เผยโฉม "คุณหมอนักเทคนิค" "นพ.รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา" 1

กระทู้สนทนา
วันที่ 14 มกราคม 2557 01:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

  

เปลือยชีวิตการลงทุน “นพ.รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา” “เซียนหุ้นเทคนิค” บุรุษวัย 30 ปี ผู้มี “เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง” เป็นไอดอล

“อยากรู้จักลูกศิษย์คนหนึ่งของผมมั้ย ชื่อ “วิน” เป็น “คุณหมอนักลงทุน” ทุนตั้งต้นแค่ 1 ล้านบาท วันนี้น่าจะขึ้น “หลักร้อยล้านบาท” แล้ว เขาร่วมกับเพื่อนทำ Facebook ชื่อ “Master Of Trend ไปกดถูกใจได้เลย” “เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” เซียนหุ้นเทคนิคชื่อดัง เชื้อเชิญให้ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” ไปทำความรู้จัก

“วิน-นพ.รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา” ชายหนุ่มที่เพิ่งอายุครบ 30 ปี เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2556 สะพายกระเป๋าโน๊คบุ๊ค 2 ใบ ข้อมือด้านขวาสวมสายรัดลายธงชาติ เข้ามาในห้องประชุมเล็กชั้น 18 ตึกมหาทุนพลาซ่า เพื่อมาบอกเล่าตัวตน ก่อนเข้าร่วมฟังสัมมนาเรื่องเทคนิคช่วงบ่ายในอาคารมหาทุนพลาซ่า “จริงๆไม่ค่อยอยากออกสื่อเท่าไร แต่เกรงใจพี่ป๋อง แกเป็นอาจารย์สอนผมดูกราฟเทคนิค รู้จักกันมา 10 ปีแล้ว” เขาบอกจุดยืนของตัวเอง

ร้านศรีมงคง ซึ่งดำเนินกิจการค้าส่งสุรา ย่านบางบอน ของครอบครัว ถือเป็นอาชีพหลักที่ป๊ากับม๊าทำเพื่อหาเลี้ยงลูกชายคนเดียว ป๊าเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่กิจการยังมีขนาดเล็กๆ ท่านค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวจนทุกวันนี้กิจการใหญ่โตกว่าเดิมยอดขายต่อปีก็ไม่น้อย

หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ตัดสินใจไปเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายวิทย์ หลังนั่งดู “ซีรี่ย์เรื่อง E.R. ห้องฉุกเฉิน” ผสมกับความชอบช่วยเหลือคนอื่น และต้องการดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว ทำให้มุ่งมั่นในการสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แรงดันบาลใจ ใช้เวลาร่ำเรียน 6 ปี

ทันทีที่เรียนจบปริญญาตรี ตัดสินใจไปเป็นแพทย์ใช้ทุนเฉพาะทางด้านกระดูก ณ โรงพยาบาลจังหวัดสระบุรีประมาณ 3 ปี โดยรับหน้าที่เป็นแพทย์พี่เลี้ยง ปัจจุบันทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง วันนี้หมอด้านกระดูกในกรุงเทพฯและปริมณฑลค่อยข้างเต็ม โอกาสจะมูฟไปประจำการณ์ในโรงพยาบาลรัฐบาลต่างจังหวัดมีสูง แต่นี่เป็นเพียงแผนการณ์ยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้

“หมอวิน” เล่าถึง “แรงดันบาลใจ” ที่ทำให้สนใจเรื่องการลงทุนว่า เห็นคุณพ่อกับญาติๆเล่นหุ้นช่วงปี 2543 ตอนนั้นดัชนีซื้อขายอยู่ราวๆ 300-400 จุด เขาหันไปเปิดโน๊ตบุ๊คตัวแรก เพื่อโชว์กราฟดัชนีย้อนหลังหลายสิบปีให้บิสวีคดู แม้จะเห็นพ่อและญาติเล่นหุ้น “บิ๊กแคป” แล้วไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่ความอยากลงทุนยังคงเกิดขึ้นในใจของ “เด็กชายรัชต์ชยุตม์” ที่กำลังเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมตอนต้น

“ผมเริ่มศึกษาเรื่องหุ้นมาตั้งแต่ดัชนีอยู่ระดับ 360 จุด จากนั้นเมื่ออายุ 19 ปี ถือโอกาสแนะนำ “หุ้น ศุภาลัย” หรือ SPALI เป็น“หุ้นตัวแรก” ให้ป๊า ตอนนั้นดัชนีอยู่แถว 600-700 จุด แม้ทัศนคติเรื่องตลาดหุ้นของม๊าไม่ค่อยดีนัก แต่ครอบครัวยินยอมให้ลูกชายคนเดียว “ชิมลาง” เล่นหุ้นใน “พอร์ตกงสี” หลักล้านบาท เงินในพอร์ตนี้ประกอบไปด้วยเงินของ “ป๊ากับม๊า” (หัวเราะ)

