราไซรีน ฯลฯ ทุกอย่างทุกชนิด ทุกบาท ทุกสตางค์ ของ ปตท จะกลับเข้าคลัง ไปเป็นงบประมาณของรัฐฯ เพื่อนำเงินนั้น กลับมาบำรุงชาติ/ประชาชน แต่ทักษิณก็ขาย...
--ซึ่งนั้นหมายความว่า กำไรจาก ปตท ที่ รัฐฯเคยเก็บได้ทุกปี 100% เต็ม "ตลอดอายุประเทศไทย".... จะไม่ได้เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะต้องเอากำไรของชาติ ไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นด้วย ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ตลอดไป
--แถมทักษิณยังขาย ปตท. แบบโกงราคา สัดส่วนหุ้น ต่อหน่วยลงทุนด้วย!! งง มั้ย คืองี้....
--ปตท คือรัฐวิสาหกิจของประเทศ ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เราเลือก สส + นายก มาเป็น ผู้บริหารประเทศ หรือเรียกง่ายๆว่า ตัวแทน "ผู้จัดการมรดก"
--ทีนี้ เมื่อทักษิณเป็นรัฐบาล เป็นนายก เป็นผู้จัดการมรดกของชาติ ก็มีความคิดเอาทรัพย์สินของชาติ ไปขาย เพื่อให้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ
--แทนที่ทักษิณจะขายให้ได้กำไร หรือ อย่างน้อยเท่าทุน เพื่อให้ชาติได้เงินตามสมควร... แต่ทักษิณเอาสมบัติชาติไป..
"ขายขาดทุน โดยให้ พวกพ้อง ญาติเป็นคนซื้อ"
--ทักษิณให้ญาติ และ พวกพ้อง สส.ของพรรค ซื้อสมบัติชาติ จนหมด และ ในราคา ต่ำกว่าต้นทุนหลายๆเท่า ดังตัวอย่างเช่น ประชาชน"คนแรก"ที่ไปรอต่อแถ
วซื้อหุ้น ปตท ตั้งแต่ตี 4 แค่กรอกใบสมัคร 1.14 นาที หุ้นก็หมดไปแล้ว...
--แต่ผู้ที่ได้มีสิทธซื้อหุ้น เป็นจำนวนหลายล้านหุ้นต่อคน กลับเป็น คนในนามสกุล ที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น ทั้งๆที่ กฏหมาย ห้ามซื้อเกินคนละ 1 แสนหุ้น???
มวลมหาการโกงของทักษิณที่มวลมหาประชาชนรับไม่ได้ทั้งหมดนี้ คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ
คห. ที่ 14 ผมก็ยากเลือกตั้งแต่ที่ไม่เอาเลือกตั้งเพราะระบอบทักษิณมันโกงถ้าคุณไม่รู้ว่ามันโกงอะไรบ้างผมจะรวบรวมการโกงของทักษิณให้ คห. 14 ได้ดูและอ่านเพื่อจะฉลาดขึ้นบ้างไม่เป็นกบในกะลาหรือเป็นดอกบัวที่อยู่ในโคลนตม
-ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที่อยากจะร่ำรวย....
--เริ่มจากการอยากร่ำรวยทางลัด ยุคปฏิวัติ รสช สมัยสุนทร คงสมพงษ์....ทักษิณ ก็ให้เงินทหารที่ปฏิวัติ เพื่อแลก สัมปทานมือถือแบบง่ายๆ ... "ยัดเงิน ทหาร ไม่ต้องประมูลสัมปทานอย่างยุติธรรม ให้มันยุ่งยาก"
--หลังจากทักษิณได้สัมปทานรัฐฯ จากการยัดเงินใต้โต๊ะแล้ว ทักษิณก็เริ่มอยากปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เพราะการมีอำนาจเอง ก็คงดีกว่าการคอยพึ่งบารมีผู้มีอำนาจ นักการเมือง ข้าราชการที่คอยแต่จะรีดไถ่
--ทักษิณก็เลยโดดมาเล่นการเมือง เพื่อการมีอำนาจซะเองเลย
--เริ่มที่พรรคพลังธรรม ทำหน้าที่เป็นนายทุนให้พรรค เติบโตมาพร้อมๆกับ เจ้หน่อย ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ถือเป็นนักธุรกิจไฟแรง ที่ผันตัวเองมาเล่นการเมือง
--เมื่อทักษิณเล่นการเมืองมีอำนาจรัฐฯ อยู่ในมือแล้ว เป็นรองนายก แม้ไม่ถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เห็นช่องทางแห่งความร่ำรวย
--เริ่มจากตัดลดงบประมาณต่างๆ ทำองค์กรโทรศัพท์ให้อ่อนแอ ขาดงบประมาณในการซ่อมแซมดูแล ใช้งานไม่ได้มากๆเข้า ก็เป็นการบีบประชาชน โดยทางอ้อมให้จำเป็น ต้องซื้อโทรศัพท์มือถือ เพราะยุคนั้นตู้โทรฯสาธารณะ
แทบจะใช้ไม่ได้ซักตู้
--พอทักษิณเล่นการเมืองไปนานๆเข้า ก็เห็นว่าอำนาจรัฐมีประโยชน์ สร้างความร่ำรวยให้ได้มากมาย ความคิด... ก็เข้าครอบงำ จากนั้น..... ตามมาๆ
--ยุคนายก จิ๋ว ฟองสบู่แตก + ลดค่าเงินบาท ยุคนั้น ทักษิณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสนอให้ ชวลิตลดค่าเงินบาท ซึ่งถือเป็นผู้รู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า (insider) ....
