ทำไมคนที่อยากมีชีวิตอิสระจึงแปลกกว่าคนที่อยากมีชีวิตมั่นคง, และ อาชีพบ้านเช่าในสายตาคนทั่วไป มันคือคนตกงานเหรอคับ

ผมอยู่กับพ่อผม2คน แม่ผมตายตั้งแต่ผมยังเด็ก
พ่อผมเป็นขรก.รัฐวิสาหกิจเก่า กินบำนาญเดือนละเกือบๆ2หมื่น
ผมอายุ28ปี โสด ไม่มีงานทำ แต่มีเงินกินใช้เดือนละ36000(มากสุด) น้อยสุด24000 หรือ 27000
ผมไม่ค่อยมีสังคม ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเพื่อนทำงานทำการกันหมด
พูดง่ายๆ คือ ผมว่างงงงานมากกกกกก

เนื่องจากพ่อผมเมื่อก่อนแกทำไฟฟ้า แกเกษียรแล้ว แกกินเงินบำนาญเดือนละเกือบๆสองหมื่น
ผมจบจากสวนสุนันทามาปี50 แรกๆผมก็เคยไปทำงานที่กทม.เป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำมา3เดือน ได้เงินเดือน6800
คือโดนใช้ได้ทุกคน ใช้ผมตั้งแต่C1 ยันC8 ผมรู้สึกว่าเงินมันน้อย และ ผมเป็นคนรักอิสระมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เลยออกมา และ ไม่เคยเข้าไปทำงานในระบบอีกเลย

เพราะพ่อผมเลี้ยงผมมาตามใจ ผมว่ายังไง พ่อก็ตามใจทุกอย่าง
ผมเลยออกมาขายเสื้ออยู่สนามหลวงตอนกลางคืน(ตอนนั้นยังอยู่สนามหลวง) ทำไปเดือนกว่าๆก็เจ๊ง
ผมเคว้างมาสักเดือนนึง

ผมเลยคิดอยากทำห้องเช่า เพราะบ้านผมอยู่ย่านกลางเมือง เข้าซอยมาจากถนนใหญ่50เมตรก็ถึงแล้ว
แล้วบ้านผมหลังใหญ่เพราะเป็นบ้านของปู่ ปู่ซื้อมาตั้งแต่ที่ยังไม่แพง ก็อยู่มาเรื่อยมาจนผมรุ่นที่3
ผมเลยปรึกษาพ่อ อยากทำบ้านเช่า ก็ตามใจผมเหมือนเคย เพราะผมลูกคนเดียว
ผมเลยทำเรื่องกู้ เอาฉโนดไปค้ำ ให้ช่างมาตีราคา ประมาณ2แสนกว่าๆ ผมก็เลยกู้ธนาคารมา3แสน
หาช่างที่รู้จักกันซอยห้องได้12ห้อง ทำห้องน้ำรวม4ห้อง (กั้นห้องแสนนึง ทำห้องน้ำสองแสนกว่า)
ผมผ่อนชำระธ.เดือนละ1หมื่นบาท
ก็ผ่อนมา3ปีกว่า ก็หมดไปแล้ว แล้วหลังจากทำห้องเช่า ผมก็ไม่เคยทำงานเลย เป็นเสือนอนกิน

แต่เรื่องเหตุจากเฟซบุ๊ค ผมมีเพื่อนคนนึงทำงานเงินเดือน จิงๆผมเพิ่งเลิกคบเลิกคุยกันมา2-3วันแล้ว
ผมคิดว่ามันมพูดแบบนี้ เพราะอิจฉานี่หว่า
ผมก็มีนิสัยชอบถ่ายนู่นถ่ายนี่ในเฟซบุ๊ค และ ผมเป็นคนชอบเที่ยวไง
แต่ผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวกินเหล้าอะไรแบบนี้นะ เพราะผมไม่สูบไม่ดื่ม
ผมชอบเที่ยวออกต่างจังหวัด ไปประเทศเพื่อนบ้านบ้าง เคยไปอินเดียมาหนนึง(ผมชอบไปเที่ยวแบบนี้แหละ)
เดือนนึงออกต่างจังหวัด3-4ครั้ง (ผมไม่มีรถนะ แต่ผมเที่ยวเป็น)
พูดง่ายๆคือกลับบ้านไม่ถึง2วัน เช้ามาเซ็งๆ แพ็คเป้ กระโดดขึ้นรถไฟ โดดขึ้นบขส.

