(แปล/เรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com)
ต้องชอบคุณการทำการตลาดที่เล่นเรื่องวีรบุรุษทางทหาร และเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องความกำกวมในเรื่องนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ อเมริกา ทำให้หนังดรามาสงครามในอัฟกานิสถาน Lone Survivor กลายเป็นหนังเปิดตัวเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในเดือนมกราคม แต่ The Legend of Hercules กลับเละเทะ ส่วน Her และ Inside Llewyn Davis กลับไปได้ไม่สวยกับการเปิดฉายในวงกว้าง
Lone Survivor เปิดตัวด้วยรายได้ 37.8 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังเปิดตัวเดือนมกราคมสูงสุดตลอดกาล เป็นรองแค่ Cloverfield ที่ทำรายได้เปิดตัว 40.1 ล้านเหรียญเมื่อปี 2008 พร้อมเอาชนะหนังเปิดตัวเดือนมกราคมเรื่องอื่นๆ อย่าง Zero Dark Thirty (24.4 ล้านเหรียญ), Contraband (24.3 ล้านเหรียญ) และ Black Hawk Down (28.6 ล้านเหรียญ) ที่น่าตลกก็คือ หนังยังเปิดตัวดีกว่า Battleship หนังเมื่อปี 2012 ของปีเตอร์ เบิร์ก ที่ทำไว้ 25.5 ล้านเหรียญ ถึงแม้งบสร้างจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
กับรายได้ที่เห็นจากหนังอย่าง Green Zone (35.1 ล้านเหรียญ), The Hurt Locker (17 ล้านเหรียญ), Lions for Lambs (15 ล้านเหรียญ) และ Rendition (9.7 ล้านเหรียญ) แสดงให้เห็นว่า หนังที่ว่าด้วยความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ดูจะไปได้ไม่ดีนักในอันดับหนังทำเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ว่า ยูนิเวอร์แซลเลือกที่จะให้ Lone Survivor เป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจในเรื่องความกล้าหาญ และความผูกพัน แล้วไปลดความสำคัญของปฏิบัติการเรด วิงส์ ที่ล้มเหลว ช่วยให้หนังสามารถเข้าถึงผู้ชมกว้างมากขึ้นเท่าที่จะทำได้ ขณะที่หนังอีกหลายๆ เรื่อง ยังคงพูดถึงความเกี่ยวพันกับตะวันออกกลางของอเมริกา ซึ่งทำให้ยากที่จะหยิบเรื่องความกล้าหาญของคนที่อยู่ในสงครามมาเล่น
คนดู Lone Survivor 57% เป็นชาย และ 57% อายุ 30 ปีขึ้นไป แล้วคนที่ชมก็เห็นด้วยกับการทำการตลาด ที่ยกให้เป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ Saving Private Ryan กับคะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ หนังจะมีเสียงบอกปากต่อปากที่ดี และน่าจะไปได้สวยในสัปดาห์ต่อไป โดยคงจะปิดโปรแกรมที่รายได้ 110 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็นแอนิเมชันของดิสนีย์ Frozen รายได้ตกแค่ 25% ทำเงินอีก 14.7 ล้านเหรียญ หนังรั้งอันดับ 4 หนังทำเงินสูงสุดในสัปดาห์ที่ 7 รองจาก Avatar, Titanic และ The Passion of the Christ และรายได้รวมพุ่งไปถึง 317.3 ล้านเหรียญแล้ว
The Legend of Hercules เปิดตัวในอันดับ 3 ด้วยรายได้แค่ 8.9 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าหนังแนวใกล้ๆ กันอย่าง Season of the Witch (10.6 ล้านเหรียญ) และ Conan the Barbarian (10 ล้านเหรียญ) แต่พอๆ กับ The Eagle (8.7 ล้านเหรียญ) โดยไลออนเกทส์/ซัมมิท ได้สิทธิ์จัดจำหน่าย The Legend of Hercules มาจากมิลเลนเนียมเมื่อเดือนพฤศจิกายน และทำการตลาดแบบจุ๋มจิ๋ม พร้อมกับเปิดตัวด้วยจำนวนโรงไม่มากนักแค่ 2,104 โรง แถมยังไม่มีดาราดังๆ ให้ขาย การได้พูดในหนังเรื่อง Twilight เพียงไม่กี่ประโยค ไม่สามารถทำให้เป็นดาราทำเงินได้แน่ๆ แถมยังดูเหมือนลอกสไตล์มาจาก