ระหว่างนั้นบทสนทนาถูกคั้นด้วย “หมู-อภิเชษฐ อ่อนกอ” ชายหน้าใสกิ๊กวัย 39 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็น “แอดมินหลัก” ประจำ Facebook ชื่อ “Master Of Trend” ที่มีคนมากดถูกใจแล้ว 1,852 คน เขานั่งรถเข็นเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย “เดือนก.พ.ที่ผ่านมาครบรอบ 13 ปี ที่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์”

บังเอิญมีโอกาสได้เจอ “หมอวิน” ที่โรงพยาบาล วันนั้นเขาเป็นหมอเวรพอดี เขาเห็นผมลงทุนในตลาดหุ้น เมื่อคุยกันแล้วรู้สึกถูกคอถูกใจ เพราะมีแนวคิดคล้ายๆกัน ผมเล่นหุ้นมานานมากแล้ว เข้าๆออกตลาดหุ้นหลายรอบ ผมหายไปจากวงการสักพักใหญ่ ก่อนกลับมาลงทุนอีกครั้งเมื่อ 3 ปีก่อน

“หมอวิน” เล่าเรื่องตัวเองต่อว่า ผลการแนะนำหุ้นในป๊าในครั้งนั้น คือ “ขาดทุน” ซื้อหุ้น ศุภาลัย บนราคาดอย 5.50 บาท ไม่ขาดทุนได้ไง ผ่านมา 6 เดือน ราคาลดลงเหลือ 3 บาท แต่เราไม่ยอมขาย ถือคติ “ไม่ขายไม่ขาดทุน” สุดท้ายมาปล่อยที่ราคา 2.50 บาท

ตรรกะที่เลือกซื้อหุ้น ศุภาลัย ในครานั้น เพราะเห็นราคาหุ้นขึ้นมาจาก 0.50 บาทมายืน 5.50 บาท และมีความเชื่อว่าจะขึ้นไปอีก โดยหารู้ไม่ว่า งบการเงินย้อนหลังของหุ้นตัวนี้เป็นอย่างไร แม้จะเจ๊งแต่ป๊ากับม๊าไม่ได้ว่าอะไร “เล่นหุ้นยาก” ป๊ารู้ เขาถ่ายทอดคำพูดของบิดาให้ฟัง

จากนั้นไม่นานเริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นมากขึ้น หลังไม่เข้าใจทำไมเราถึงเล่นหุ้นแล้วขาดทุน ด้วยการหาหนังสืออ่าน และเดินทางไปฟังงานสัมมนาต่างๆ วันหนึ่งไปนั่งฟัง “ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์” พูดเรื่อง “หาจังหวะซื้อ-ขายด้วยเทคนิค” ณ บล.ทิสโก้ สมัยก่อนเขาจะแนะนำหุ้นเป็นตัวๆ วันนั้นได้หุ้นมา 3 ตัว รีบกลับบ้านไปบอกป๊า (หัวเราะ)

“จุดหักเห” การลงทุนของชายชื่อ “วิน” เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นน่าจะปี 2546 หลังมีคนแนะนำให้รู้จัก “เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” ตอนนั้นพี่ป๋องยังไม่ดังมากยังไม่ออกทีวีเลย ยุคนั้นต้อง “สีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา” หรือ มาม่าบูล ดังมาก (ลากเสียงยาว)

ตอนนั้นเรารู้ว่า “พี่ป๋อง” เป็น “นักลงทุนรายใหญ่” ด้วยความที่เรายังเด็กเรียนอยู่แค่ปี 2 ทำได้แค่เดินเข้าไปแนะนำตัวเอง จำได้พูดกับแกว่า “ผมเพิ่งเล่นหุ้นด้วยเทคนิคมาแค่ครึ่งปีเองยังจับหลักไม่ได้เลยพี่ช่วยแนะนำหน่อยครับ” พี่ป๋องตอบว่า “เล่นหุ้นต้องใช้กราฟช่วย”

สิ้นเสียงคำแนะนำ เกิดข้อสงสัย เล่นหุ้นด้วยเทคนิคอย่างไรถึงจะเรียกว่า “เจ๋ง” ดูแค่สัญญาณซื้อสัญญาณขายแค่นั้นหรอ ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์ถูกสอนมาว่า ให้นำข้อมูลในอดีตมาเป็นตัวชี้วัดความแม่นยำในอนาคต ทำให้แอบคิดว่าจะใช้ได้จริงหรือ? เขาแอบตั้งคำถามในใจ