จิงๆผมไม่ได้ใช้เงินเปลืองเลย เช่น ผมเพิ่งไปบ้านเพื่อนที่นครสวรรค์มาเมื่อ2วันก่อน
ผมนั่งรถไฟไป20บาท นั่ง2แถวอีก7บาท เพื่อนผมบอกว่าผมมีตังแต่ทำตัวโลโซ
ไม่ได้คุยนะ มี 2000 ผมสามาถไปได้เหนือจรดใต้ เดินทางให้เป็นพักให้เป็น หาโรงแรมถูกๆ กินข้าวข้างทาง
อยู่ใน2-3วันเลยนะ
และผมไปไหนก็จะถ่ายรูปเก็บไว้

จิงๆผมก็มีเงินเก็บนะ บางเดือน3000บ้าง 5000 บ้าง แล้วแต่รายรับเดือนนั้น
แล้วถ้าเหลือๆผมก็เก็บๆเข้าแบงค์หมด บางเดือนเที่ยวน้อยๆหน่อยเก็บได้เดือนละหมื่นเลย
แต่ส่วนมากจะอยู่ที่5000ต่อเดือน
เก็บไว้ทาสีซ่อมแซมบ้าน ไว้จ่ายภาษีโรงเรือน

เออ เพื่อนผมคนนี้น่ะ พอผมอ่านเฟซนะ
ช่วงแรกๆไม่คิดอะไร ตอนหลังรู้สึกว่ามันแขวะเรานี่หว่า

เช่น

คนเป็นสัตว์สังคม มีเงินแต่ไม่มีสังคมจะมีเงินไปทำไม

จนผมเจอข้อความนี้

ไปเที่ยวนู่น เที่ยวนี่ แต่ตกงาน ไม่มีความมั่นคง อิจฉาตายล่ะ

เฮ้ย มันพูดถึงเราเลยนี่หว่า
ผมเลยแชทคุยกับมัน
เฮ้ย พูดแบบนี้หมายความว่าไง

มันบอกว่าร้อนตัว
ผมก็บอกเออ กรูร้อนตัว
คุยไปคุยมามันยอมรับ เออ กรูด่าเมิง

ยิ้มงานการก็ไม่มีแต่ไปเที่ยวไปนี่ รู้จักป่ะทำงานน่ะ คนเราต้องมีงานถึงมีคุณค่า

ผมบอก

แล้วยิ้มเสรือกอะไรกับกรูล่ะ

มันก็บอก

รู้จักป่ะ ความมั่นคง

ผมบอก แล้วกรูไม่มั่นคงตรงไหนวะ

มันก็บอก

ไม่มีงานทำ ลอยไปลอยมา
รู้จักป่ะ ระบบงาน การไปทำงานน่ะ

ผมก็บอก เออ กรูไม่มีงาน แต่กรูมีรายได้เดือนละเกือบๆ4หมื่น
ยิ้มเงินเดือนเท่าไหร่ที่บอกว่ามั่นคง

