การรักษาสันติภาพตามหลักการของศาสนาอิสลามกับความต้องการความยุติธรรมจากประเทศมหาอำนาจเช่นสหรัฐอเมริกา

กระทู้สนทนา
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่รักสันติ แต่ก็ไม่ยินยอมกับความอยุติธรรมสองประโยคที่กล่าวมานี้ ความพอดีอยู่ทีไหน?

      คำถามนี้เป็นคำถามที่มุสลิมต้องการหาความพอดีระหว่าง การรักษาสันติภาพตามหลักการของศาสนาอิสลามกับความต้องการความยุติธรรมจากประเทศมหาอำนาจเช่นสหรัฐอเมริกา, เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพของโลกในปัจจุบัน เนื่องจากว่า การเรียกร้องความยุติธรรมจากกลุ่มมุสลิมที่มีความคิดทางการเมืองอย่างรุนแรงและเรียกร้องความยุติธรรมด้วยความรุนแรงจนเกินขอบเขตที่อิสลามบัญญัติไว้,  ได้สร้างความเดือดร้อนไปทุกๆมุมโลก ทำให้ชาวโลกเข้าใจว่า ศาสนาอิสลามมีอุดมการณ์ที่ใช้ความรุนแรง ในการแก้ปัญหาสังคมและนำสันติภาพมาสู่ชุมชนมุสลิมด้วยคมดาบ, ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ของชาวโลกผู้ต่างศรัทธา ผมเปิดกระทู้นี้เพื่อที่เราะได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน, และพิจารณาดูว่า ศาสนาอิสลามมีอุดมการณ์ในการสอนความรุนแรงจริงหรือไม่?

  อัลกุรอานซูเราะหฺอัลฮะดีด บัญญัติที่25 กล่าวว่า

    {57:25} โดยแน่นอน เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเราพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง และเราได้ประทานคัมภีร์และความยุติธรรมลงมาพร้อมกับพวกเขา เพื่อมนุษย์จะได้ดํารงอยู่บนความเที่ยงธรรม และเราได้นำเหล็กลงมา ในนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมากและมีประโยชน์มากหมายสำหรับปวงมนุษย์ และเพื่ออัลลอหฺจะได้ทรงรู้ถึงผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์และบรรดาศาสนทูตของพระองค์โดยทางลับ แท้จริงอัลลอหฺนั้นคือพระทรงพลัง พระผู้ทรงอํานาจ

ในอัลกุรอานมีบัญญัติที่เกี่ยวกับความยุติธรรมอย่างมากมาย เช่นใน  ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ บัญญัติที่ 135

{4:135} ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงเป็นผู้ที่ดํารงไว้ ซึ่งความยุติธรรม จงเป็นพยานเพื่ออัลลอฮฺ และแม้ว่าจะเป็นอันตรายแก่ตัวของพวกเธอเองหรือบิดามารดาทั้งสองและญาติที่ใกล้ชิดก็ตาม,หากเขาจะเป็นคนมั่งมีหรือคนยากจน อัลลอฮฺก็สมควรยิ่งกว่าเขาทั้งสอง ดังนั้นจงอย่าปฏิบัติตามตัณหาในการที่พวกเธอจะมีความยุติธรรม และหากพวกเธอบิดเบือนหรือผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเธอกระทำกัน

ปัญหาอยู่ที่ว่า เราจะให้ความยุติธรรมได้อย่างไรโดยที่ รักษาสันติภาพไปพร้อมๆกัน,จงพิจารณา จาก ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ บัญญัติที่ 8.

{5:8} ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเพื่ออัลลอฮฺ เป็นพยานด้วยความเที่ยงธรรมและจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด ทำให้พวกเธอไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า และพึงยำเกรง อัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเธอกระทำกัน

ข้อความที่ขีดเส้นใต้ และจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด ทำให้พวกเธอไม่ยุติธรรม เป็นข้อความที่สำคัญและเป็น คำสอนที่สามารถที่จะ ทำให้สันติภาพและความยุติธรรมสมดุลย์กันได้ ในกลุ่มของ ชาวยิว,ชาวคริสเตียน,ชาวมุสลิม ซึ่งประขาชนทั้งสามศาสนานี้คือ สหรัฐอเมริกา ที่เป็นคู่ปัญหาระหว่าง ประชาขาติมุสลิมในภาคตะวันออกกลางรวมทั้งมุสลิมทั่วทุกๆมุมโลก(และมุสลิมไทย) หรือกล่าวกันอย่างง่ายๆก็คือ ระหว่าง อเมริกา กับ มุสลิมในภาคตะวันออก

