"คำถาม" ... จาก คนที่ถูกเรียกว่า "ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก"

สวัสดีค่ะ
เมื่อวานนั่งเล่นเฟสบุ๊คไป แล้วเจอคลิปนี้แขร์อยู่หน้านิวส์ฟี๊ด
วันนี้เลยเอาคลิปดีๆ จาก 9gag.tv มาแชร์ให้ดูกัน
หลายคนอาจจะเคยดูแล้วน้า แต่น่าจะยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยดู
สำหรับคนที่สันทัดภาษาอังกฤษ ตามลิ้งค์ด้านล่างไปดูคลิปได้เลยค่ะ
(ภาษาไม่ยากมากค่ะ แต่ก็มีบางช่วงที่หลุดไปบ้าง 555)

She Was Called "The World's Ugliest Woman", But She Turns Hate Into Love
http://9gag.tv/v/2539



ส่วนสำหรับคนที่ไม่สันทัดด้านภาษา เอมจะแปลไว้ให้ด้านล่างนะคะ
*** แต่บอกก่อนว่า เอมก็ไม่ได้เก่งภาษาขนาดนั้น
จับไม่ได้ทุกประโยคที่เค้าพูด บางประโยคไม่รู้จะแปลยังไงดี แต่จะพยายามไม่ให้หลุดออกจากเรื่องนะคะ
อาจมีแปลผิดไปบ้างหรือไม่ตรงบ้าง ติชมบอกให้แก้/เพิ่มได้นะคะ
ต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ***


เตือน : ยาวนะคะ เปิดฟังจะฟินกว่า เค้าพูดดีจริงๆ











ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆๆ ที่ได้มายืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้
คือฉันอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับ .. เอ่อ .. ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกยังไงดี
แต่ขอเรียกมันว่า “อาการป่วยอย่างหนัก”
เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโรคนี้เลย ….
และฉันเป็นเพียงแค่ 200 คนในโลก ที่เรารู้ว่า เกิดมาบนโลกนี้พร้อมกับมัน  ...

โดยปกติแล้ว ด้วยอาการของโรคนี้ ..
มันทำให้ฉันไม่สามารถ …... มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ …… ใช่ค่ะ .. แต่มันก็เจ๋งดี (ฮา)
ฉันจะกินอะไร ตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้

ฉันจะครบ 25 ในเดือนมีนานี้ แต่ตลอดชีวิตของฉันไม่เคยหนักเกิน 64 ปอนด์ (ประมาณ 29 กิโลกรัม)
ตอนที่อยู่ที่วิทยาลัย มันจะมีพวกขนม ของกิน โดนัท มันฝรั่งทอด
เพื่อนบอกใกล้จะเวลานอนแล้ว อย่าไปกินเลย แต่ว่า …. ยังไงนะ ประมาณว่า …

ก็ไม่เป็นไรนี่
ฉันกินได้ ไม่เห็นเป็นไร

เพราะมันเป็นข้อดีของโรคนี้
ฉันทั้งน้ำหนักไม่เพิ่ม(ไม่กังวลเรื่องอ้วน) แถมยังตัวเล็ก ..
เวลาที่ฉันบอกคนอื่นว่าถึงจะมองไม่เห็นข้างนึง นี่มันก็ดีนะ เค้าก็มักจะถามกลับมาว่า เธอใช้อะไรคิด
เดี๋ยว .. เดี๋ยวจะบอกให้ … เพราะมัน …. อย่างเจ๋งงง … (ฮา)



เวลาที่ฉันใส่คอนแท็กส์ ฉันก็ใช้แค่คอนแท็ก แบ่งใช้ทีละข้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...
เวลาใส่แว่น ก็ตัดเลนส์แค่ข้างเดียว (ประหยัด)


เวลามีคนที่ทำให้ฉันรำคาญ หรือหยาบคายใส่ พวกเค้าก็แค่ต้อง ..
… มายืนอยู่ทางขวามือของฉัน เพราะฉันจะไม่รู้ว่าพวกเค้ายืนอยู่ตรงนั้นรึเปล่า (ก็มองไม่เห็นด้านขวา)

เอาจริงๆ ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าห้องนี้มันกว้างแค่ไหน ฮ่าๆ



แล้วก็ ..เหมือนกันกับที่ฉัน…. ตัวเล็ก
ฉันสามารถไปที่สถาบันควบคุมน้ำหนัก หรือยิมไหนก็ได้ แล้วก็บอกพวกเค้าว่า
“ขอโทษนะคะ แต่หนูเป้นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณได้”
ก็แค่ไปโชว์ว่าหนูกำลังทำตามคอร์สนี้ แล้วดูสิว่ามันได้ผลดีแค่ไหน (ฮา)