มันฉุน มันบอกว่า เออ กรูมีน้อยกว่า

แล้วมันบอก เออ พ่อคนรวย ไปไหนก็ไปเฉยๆอย่าอวดรวยได้ป่ะ เกะกะเฟสกรู

ผมบอก ไม่พอใจก็อันเฟรนกรูไป

แล้วมันก็อันเฟรนผมไป
ผมฉุนมาก ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร เมื่อวานนอนไม่หลับ
ผมเลยไปถามพ่อ
พ่อ โอ๊ดทำงานดีป่ะ
พ่อบอก โอ๊ย แกจะทำได้สักกี่น้ำเดี๋ยวแกก็ออกมา
ผมก็คิด นั่นสิ
ผมก็เล่าให้พ่อฟัง
พ่อบอกว่า คิดมาก นี่แหละ มันคืองาน
มันคืองานที่ลงทุนเก็บกินระยะยาว ไม่ต้องลงแรงทำเอง
เพื่อนแกไม่มีแบบแก มันอิจฉาน่ะสิ

เออ ผมก็คิดเหมือนกันว่ามันอิจฉา

ผมก็คิด คิดมากทำไม แบบนี้ดีออก
คนอื่นทำงาน งกๆ ไม่มีเวลา อาจมีเงินมากกว่าผม หรือ เท่าๆผม
แต่ผมบอก มีแค่นี้ก็พอและ ที่ผมทำตรงนี้เพื่อนชีวิตอิสระ ที่คนอื่นไม่มี
แล้วจะไปคิดมากทำไม

เป็นคนตกงาน แต่เป็นตกงานที่เป็นเสือนอนกิน

แล้วถ้าคนสักคนจะมีความคิด

"อยากมีชีวิตที่มีอิสระ มีเวลา มากกว่า มีความมั่นคง มากกว่า มีรถ มีไอโฟน มีสังคม มันผิดตรงไหนล่ะ"

ซึ่งไอ้รถไอ้ไอโฟน5 ผมจะออกไปดาวน์ หรือ ไปมาบุญครองซื้อตอนนี้เลยก็ได้
แต่LGผมก็ใช้ได้เหมือนกัน รถมีทำไม ผมไปเหนือจรดไปจรดอีสาน เข้าลาวเข้าเขมร ขึ้นเขา เข้าป่า เที่ยวในเมือง
แบกเป้ใบเดียว ถูกกว่าเติมค่าน้ำมันรถอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
1. การหารายได้ อาจจะหาจาก
1.1 การออกแรงโดยทำกับคนอื่น (ทำงานกินเงินเดือน)
1.2 ทำอาชีพอิสระเช่น หมอ ทนาย นักเขียน
1.3 การจัดระบบการทำงาน แล้วจ้างคนอื่นทำงานแทน (ทำเป็นธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน)
1.4 การให้เงินทำงานแทน หรือเรียกว่าการลงทุน

ของคุณ เข้าข่าย การลงทุน เพราะให้เงินทำงานแทนให้  แต่อาจจะมีภาระคือช่วงเก็บเงินห้องเช่า การบำรุงรักษา การหาคนเช่าบ้าง ซึ่งไม่ต้องทำตลอดเดือน ถือว่าเป็นงานที่ดีครับ

ชีวิตของคุณ ถ้าทำประกันชีวิต ทำประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เพิ่มขึ้น ทั้งกับตัวเองและคนในครอบครัว ชีวิตก็จะยิ่งมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะโยนความเสี่ยงเหล่านี้ ให้กับบริษัทประกันไปแล้ว  แล้วคนเราพออายุมากขึ้นเรื่อยๆ จะมีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพ การรักษาพยาบาลตามมา เราต้องเตรียมเผื่อเรื่องพวกนี้ไว้ด้วยครับ

2. พ่อคุณดีมากนะครับ ทำงานเก็บเิงิน  ตอนนี้ ให้รู้ว่าคุณสบายตอนนี้ เพราะคุณพ่อ และบรรพบุรุษสร้างมาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ดิน และอื่นๆ  แต่ถือว่าคุณมีหัวการค้าอยู่ ที่สามารถนำบ้านใหญ่มาสร้างรายได้ๆ  เพียงแต่ทุกอย่างไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้  ถ้าทำประกันอย่างผมบอก ก็ช่วยลดอะไรตรงนี้ได้