--ทักษิณ ได้ใช้ข้อมูลนั้น ในการดำเนินการ ประกันค่าเงินของ ทรัพย์สินและบริษัท ในตระกูลของตนเองและพวกพ้องทั้งหมดไว้ แค่นั้นยังไม่พอ..
--ทักษิณและพวกพ้องกลุ่มนายทุนใหญ่ ระดับชาติ ใช้กลยุทธการ "ไซฟ่อนเงิน" เพื่อความร่ำรวย และซ้ำเติมความหายนะของชาติ ให้มากขึ้นไปอีก เพรายิ่งไทยหายนะเท่าไหร่ ค่าเงินบาทไทยก็ยิ่งลดลงไปม
ากเท่านั้น ซึ่งก็คือ...
--ทักษิณและพวกพ้อง ใช้วิธี กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วนำไปแลกดอลล่าร์ไว้ เพราะรู้ข้อมูลล่วงหน้าว่า จะมีการประกาศลดค่าเงินบาท และเมื่อ ชวลิตลดค่าเงินบาทตามคำแนะนำของกลุ่มทักษิณ..
--ค่าเงิน จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ก็ดิ่งลงสู่หายนะ ในเวลาอันรวดเร็ว โดยต่ำสุดอยู่ที่ 58 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ ....... ทักษิณ และพวกพ้อง ก็เอาดอลล่าร์กลับมาแลกคือเ
ป็นเงินบาทไทย "กำไรทันทีเกิน เท่าตัว!!!!"
--ทฤษฏีของ สสาร ง่ายๆ คือ สสารไม่มีวันหายไปจากโลก เหมือนเม็ดทรายในท้องทะเล แค่ ย้ายจากที่หนึ่ง ไปสู่อีกที่หนึ่งเท่านั้นเอง ความร่ำรวย และยากจนก็ไม่ต่างกัน...
--เมื่อทักษิณ และพวกพ้องมีกำไรจากการประกันค่าเงิน และ ไซฟ่อนเงินเป็นมูลค่ามหาศาลเกิน 100% คนที่ขาดทุนก็คือประชาชนคนไทย และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆก็เหมือนมีเงินในกระเป๋าเท่าเดิม แต่ค่าของเงินหายไปเกินครึ่ง!!!
--ทักษิณและพวก ร่ำรวยขึ้นเป็นเท่าตัว บนความยากจนลงๆ ของประชาชนทั้งประเทศ จากการลดค่าเงินบาทในครั้งนี้
--คราวนี้ทักษิณก็มีทุน กระสุนดินดำ ไว้ใช้ในการเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วสิ.....
--ทักษิณก็เริ่มใช้เงินที่ได้มา ซื้อพรรคการเมืองต่างๆ กวาด สส.พรรคต่างๆเข้าพรรคของตัวเอง เพราะเวลาทักษิณจะออกกฏหมาย
หรือเปลี่ยนแปลงกฏหมายอะไร จะได้มี สส.ลูกน้อง คอยยกมือโหวดผ่านร่างในสภา ให้กฏหมายผ่านง่ายๆ ตามแต่ใจที่ต้องการ
--หลังจากทักษิณกวาดต้อน ใช้เงินซื้อ สส.ที่ขายตัว มาเป็นลูกน้องคอยยกมือให้ในสภาแล้ว ก็เริ่มจัดการแก้กฏหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองก่อนเลย โดย...
--ทักษิณแก้กฏหมาย วิธีการจ่ายภาษีสัมปทานมือถือให้รัฐฯ โดยให้ บ. ตัวเองจ่ายน้อยลง ทำให้รัฐสูญเสียเงินรายได้ จากการจัดเก็บภาษีสัมปทานมือถือในทุกๆปี เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นล้าน/ต่อปี...