ถึงแม้ว่ามันจะมีอะไรๆที่เป็นเรื่องดีที่เกิดจากเพราะเป็นโรคนี้
แต่ในขณะเดียวกัน มันมีช่วงที่ … ยาก …
ยากมากๆๆๆๆๆ จนคุณจินตนาการไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ


ฉันเป็นลูกคนแรกของพ่อกับแม่
แล้วหมอบอกพ่อกับแม่ว่า “ลูกสาวของคุณเกิดมาไม่ปกติสักเท่าไหร่”
หมอเตือนว่า “เธออาจจะพูด เดิน คลาน คิด หรือทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลย”

มาลองคิดดู .. คนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะคิดว่า
“อะไรกัน ทำไมล่ะ ทำไมลูกคนแรก จะต้องเกิดมาแบบนี้ ทำไมต้องเกิดมากับโรคที่ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ”

แต่สิ่งแรกที่พ่อกับแม่พูดกับหมอคือ

… “เราอยากเห็นเธอ เราจะพาเธอกลับบ้าน และจะรักเธอ และจะเลี้ยงดูเธออย่างดีที่สุด” ...

และพวกเค้าก็ทำแบบนั้นจริงๆ

ฉันขอยกเครดิตแทบจะทุกอย่างที่ฉันทำสำเร็จในชีวิตให้พ่อกับแม่เลย
วันนี้พ่อก็มาอยู่ที่นี่ด้วย ส่วนแม่ แม่กำลังดูฉันอยู่ที่บ้าน (เล่นกับกล้อง) “หวัดดีค่ะ แม่”
แม่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการผ่าตัด
เธอเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวเราเหนียวแน่น
เธอเป็นคนที่พยายามอย่างที่สุด
และเธอก็เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวฉันตลอดมา

ฉันรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ฉันได้มายืน ณ ตรงนี้ ณ ที่นี้ ด้านหน้าพวกคุณ คุณรู้ไหมว่าทำไม

“เพราะถึงแม้ว่าฉันจะมีชีวิตที่ลำบากแค่ไหน แต่มัน …

…. โอเค ….

มันโอเค...”

บางทีอะไรๆก็น่ากลัว ...
บางทีอะไรๆมันก็ยาก …

อ่า คุณรู้ไหมว่าสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ฉันต้องผ่านมันมา แล้วก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่า
เราทุกคนน่าจะเคยผ่านมันมาแล้ว ลองทายดูไหมคะ



ด้านล่างเวที: “ผู้ชายยย” (Booooy)

“ผู้ชายอ่ะนะะะ =_=???” (Booooy?)

ด้านล่างเวที: “พวกอันธพาลลล” (Bully?)

“ถูกกก พวกอันธพาล” (Bullyyy)

ฉันจะเจอบ่อยมากๆ
คือ ตอนทีฉันอยู่อนุบาล ฉันไม่รู้ .. ไม่รู้เลยว่าตัวเองต่างจากเด็กคนอื่นตรงไหน
ฉันสะพายกระเป๋าไปโรงเรียน เด็กคนนึงก็มองฉัน  ..

“เหมือนฉันเป็นตัวประหลาดที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตที่เธอเคยเจอ”

ตอนแรก .. ฉันคิดว่า .. “นิสัยเธอนี่มันหยาบคายจริงๆเลยนะ” (ฮา)
แต่หลังจากนั้นเด็กคนอื่นๆก็ไม่เล่นด้วย ฉันก็ได้แต่สงสัย..

“ทำไมล่ะ? ฉันทำอะไรผิด? ฉันทำอะไรไป? ฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกเค้าเลย”

พูดก็พูดเถอะ แต่ฉันเป็นเด็กดีมากๆด้วยซ้ำ
ฉันจึงกลับบ้านไปถามพ่อกับแม่ว่า ทำไมเด็กคนอื่นๆไม่ชอบฉัน
พ่อกับแม่บอกแค่ว่า “เพราะหนูตัวเล็กกว่าคนอื่น หนูเป็นแบบนี้เพราะโรค ..”


