ว่ากันตรงๆ นะครับ

จักรยานก็คงไม่แตกต่างจากรถยนต์ที่มีทั้งตรายี่ห้อ มีทั้งสมรรถนะ มีทั้งสีสรร มีทั้งประเภทการใช้งาน มีกำลังแค่ไหนก็ลองมองดูเอาตามนั้นเพราะจะถูกจะแพงเขาผลิตออกมาเพื่อให้ใช้งานได้ มันก็ต้องใช้งานได้และต่างก็ไม่ได้ทำด้วยกระดาษจะได้หักพังในสามวันสี่วัน ถ้าคุณมีคำตอบสำหรับตัวเองว่ารถยนต์ราคาครึ่งล้านและรถยนต์ราคาล้านต่างกันอย่างไรคุณก็น่าจะรู้คำตอบสำหรับคำถามเดียวกันเกี่ยวกับจักรยาน

บางคนแม้กำลังทรัพย์จะมีแต่ก็อาจจะคิดว่าเริ่มต้นให้ถูกๆ ไว้ก่อนดีกว่าเผื่อว่าเกิดปั่นแล้วไม่ชอบจะได้ไม่เสียดาย แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง หากรู้แจ้งถึงเรื่องความอาจจะเบื่อ ความจะไม่ชอบเราก็คงต้องลองตัดสินใจดูใหม่ คิดดูให้แน่ๆ ว่าพร้อมจะเดินหน้าไปเพื่อตัวเองหรือไม่ ถ้ายังลังเลก็อย่าเพิ่งควักตังค์ จะควักมากควักน้อยมันก็ตังค์เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าซื้อของถูกๆ แล้วจะไม่เสียดายเมื่อยามไม่ใช้งานแล้วจอดไว้เป็นราวตากผ้า เงินสามสี่พันมันก็คือเงิน

บางคนก็คิดในอีกมุมหนึ่งว่าถ้าจัดสรรงบให้มากขึ้นหน่อยเพื่อจะได้ซื้อจักรยานที่มีคุณภาพสูงขึ้น ตรายี่ห้อดีขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตัวเองต้องพยายามปั่นเนื่องจากควักตังค์ไปเยอะ

ไม่มีใครรู้ตัวของเราเท่ากับตัวเราเอง มีกำลังแค่ไหนก็จัดไปแค่นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มีเงินร้อยก็ไม่ควรใช้ของราคาพัน มีเงินพันก็ไม่ควรใช้ของราคาหมื่นเพราะของราคาร้อย ราคาพันหรือราคาหมื่นต่างก็ทำงานให้เราได้ในขอบเขตของมัน มีงบสี่พันก็หาซื้อรถภายในงบนั้น ถ้าอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินทองก็ไม่ต้องคิดมาก เลือกซื้อเอาตามกำลังทรัพย์ แต่ถ้ายังคิดว่าสามารถจะจัดสรรได้ก็ลองจัดสรรงบดูใหม่

รถราคาตลาดก็ย่อมต้องมีคุณภาพด้อยกว่ารถราคาสูงแต่รถราคาสูงก็อาจจะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นตามอัตราส่วนของเงินที่จ่ายไป รถจักรยานตามห้างราคาก็ไม่สูงนัก คุณภาพก็คงจะไม่ได้ดีไปกว่ารถราคาแพง น้ำหนักก็จะมาก (แต่ถ้ามองในแง่ดี รถน้ำหนักมากก็ทำให้ต้องออกแรงมาก เหมาะกับการออกกำลังกาย)