หนังที่ใหญ่กว่า และดีกว่าในอดีตอย่าง 300, Gladiator และ Immortals แต่การที่หนังเรื่องนี้คว่ำ ไม่ได้หมายความว่า คนดูไม่เอาหนังเฮอร์คิวลีสแล้ว ด้วยเหตุนี้หนัง Hercules ของพาราเมาท์ที่นำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสัน จึงยังไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับคนดู The Legend of Hercules 57% เป็นชาย และ 55% อายุเกิน 25 ปีขึ้นไป คะแนน B- ที่ได้จากซีนีมาสกอร์ ทำให้พอมองได้ว่า หนังคงปิดตัวที่ใกล้ๆ 20 ล้านเหรียญ สำหรับรายได้จากสามมิติคิดเป็น 49% ของรายได้ทั้งหมด
กับการฉายในสัปดาห์ที่ 3 The Wolf of Wall Street รายได้ลดลง 33% ทำเงินอีก 8.8 ล้านเหรียญ ถึงเสียงบอกปากต่อปากจะผสมปนเปกัน แต่หนังได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จากการเป็นที่ถกเถียง จนกลายเป็นหนัง “ต้อง” ดุ ถึงตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 78.6 ล้านเหรียญ และไม่น่าจมีปัญหากับการปิดตัวที่ร้อยล้านขึ้นไป
American Hustle ได้เงินมาอีก 8.3 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้ผ่านร้อยล้านไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนังยังยืนระยะได้ดี และกับการได้เสนอชื่อเข้าชิงออสการ์หลายๆ รางวัล ก็เป็นโอกาสดีที่หนังจะทำรายได้ใกล้ หรือเหนือกว่า Silver Linings Playbook (132.1 ล้านเหรียญ) ตอนนี้หนังกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 33 ของปี 2013 ที่ทำรายได้ผ่านร้อยล้าน ซึ่งทำให้เอาชนะปี 2009 ที่มี 32 เรื่องได้สำเร็จ แต่ถึง American Hustle จะทำไม่ได้ หนังปี 2013 ก็ยังมีโอกาสอีกจาก The Wolf of Wall Street และ Lone Survivor
หลังฉายที่นิว ยอร์ค และลอส แองเจลีส อยู่ 2 สัปดาห์ August: Osage County ขยายโรงเป็น 905 โรง และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ 7.16 ล้านเหรียญ ทางเดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี เล่นเรื่องความขัดแย้งของเมอรีล สตรีพ/จูเลีย โรเบิร์ทส์เป็นหลัก แล้วเน้นเรื่องขำๆ จากเหตุการณ์หม่นๆ ของหนัง ถ้าได้แรงหนุนจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาหลักๅ สัก 1-2 สาขา หนังน่าจะทำรายได้สวยๆ ได้เหมือนกัน
Paranormal Activity: The Marked Ones ได้เงินอีก 6.3 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 66% แต่เป็นอัตราการตกตามมาตรฐานของหนังชุดนี้ ถึงตอนนี้หนังได้เงินไปแล้ว 28.5 ล้านเหรียญ และกลายเป็นหนังชุดนี้ที่ทำเงินน้อยสุดไปแล้ว
ได้เพิ่มโรงเป็น 1,729 โรง Her ของสไปค์ จอนซ์ ถือว่าทำเงินได้ต่ำกว่าที่ใครๆ คิดไว้ เมื่อได้มาเพียง 5.35 ล้านเหรียญ ซึ่งก็พอๆ กับหนังทางคล้ายๆ กันอย่าง Midnight in Paris (5.8 ล้านเหรียญ), The Master (4.4 ล้านเหรียญ) และ Lost in Translation (4.2 ล้านเหรียญ) แต่หนังเหล่านี้ได้โรงไม่ถึง 1 พันโรง แสดงให้เห็นว่า Her ทำรายได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แม้จะได้เสียงชมจากนักวิจารณ์ แต่คนดูในซีนีมา สกอร์ให้คะแนนแค่ B- ถ้าหนังได้เข้าชิงออสการ์ในหลายสาขาได้ ก็คงพอจะส่งหนังได้อีกนิด แต่ตอนนี้ดูแล้วนี่ก็คือ หนังทำเงินในระดับปานกลางเท่านั้นเอง แต่ Her ก็ทำได้ดีกว่า Inside Llewyn Davis ซึ่งทำเงินไปแค่ 1.88 ล้านเหรียญจาก 729 โรง หลังเปิดตัวด้วยรายได้เฉลี่ย 100,000 เหรียญต่อโรง ตอนฉายที่นิว ยอร์ค กับแอลเอ Inside Llewyn Davis ต้องดิ้นอย่างหนักเพื่อเรียกความสนใจจากคนดูกลุ่มใหญ่ แต่อย่างน้อยหนังน่าจะผ่าน A Serious Man หนังของพี่-น้องโคเอน เมื่อปี 2009 ที่ทำรายได้ไป 9.2 ล้านเหรียญ