“แต่มันไม่ได้บอกว่า "ตัวตน" ของหนูเป็นยังไง”


พ่อกับแม่บอกต่อว่า “ไปโรงเรียนซะ เงยหน้า ยิ้ม ใช้ชีวิต เป็นตัวของตัวเองต่อไป แล้วคนอื่นก้จะเห็น ว่าจริงๆแล้วหนูก็ปกติ ไม่ได้ต่างอะไรจากเค้า” และฉันก็ทำ ทำตามที่พวกท่านบอก…

ฉันอยากให้คุณคิด แล้วก็ถามตัวเองตอนนี้


… “อะไรคือสิ่งที่บอกว่า “ตัวตน” ของคุณเป็นยังไง ...
... “คุณ” คือใคร” …


มันใช่คุณมาจากไหนหรือเปล่า?
มันใช่คุณเป็นเพื่อนใครหรือเปล่า?
มันใช่ภูมิหลังของคุณเป็นยังไงหรือเปล่า?
มันคืออะไร? มันคืออะไรที่บอกถึง “ตัวตน” ของคุณ

ฉันใช้เวลานานมากในการค้นหาว่าตัวตนของฉันเป็นยังไง ฉันเป็นใคร
และเป็นเวลานานมากที่ฉันคิดว่าสิ่งที่บอกถึงตัวตนของฉันมันคือ “รูปลักษณ์ภายนอก”

หรือจะเป็นขาเล็กๆนี่?
หรือจะเป็นแขนเล็กๆ?
หรือหน้าตอบๆที่มันน่าเกลียดนี่?

ฉันขยะแขยงมัน ฉันพูดเลย ..
ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา เวลาที่ส่องกระจก เวลาที่มองเข้าไปฉันก็แค่คิดว่า

… ฉันอยากลบหน้าตัวเองทิ้งซะ …

ก็แค่ลบมันทิ้งซะ แล้วชีวิตฉันจะง่ายขึ้นกว่านี้มากๆ ...
ฉันทั้งขอ ทั้งอธิษฐาน ทั้งภาวนา ทั้งหวังว่าฉันจะตื่นมาแล้วเป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ
ฉันทำแบบนั้นทุกๆวัน และทุกๆครั้งฉันก้จะต้องพบแต่ความผิดหวัง …



แต่ฉันมีคนรอบข้างที่ดีมากๆ ทั้งคนที่ช่วยฉุดฉันขึ้นมาจากความมัวหมอง
ทั้งคนที่จะหัวเราะไปกับฉันในเวลาที่มีความสุข
และพวกเค้าสอนฉันว่า “ฉันจะปล่อยให้ ”มัน” มาเป็นตัวกำหนดตัวตนของฉันไม่ได้”

ถึงแม้ว่าฉันจะมีโรคนั้น
ถึงแม้ว่าอะไรๆ มันจะยากลำบาก
“ฉันจะปล่อยให้ “มัน” มากำหนดตัวตนของฉันไม่ได้”

“ชีวิตของฉันขึ้นอยู่ในกำมือของตัวฉันเอง”
“เหมือนกับที่ชีวิตของคุณก็อยู่ในกำมือของคุณ”
“คุณเป็นคนกำหนดว่า ชีวิตคุณจะไปทางไหน”
“คุณเป็นคนกำหนดว่า ชีวิตคุณจะไปในทางที่ไม่ดี หรือไปในทางที่ดี”
“คุณเป็นเพียงคนเดียวที่จะกำหนดว่าจะให้ “อะไร” มาบ่งบอกถึง "ตัวตน" ของคุณ”


มันไม่ง่ายเลยนะ ที่จะบอกว่า “อะไร” นั้นคืออะไร
จนบางครั้งตัวฉันเองก็ทั้งรำคาญ ทั้งของขึ้น จนไม่แคร์ว่า “อะไร” นั่นมันคืออะไร???


วันนึง ช่วงที่ฉันอยู่มัธยม
ฉันเจอคลิปที่ใครก็ไม่รู้อัพโหลดไว้
มันชื่อ “ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก”
คลิปสั้นๆ ไม่มีเสียง คอมเม้นท์เป็นพัน
เค้าบอกว่า …



“ขอเถอะ … ได้โปรด … ทำเพื่อโลกเถอะนะ
เอาปืนจ่อหัว แล้วไปตายซะ”




“…”



คิด .. ลองคิดดู
ถ้ามีคนมาบอกคุณแบบนั้น
ถ้า “คนแปลกหน้า” มาพูดกับคุณแบบนั้น



แล้วมันมีอะไรสักอย่างมาสะกิด ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันอยากอยู่คนเดียว
แต่ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า “ชีวิตของฉัน อยู่ในกำมือของฉัน”
“ฉันจะทำให้มันดีก็ได้ หรือฉันจะทำให้มันแย่ก็ได้”