--ผลจากการแก้กฏหมายดังกล่าว ......."รัฐฯจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไปอีก นานแสนนาน"
--เป็นไงละ...ก็ เพราะทักษิณคุมอำนาจรัฐฯไว้ในมือ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของทักษิณ ก็ดันทำธุรกิจกับภาครัฐฯ ไปด้วย... แล้วคิดว่า ทักษิณจะอยากให้รัฐฯได้ประโยชน์มากกว่า หรือ อยากให้ครอบครัวตัวเองได้ประโยชน์ มากกว่าหละ
--แน่นอนเมื่อสัญญาถูกแก้ ให้ครอบครัวทักษิณจ่ายภาษีมือถือน้อยลง รัฐก็จะมีเงินรายได้เข้าคลังน้อยลง เงินที่จะนำไปใช้ในการบริหารประเทศ ช่วยเหลือคนจนก็จะน้อยลง ยิ่งช่วงนั้น ไทยประสบปัญหา ฟองสบู่แตก ด้วย เงินในคลังก็ยิ่งน้อยลง
--ที่นี้ ทักษิณอยากได้เงินเข้าคลังเยอะๆ เพราะทักษิณเป็นรัฐบาล จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายโครงการต่างๆ เพื่อให้พวกพ้องโกงกิน แต่ไทยยังติดหนี้ IMF และยังมีเงินในคลังน้อยอยู่ แล้วทักษิณจะทำไงดีละ.... ตามมาๆๆ
--ก็ขายสมบัติชาติไง เพราะพอขายแล้ว ชาติจะได้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ ทักษิณและพวกพ้อง สส.จะได้เอาไปถลุง + โกงกินทุกโครงการให้สบายใจ
--โดยเริ่มจากขาย ปตท. ซึ่งเดิมที ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือเรียกง่ายๆว่า ธุรกิจของรัฐฯ 100%
--ซึ่งหมายความว่า.."กำไร" จากการขายน้ำมัน /ปิโตรเคมี /อะโรเมติค /พาราไซรีน ฯลฯ ทุกอย่างทุกชนิด ทุกบาท ทุกสตางค์ ของ ปตท จะกลับเข้าคลัง ไปเป็นงบประมาณของรัฐฯ เพื่อนำเงินนั้น กลับมาบำรุงชาติ/ประชาชน แต่ทักษิณก็ขาย...
--ซึ่งนั้นหมายความว่า กำไรจาก ปตท ที่ รัฐฯเคยเก็บได้ทุกปี 100% เต็ม "ตลอดอายุประเทศไทย".... จะไม่ได้เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะต้องเอากำไรของชาติ ไปแบ่งให้ผู้ถือหุ้นด้วย ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ตลอดไป
--แถมทักษิณยังขาย ปตท. แบบโกงราคา สัดส่วนหุ้น ต่อหน่วยลงทุนด้วย!! งง มั้ย คืองี้....
--ปตท คือรัฐวิสาหกิจของประเทศ ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ เราเลือก สส + นายก มาเป็น ผู้บริหารประเทศ หรือเรียกง่ายๆว่า ตัวแทน "ผู้จัดการมรดก"
--ทีนี้ เมื่อทักษิณเป็นรัฐบาล เป็นนายก เป็นผู้จัดการมรดกของชาติ ก็มีความคิดเอาทรัพย์สินของชาติ ไปขาย เพื่อให้มีเงินเข้าคลังเยอะๆ
--แทนที่ทักษิณจะขายให้ได้กำไร หรือ อย่างน้อยเท่าทุน เพื่อให้ชาติได้เงินตามสมควร... แต่ทักษิณเอาสมบัติชาติไป..
"ขายขาดทุน โดยให้ พวกพ้อง ญาติเป็นคนซื้อ"
--ทักษิณให้ญาติ และ พวกพ้อง สส.ของพรรค ซื้อสมบัติชาติ จนหมด และ ในราคา ต่ำกว่าต้นทุนหลายๆเท่า ดังตัวอย่างเช่น ประชาชน"คนแรก"ที่ไปรอต่อแถ
วซื้อหุ้น ปตท ตั้งแต่ตี 4 แค่กรอกใบสมัคร 1.14 นาที หุ้นก็หมดไปแล้ว...
--แต่ผู้ที่ได้มีสิทธซื้อหุ้น เป็นจำนวนหลายล้านหุ้นต่อคน กลับเป็น คนในนามสกุล ที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น ทั้งๆที่ กฏหมาย ห้ามซื้อเกินคนละ 1 แสนหุ้น???