ในตลาดนอกอเมริกา Frozen ขึ้นนำเป็นครั้งแรก เมื่อได้เงินมา 27.8 ล้านเหรียญจาก 50 ตลาด รายได้รวมตอนนี้เป็น 394.6 ล้านเหรียญ และแซง Tangled ที่ทำรายได้ไว้ 391 ล้านเหรียญ เมื่อวันอาทิตย์ กับการที่หนังจะเปิดตัวในเกาหลีใต้, ตุรกี สุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะเป็นจีนกับญี่ปุ่น หนังยังมีโอกาสทำเงินนอกอเมริกาอีกเยอะ
The Hobbit: The Desolation of Smaug ทำเงินอีก 22.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 566 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้ หนังจะทำรายได้รวมทั่วโลกผ่าน 800 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะผ่านพันล้านไหม เมื่อออกฉายในจีน และญี่ปุ่นเดือนหน้า
Paranormal Activity: The Marked Ones ทำรายได้นอกอเมริกาได้อย่างแข็งแรงไปอีกสัปดาห์ ด้วยการทำเงินไป 15.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้เป็น 34.6 ล้านเหรียญ ขณะที่ The Secret Life of Walter Mitty ได้เงินมาอีก 14.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 93.3 ล้านเหรียญ
6 เดือนหลังเปิดตัวในอเมริกา ในที่สุด Despicable Me 2 ก็เปิดตัวที่จีน ด้วยรายได้ 13.8 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวดีที่สุดของหนังแอนิเมชันนับตั้งแต่ Ice Age: Continental Drift ในปี 2012 สำหรับรายได้รวมทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่ 935.1 ล้านเหรียญ
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่
www.sadaos.com
หนังทำเงินอเมริกา 12 มกราคม Lone Survivor มา Hercules กับ Her ไม่วิ่ง
(แปล/เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ต้องชอบคุณการทำการตลาดที่เล่นเรื่องวีรบุรุษทางทหาร และเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องความกำกวมในเรื่องนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ อเมริกา ทำให้หนังดรามาสงครามในอัฟกานิสถาน Lone Survivor กลายเป็นหนังเปิดตัวเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในเดือนมกราคม แต่ The Legend of Hercules กลับเละเทะ ส่วน Her และ Inside Llewyn Davis กลับไปได้ไม่สวยกับการเปิดฉายในวงกว้าง
Lone Survivor เปิดตัวด้วยรายได้ 37.8 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังเปิดตัวเดือนมกราคมสูงสุดตลอดกาล เป็นรองแค่ Cloverfield ที่ทำรายได้เปิดตัว 40.1 ล้านเหรียญเมื่อปี 2008 พร้อมเอาชนะหนังเปิดตัวเดือนมกราคมเรื่องอื่นๆ อย่าง Zero Dark Thirty (24.4 ล้านเหรียญ), Contraband (24.3 ล้านเหรียญ) และ Black Hawk Down (28.6 ล้านเหรียญ) ที่น่าตลกก็คือ หนังยังเปิดตัวดีกว่า Battleship หนังเมื่อปี 2012 ของปีเตอร์ เบิร์ก ที่ทำไว้ 25.5 ล้านเหรียญ ถึงแม้งบสร้างจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
กับรายได้ที่เห็นจากหนังอย่าง Green Zone (35.1 ล้านเหรียญ), The Hurt Locker (17 ล้านเหรียญ), Lions for Lambs (15 ล้านเหรียญ) และ Rendition (9.7 ล้านเหรียญ) แสดงให้เห็นว่า หนังที่ว่าด้วยความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ดูจะไปได้ไม่ดีนักในอันดับหนังทำเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ว่า ยูนิเวอร์แซลเลือกที่จะให้ Lone Survivor เป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจในเรื่องความกล้าหาญ และความผูกพัน แล้วไปลดความสำคัญของปฏิบัติการเรด วิงส์ ที่ล้มเหลว ช่วยให้หนังสามารถเข้าถึงผู้ชมกว้างมากขึ้นเท่าที่จะทำได้ ขณะที่หนังอีกหลายๆ เรื่อง ยังคงพูดถึงความเกี่ยวพันกับตะวันออกกลางของอเมริกา ซึ่งทำให้ยากที่จะหยิบเรื่องความกล้าหาญของคนที่อยู่ในสงครามมาเล่น