เราเห็นได้ชัดว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ให้ความเสมอภาคต่อชนทุกๆชาติทุกๆศาสนาที่เป็นพลเมืองอเมริกันและประชาชนที่อยู่ในอเมริกาทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฏหมาย ซึ่งเป็นความจริงที่ ผู้คนที่อยู่ทางภาคตะวันออกไม่อาจจะเข้าใจและรู้ซึ้งในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสังคมมุสลิมไทยเรา เนื่องจากเราถูกสอนทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจาก ครูสอนศาสนาที่สำเร็จมาจากภาตะวันออกกลางและอาฟริกาในรุ่นหลังๆนี้รวมทั้งสื่อที่ต่อต้าน อเมริกาจากภาคตะวันออกกลางและประเทศสังคมนิยม

  มุสลิมถูกสอนให้เกลียด สังคมอเมริกาอย่างไม่มีเหตุผล และความเป็นจริง และไม่มีความพยายามที่จะศึกษาจากภายในประเทศอเมริกา, ถ้าเราจะเข้าใจสังคมใดได้เราจะต้องศึกษาจากสังคมนั้น การที่ผมกล่าวถึงสังคมไทยมุสลิมได้เนื่องจากผมศึกษาจากภายในของสังคมไทยมุสลิม และเข้าใจทุกๆขั้นตอนของสังคมไทยมุสลิมเป็นอย่างดีและในอีกข้างหนึ่งผมก็เข้าใจสังคม อเมริกัน ยิว,คริสเตียนและมุสลิมได้ดี  ผมจึงสมารถที่จะกล่าวได้อย่างยุติธรรมว่า เรื่องใดที่อเมริกากระทำผิดและเรื่องใดที่อเมริกาไม่มีความผิด  สิ่งที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจนคือ ในสังคมมุสลิมในทั้งอเมริกาและภาคตะวันออกกลางรวมทั้งสังคมไทยมุสลิมด้วยยังมีการสอนเยาวชนและมุสลิมโดยทั่วไปให้เกลียด อเมริกา ยิว และคริสเตียน

จาก ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ บัญญัติที่ 8.

และจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด ทำให้พวกเธอไม่ยุติธรรม

   ผมขอกล่าวในทางสังคมมุสลิมก่อน ว่า ตราบใดที่เรายังสอนให้มุสลิมมีความเกลียดชัง อเมริกา ยิว และคริสเตียน อย่างในปัจจุบันนี้ มุสลิมเราได้ “ฝ่าฝืนบัญญัติของพระเจ้าในเรื่องความยุติธรรม” ในเมื่อเรามีความเกลียดชัง อเมริกา ยิว และคริสเตียน อยู่ในหัวใจและเป็นทัศนะคติของมุสลิมแล้ว มุสลิมจะให้ความยุติธรรมได้อย่าง?

และความเกลียดชังนี้ คือต้นเหตุของการที่ทำให้ มุสลิมเรา ทำสิ่งที่เกินเลยจากขอบเขตุที่ศาสนาอิสลามบัญญัติไว้ ซึ่งอัลลอฮ์ตะอาลามีคำสั่งไว้ใน ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ บัญญัติที่ 171 ว่า “อย่าทำอะไรให้เกินขอบเขตของศาสนา....” ในเรื่องนี้ คือการกระทำอะไรก็ตามที่รุนแรง เนื่องจากความเกลียดชัง

   ในสังคมมุสลิมเราผมกล่าวมาหลายครั้งแล้วว่า ไม่เคยมีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง,ไม่เคยพิจารณาความผิดพลาดของตนเอง, มีแต่ความสดวกและมักง่ายในการกล่าวโทษผู้อื่นในเรื่องความล้มเหลวของสังคมมุสลิม การกล่าวโทษที่ง่ายที่สุดก็คือ “เพราะประเทศตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกาที่สร้างความล้มเหลวให้กับสังคมมุสลิม"

   ก่อนที่เราจะเรียกหาความพอดีระหว่างสันติภาพและความยุติธรรมตามหลักการของศาสนาอิสลามนั้น สังคมมุสลิมจะต้องปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานเสียก่อน มีความยุติธรรมในหัวใจอย่างผู้ศรัทธาที่แท้จริง มีอารมณ์เยือกเย็นแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญา และความเป็นจริง อย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฏของพระเจ้า  จะต้องยึดถือคำสอนที่สำคัญในการรักษาความยุติธรรมนั้นคือ และจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด ทำให้พวกเธอไม่ยุติธรรม ถ้ามุสลิมเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องการอาฆาตจองเวรและเสี้ยมสอนให้มีความเกลียดชังต่อประเทศตะวันตก(เกลียด อเมริกา ยิว และคริสเตียน)  แล้วเราจะหาความมีสันติภาพไม่ได้,แม้แต่ในสังคมมุสลิมเอง อย่างที่เห็นในภาคตะวันออกลางในปัจจุบันนี้.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่