ก่อนเจอพี่ป๋องยอมรับศึกษากราฟเทคนิคมานิดหน่อยออกแนวไม่ค่อยลึกซึ้ง เพราะไม่มีใครมาคอยไกด์ทางให้ ทำได้เพียงหาความรู้ตามงานสัมมนาต่างๆที่มีเหล่าคนดังๆ มาพูดให้ฟัง อาทิเช่น อาจารย์ ปอ ดัชนี เป็นต้น ระหว่างการสนทนา เซียนหุ้นหญิง นามว่า ส. เพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการลงทุนโทรศัพท์เข้ามาเพื่อแจ้งว่า กำลังจะขึ้นไปร่วมวงสนทนา

เขาเล่าต่อว่า ผมขอเบอร์โทรศัพท์พี่ป๋อง เพื่อโทรไปขอคำแนะนำโน่นนี่ ตอนนั้นแกบอกให้ลองใช้กราฟ Modified Stochastic กราฟ Moving Average Convergence Divergence หรือ MACD และกราฟ RSI เป็นต้น ช่วยในการลงทุนรับรองได้ผลแต่อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

“ผมโทรหาแกตลอดพี่ป๋องคงเอ็นดูเรา จำได้ช่วงนั้นแกกำลังเล่นหุ้น ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ช่วงราคา 5 บาท เพราะเป็นหุ้นแบงก์ตัวเดียวที่ราคายังไม่ขึ้น แกหวังว่า จะเห็นราคาหุ้น TMB จาก “ดินเป็นเดือน” ตอนนั้นยอมรับว่า “เล่นหุ้นตามพี่ป๋อง เพราะแกเป็นรายใหญ่”

ผลการ “ลอกหุ้น” ในครานั้น คือ “ขาดทุน” ออกแนวซ้ำๆซากๆ โดนจนเบื่อ ต้องบอกก่อนว่า ตอนพี่ป๋องแนะนำหุ้น เขามี “จุดตัดขาดทุน” หรือ Stop-Loss แต่เราไม่มี ด้วยความไม่รู้เรื่องอะไรคือ “จุดตัดขาดทุน” เห็นหุ้นตัวเดิมลงตัดสินใจซื้อแบบ “ต้นทุนถัวเฉลี่ย” หรือ Dollar Cost Averaging (DCA)เพราะมั่นใจว่าเดี๋ยวหุ้นคงขึ้น จากพอร์ตที่มีเงิน “ร้อยเปอร์เซ็นต์” ค่อยๆขาดทุนไปเรื่อยๆจนลึกมากขึ้น

"ไม่ขายไม่ขาดทุน กลยุทธ์การเล่นหุ้นช่วงเริ่มต้น"

หลังๆพี่ป๋องเริ่มไม่บอกตัวหุ้นละ แต่จะแชร์ไอเดียแทนการใบ้หุ้นว่า ลองไปCompare Graph หรือการนำกราฟหุ้น 2 ตัวในอดีตมาเปรียบเทียบกันในเชิงโครงสร้าง หนังสือกราฟเทคนิคของต่างประเทศสอนไว้ว่า ในอดีตคนเล่นหุ้นนิสัยอย่างไรคนกลุ่มนั้นยังคงอยู่ เพียงแต่จะนำนิสัยนั้นมาเล่นในหุ้นตัวใหม่ๆ หมวดใหม่ๆ

“จังหวะเข้าหุ้นแรกๆตอนปี 2546 ของผมคล้ายจังหวะเข้าหุ้นของนักลงทุนหน้าใหม่ในปีนี้ ส่วนใหญ่เข้ามาเล่นหุ้น เพราะมีคนบอกว่า ตลาดหุ้นดี ขณะที่นักลงทุนแนว VI กำลังดัง และหากขาดทุนในไม้แรกยังสามารถใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อแบบถัวเฉลี่ยได้

"ผมขอเปรียบจุดเข้าซื้อหุ้น ธนาคารทหารไทย ในตอนนั้นมันเหมือนจุดเข้าซื้อหุ้น แสนสิริ หรือ SIRI ในปีนี้”