คนดู Lone Survivor 57% เป็นชาย และ 57% อายุ 30 ปีขึ้นไป แล้วคนที่ชมก็เห็นด้วยกับการทำการตลาด ที่ยกให้เป็นหนังสงครามที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ Saving Private Ryan กับคะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ หนังจะมีเสียงบอกปากต่อปากที่ดี และน่าจะไปได้สวยในสัปดาห์ต่อไป โดยคงจะปิดโปรแกรมที่รายได้ 110 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็นแอนิเมชันของดิสนีย์ Frozen รายได้ตกแค่ 25% ทำเงินอีก 14.7 ล้านเหรียญ หนังรั้งอันดับ 4 หนังทำเงินสูงสุดในสัปดาห์ที่ 7 รองจาก Avatar, Titanic และ The Passion of the Christ และรายได้รวมพุ่งไปถึง 317.3 ล้านเหรียญแล้ว
The Legend of Hercules เปิดตัวในอันดับ 3 ด้วยรายได้แค่ 8.9 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าหนังแนวใกล้ๆ กันอย่าง Season of the Witch (10.6 ล้านเหรียญ) และ Conan the Barbarian (10 ล้านเหรียญ) แต่พอๆ กับ The Eagle (8.7 ล้านเหรียญ) โดยไลออนเกทส์/ซัมมิท ได้สิทธิ์จัดจำหน่าย The Legend of Hercules มาจากมิลเลนเนียมเมื่อเดือนพฤศจิกายน และทำการตลาดแบบจุ๋มจิ๋ม พร้อมกับเปิดตัวด้วยจำนวนโรงไม่มากนักแค่ 2,104 โรง แถมยังไม่มีดาราดังๆ ให้ขาย การได้พูดในหนังเรื่อง Twilight เพียงไม่กี่ประโยค ไม่สามารถทำให้เป็นดาราทำเงินได้แน่ๆ แถมยังดูเหมือนลอกสไตล์มาจาก หนังที่ใหญ่กว่า และดีกว่าในอดีตอย่าง 300, Gladiator และ Immortals แต่การที่หนังเรื่องนี้คว่ำ ไม่ได้หมายความว่า คนดูไม่เอาหนังเฮอร์คิวลีสแล้ว ด้วยเหตุนี้หนัง Hercules ของพาราเมาท์ที่นำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสัน จึงยังไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับคนดู The Legend of Hercules 57% เป็นชาย และ 55% อายุเกิน 25 ปีขึ้นไป คะแนน B- ที่ได้จากซีนีมาสกอร์ ทำให้พอมองได้ว่า หนังคงปิดตัวที่ใกล้ๆ 20 ล้านเหรียญ สำหรับรายได้จากสามมิติคิดเป็น 49% ของรายได้ทั้งหมด
กับการฉายในสัปดาห์ที่ 3 The Wolf of Wall Street รายได้ลดลง 33% ทำเงินอีก 8.8 ล้านเหรียญ ถึงเสียงบอกปากต่อปากจะผสมปนเปกัน แต่หนังได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จากการเป็นที่ถกเถียง จนกลายเป็นหนัง “ต้อง” ดุ ถึงตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 78.6 ล้านเหรียญ และไม่น่าจมีปัญหากับการปิดตัวที่ร้อยล้านขึ้นไป
American Hustle ได้เงินมาอีก 8.3 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้ผ่านร้อยล้านไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หนังยังยืนระยะได้ดี และกับการได้เสนอชื่อเข้าชิงออสการ์หลายๆ รางวัล ก็เป็นโอกาสดีที่หนังจะทำรายได้ใกล้ หรือเหนือกว่า Silver Linings Playbook (132.1 ล้านเหรียญ) ตอนนี้หนังกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 33 ของปี 2013 ที่ทำรายได้ผ่านร้อยล้าน ซึ่งทำให้เอาชนะปี 2009 ที่มี 32 เรื่องได้สำเร็จ แต่ถึง American Hustle จะทำไม่ได้ หนังปี 2013 ก็ยังมีโอกาสอีกจาก The Wolf of Wall Street และ Lone Survivor