ฉันลืมตา เปิดใจให้กว้าง และพยายามนึกถึง “อะไร” ที่ฉันมีในชีวิต
แล้วก็ให้ “อะไร” นั้นเป็นสิ่งกำหนด “ตัวตน” ของฉันเอง

ถึงจะมองไม่เห็นทั้งสองข้าง … แต่ฉันก็ยังมองได้ด้วยตาอีกข้าง
ถึงฉันจะป่วย … แต่ผมฉันก็สวยนะ (ฮ่าๆ)



หลังจากนั้นฉันก็เริ่มคิดว่า จะปล่อยให้คนอื่นๆมาบอกว่าฉันเป็นใครเหรอ?
จะให้เอาคำพูดของคนที่บอกว่าฉันเป็นตัวประหลาด เอาฉันไปเผาทิ้งซะ มาบอกว่าฉันเป็นอะไรเหรอ?


… ไม่ …


ฉันจะให้เป้าหมาย ความสำเร็จ และสิ่งที่ฉันทำสำเร็จแล้วมาเป็นเครื่องกำหนดว่าฉันเป็น “อะไร”
“ไม่ใช่” รูปลักษณ์ภายนอก
“ไม่ใช่” ความจริงที่ว่าฉันบังเอิญดันมีโรคที่ไม่มีใครรู้จัก

ฉันบอกตัวเองว่าฉันต้องทำอะไรสักอย่าง ฉันจะทำอะไรๆที่ฉันทำได้
ฉันจะทำให้พวกคนที่ทำให้ฉันเป็นตัวตลก พวกคนที่แกล้งฉัน พวกคนที่เรียกฉันว่าตัวประหลาด
ได้เห็นว่า ฉันทำให้ชีวิตฉันเองดีขึ้นได้


“ฉันจะเอาคำพูดด้านลบของพวกเค้ามา เปลี่ยนมันซะใหม่
ให้มันเป็นบันได ก้าวไปสู่เป้าหมายของตัวเอง”



แล้วฉันก็ทำมันได้แล้ว

ฉันบอกตัวเองว่า ฉันอยากเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ อยากเขียนหนังสือ อยากมีครอบครัวของตัวเอง
8 ปีต่อมา ฉันก็เป็น “นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อีกสิ่งที่ทำสำเร็จ .. ฉันอยากเขียนหนังสือ
และในอีก 2 อาทิตย์ ฉันหวังว่าพวกคุณจะได้เห็น “หนังสือเล่มที่สาม” ของฉันเอง

ฉันอยากเรียนจบ
และตอนนี้ฉันเรียนจบแล้ว ฉันได้รับปริญญาจาก Texas State University ภาคการสื่อสาร


ตอนที่ฉันบอกกับตัวเองว่า “อยากเป็นนักพูดสร้างกำลังใจ”
พอกลับบ้าน ฉันเปิดคอม เข้า Google แล้วพิมพ์ “วิธีการเป็นนักพูดสร้างกำลังใจ” ด้วย
จริงจัง ไม่ได้พูดเล่นเลย

ฉันเอาคำพูดของคนที่บอกว่า “เธอทำไอนั่นไม่ได้หรอก เธอทำไอนี่ไม่ได้หรอก” มาเป็นแรงกระตุ้น

ฉัน “เปลี่ยน” สิ่งร้ายๆ ที่พวกเค้าทำกับฉัน มาเป็นตัว “จุดประกาย” ให้กับชีวิตของตัวเอง
มาทำให้ชีวิตฉันเดินหน้าต่อไปได้ มาทำให้ชีวิตของฉันดีขึ้น

นั่นแหล่ะค่ะ คุณต้องใช้ “มัน”
ใช้ “มัน” ทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

เพราะฉันขอการันตี .. ฉันขอการันตีเลยว่า ..


… “คุณจะเป็นผู้ชนะ” …


ตอนนี้ .. ฉันอยากจะปิดเวทีนี้ไปด้วยคำถาม ที่อยากให้คุณจากห้องนี้ไปแล้วถามตัวเองว่า


“อะไรคือสิ่งที่กำหนดตัวตนของคุณ”


และจงจำเอาไว้ว่า “คุณจะต้องกล้า .. ตั้งแต่วินาทีนี้”

ขอบคุณค่ะ






[ โรงหนังปิดแล้ว ทางออกอยู่ทางด้านขวาค่ะ ]

พาพันขอบคุณพาพันขอบคุณพาพันขอบคุณพาพันขอบคุณพาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่