พี่ป๋องแกสอนหลายอย่างกับเรา ฉะนั้นหน้าที่ของลูกศิษย์ที่ดี คือ ค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อย เพื่อนำมาใช้ในการลงทุนจริงๆ คราวนี้เริ่มมีโอกาส “ได้บ้างโดนบ้าง” หุ้นตัวแรกที่ตัดสินใจซื้อเอง ด้วยการใช้เส้นกราฟเข้าช่วย คือ หุ้น ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ช้อนตอนปี 2547 แถวๆราคา 4.50-5 บาท ขายตอนราคา 12 บาท ก่อนจะมาเก็บอีกครั้ง 10.50 บาท สุดท้ายราคาลงมา 7 บาท ตัดสินใจขายขาดทุน ถือสะว่า “เล่นฟรี” ได้กำไรกลับมานิดหน่อย

อย่างน้อยได้บทเรียนที่ว่า เรามีหลักการในการเล่นแล้ว แต่ต้องมาปรับวิธีการเล่นใหม่ ทำอย่างไรจึงจะได้ “กินคำใหญ่ๆ” หุ้นตัวนี้สอนให้รู้ว่า เทคนิคใช้ได้จริง เพียงแต่เราไม่เชื่อกราฟเอง เพราะตอนราคา 10.50 บาท กราฟไม่ได้บอกให้ซื้อ แต่ดันซื้อเอง นั่นแปลว่า “เราโลภ ไม่มีหลักการ ไม่มีสติ”

ติดตามความสำเร็จในการลงทุนด้วยแนวเทคนิคในสัปดาห์หน้า รับรอง “หมอหนุ่มวัย 30 ปี” ผู้มีความกระตือรือร้นเป็นเลิศคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเขามีเพื่อนต่างวัยคู่ใจเป็นถึง “อดีตเจ้าของพอร์ตลงทุนหลักพันล้าน” ตัวย่อว่า ส.

2 ปี หุ้นไทย ไร้จุด “New High”

“นพ.รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา” ทำนายตลาดหุ้นปีม้า (ปี 2557) ว่า จริงๆเรามองข้ามไป 2 ปีข้างหน้า (2557-2558) เชื่อว่า SET INDEX คงไม่มี “นิวไฮ” โอกาสจะเห็น 1,700 จุด คงยากมาก แต่ตลาดหุ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า น่าจะตกอยู่ในอาการดีและไม่ดีสลับกัน อย่างปี 2557 น่าจะมีลักษณะ “ไซด์เวย์” ฉะนั้นอาจเห็นดัชนีในปีนี้วิ่งอยู่แถว 1,300 - 1,500 จุด แต่หากการเมืองรุนแรงมากคงลงไปซื้อขาย 1,100 จุด

ตลาดหุ้นแบบนี้นักลงทุนไม่ต้องรีบ กรุณาเก็บเนื้อเก็บตัวไว้ก่อน ดัชนีน่าจะอยู่ในช่วงขาลงไปจนถึงปลายเดือนม.ค.2557 เพราะสัญญาณทางเทคนิคบอกว่า ยังไม่มีโอกาสกลับตัวในเร็วๆนี้ ถ้าผมเป็นนักลงทุนต่างชาติคงจะมี “ความสุขมาก” เพราะขายแล้วหุ้นไม่ลง ทำให้ขายได้ทุกวัน คนที่มารับส่วนใหญ่คือ นักลงทุนรายย่อย และ prop trade หรือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์

ถามถึง “หุ้นเด่น” ในปี 2557 เขาบอกว่า เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ฉะนั้น หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายนอก หรือ โกลบอล เพลย์ ค่อนข้างน่าสนใจ ยกตัวอย่าง “กลุ่มถ่านหิน” โดยเฉพาะ หุ้น บ้านปู หรือ BANPU หุ้นตัวนี้ลงมา 3 ปีแล้ว ดูตามกราฟจะเห็นว่า หุ้นที่เคยแพ้ตลาดกำลังจะกลับมา “หมอวิน” และ เซียนหุ้น ส.ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องประชุมเล็กๆ ประสานเสียงความเชื่อ

“ปี 2557 เล่นหุ้น BANPU ปลอดภัยกว่าเล่น SET”

“หุ้นกลุ่มเดินเรือ” เป็นอีกตัวที่น่าลงทุน หากให้เลือกระหว่าง หุ้น โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กับ หุ้น พรีเชียส ชิพปิ้ง หรือ PSL ขอเลือกตัวหลังดีกว่า (หัวเราะ) หุ้นกลุ่มนี้หากดูตามเส้นเทคนิคจะเห็นว่า กำลังชนะ SET แต่หากนำหุ้น 2 ตัว มาเทียบกัน หุ้น PSL น่าสนใจกว่า กลุ่มสุดท้าย คือ “หุ้นประกัน” ขอเชียร์ หุ้น ไทยรีประกันชีวิต หรือ THREL
“ผมมีความรู้ที่จะบอกทุกคนแค่นี้ละครับ”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่