หลังฉายที่นิว ยอร์ค และลอส แองเจลีส อยู่ 2 สัปดาห์ August: Osage County ขยายโรงเป็น 905 โรง และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ 7.16 ล้านเหรียญ ทางเดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี เล่นเรื่องความขัดแย้งของเมอรีล สตรีพ/จูเลีย โรเบิร์ทส์เป็นหลัก แล้วเน้นเรื่องขำๆ จากเหตุการณ์หม่นๆ ของหนัง ถ้าได้แรงหนุนจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาหลักๅ สัก 1-2 สาขา หนังน่าจะทำรายได้สวยๆ ได้เหมือนกัน
Paranormal Activity: The Marked Ones ได้เงินอีก 6.3 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 66% แต่เป็นอัตราการตกตามมาตรฐานของหนังชุดนี้ ถึงตอนนี้หนังได้เงินไปแล้ว 28.5 ล้านเหรียญ และกลายเป็นหนังชุดนี้ที่ทำเงินน้อยสุดไปแล้ว
ได้เพิ่มโรงเป็น 1,729 โรง Her ของสไปค์ จอนซ์ ถือว่าทำเงินได้ต่ำกว่าที่ใครๆ คิดไว้ เมื่อได้มาเพียง 5.35 ล้านเหรียญ ซึ่งก็พอๆ กับหนังทางคล้ายๆ กันอย่าง Midnight in Paris (5.8 ล้านเหรียญ), The Master (4.4 ล้านเหรียญ) และ Lost in Translation (4.2 ล้านเหรียญ) แต่หนังเหล่านี้ได้โรงไม่ถึง 1 พันโรง แสดงให้เห็นว่า Her ทำรายได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แม้จะได้เสียงชมจากนักวิจารณ์ แต่คนดูในซีนีมา สกอร์ให้คะแนนแค่ B- ถ้าหนังได้เข้าชิงออสการ์ในหลายสาขาได้ ก็คงพอจะส่งหนังได้อีกนิด แต่ตอนนี้ดูแล้วนี่ก็คือ หนังทำเงินในระดับปานกลางเท่านั้นเอง แต่ Her ก็ทำได้ดีกว่า Inside Llewyn Davis ซึ่งทำเงินไปแค่ 1.88 ล้านเหรียญจาก 729 โรง หลังเปิดตัวด้วยรายได้เฉลี่ย 100,000 เหรียญต่อโรง ตอนฉายที่นิว ยอร์ค กับแอลเอ Inside Llewyn Davis ต้องดิ้นอย่างหนักเพื่อเรียกความสนใจจากคนดูกลุ่มใหญ่ แต่อย่างน้อยหนังน่าจะผ่าน A Serious Man หนังของพี่-น้องโคเอน เมื่อปี 2009 ที่ทำรายได้ไป 9.2 ล้านเหรียญ
ในตลาดนอกอเมริกา Frozen ขึ้นนำเป็นครั้งแรก เมื่อได้เงินมา 27.8 ล้านเหรียญจาก 50 ตลาด รายได้รวมตอนนี้เป็น 394.6 ล้านเหรียญ และแซง Tangled ที่ทำรายได้ไว้ 391 ล้านเหรียญ เมื่อวันอาทิตย์ กับการที่หนังจะเปิดตัวในเกาหลีใต้, ตุรกี สุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะเป็นจีนกับญี่ปุ่น หนังยังมีโอกาสทำเงินนอกอเมริกาอีกเยอะ
The Hobbit: The Desolation of Smaug ทำเงินอีก 22.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 566 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้ หนังจะทำรายได้รวมทั่วโลกผ่าน 800 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะผ่านพันล้านไหม เมื่อออกฉายในจีน และญี่ปุ่นเดือนหน้า
Paranormal Activity: The Marked Ones ทำรายได้นอกอเมริกาได้อย่างแข็งแรงไปอีกสัปดาห์ ด้วยการทำเงินไป 15.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้เป็น 34.6 ล้านเหรียญ ขณะที่ The Secret Life of Walter Mitty ได้เงินมาอีก 14.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 93.3 ล้านเหรียญ
6 เดือนหลังเปิดตัวในอเมริกา ในที่สุด Despicable Me 2 ก็เปิดตัวที่จีน ด้วยรายได้ 13.8 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวดีที่สุดของหนังแอนิเมชันนับตั้งแต่ Ice Age: Continental Drift ในปี 2012 สำหรับรายได้รวมทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่ 935.1 ล้านเหรียญ
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่ www.sadaos.com