3. facebook นั้น แรกๆ ใช้เชื่อมสัมพันธ์ เพื่อนๆอาจตจะมาช่วยคลิก แต่บางครั้ง การเอาชีวิตส่วนตัวไปใส่ไว้เยอะไป นานๆเ้ข้าเพื่อนๆจะเบื่อ และถ้าการ post ออกในแนวที่แสดงถึงความสุข ความร่ำรวย มีแนวโน้มที่เพื่อนๆจะเริ่มหมั่นไส้  จากที่ตาม like อาจจะลดลง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าทำไรตรูต้องไปรับรู้ชีวิตของเธอทุกอย่าง ตั้งแต่กินอะไร ไปเที่ยวไหน ไปกับใคร  (แรกๆก็อาจจะสนุกที่ได้รับรู้ข่าวสารเพื่อนๆ แต่พอเพื่อนๆเยอะขึ้น มีเป็นร้อย บางคนก็ share เรื่องส่วนตัวอย่างเดียว แล้วไม่เคย like คนอื่น เพื่อนๆก็ชักจะรำคาญอย่างที่ผมบอก ประกอบกับการแสดงถึงความสุขของคุณ  คนอื่นที่กำลังทุกข์อยู่ก็อาจจะอิจฉาได้ครับ เป็นปกติของมนุษย์ ก็แผ่เมตตาให้เขาไป)

4. ผมเองมองตามหลักกฎแห่งกรรม ถือว่า คุณทำบุญเก่ามาไม่น้อยครับ ตอนนี้ รับผลแห่งบุญนั้นอยู่ ก็อย่าประมา่ท ให้เร่งสร้างสะสมบุญไว้ต่อเนื่อง ทำบุญทานให้ต่อเนื่องครับ

5. ถ้าคุณชอบท่องเที่ยว ลองจัดระบบการเที่ยว รายละเอียดการเที่ยวแบบใช้งบจำกัด แล้วเขียนเป็นบทความ หนังสือดู เผื่อขาย เป็นรายได้เพิ่มเติมอีก ก็ทำให้สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ชอบ ซึ่งจะทำให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นไปอีกครับ

6. คนเราไม่แน่นอนครับ  วันนึงร่างกายที่แข็งแรงอาจจะเจ็บป่วย  เงินที่เคยมากอาจจะน้อยลง การใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทนั้นดีที่สุด  ถ้ามีเวลา ลองศึกษาธรรมมะไปด้วยครับ

แด่เธอผู้มาใหม่
http://03.wimutti.net/pramote/books/newcomer_thai.pdf

ธรรมมะสำหรับผู้มาใหม่
http://www.dhammada.net/newcomer/
http://www.wimutti.net/pramote/BeginToEnlightenment.php


7. อย่าคิดมากเรื่องคนอื่นอิจฉาคุณ ฝรั่งบอกว่า ไม่มีใครไปเตะหมาที่ตายแล้ว  เขาหมายถึงว่า ไม่มีใครไปอิจฉาคนที่ด้อยกว่า  หรอกครับ   แต่การไปแสดงความสุขให้คนอื่นเห็นบ่อยๆ บางคนเขาก็ดีใจด้วย บางคนก็อิจฉา โลกเราก็แบบนี้
ความคิดเห็นที่ 23
ผมได้มีโอกาส เข้ามา อ่าน กระทู้  ของ คุณ  แล้ว

                   ก่อนอื่น    ก็ขอแสดงความยินดี กับ คุณด้วย ที่ รู้จัก ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ ไปก่อให้เกิด รายได้  แล้วนำเงินที่ได้มานั้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน   ทำให้มีอิสระในการดำเนินชีวิต   ไม่ต้องไปทำงานอยู่ภายใต้ ความกดดันของใคร    ก็ถือ เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ครับ

                  แต่พอได้อ่าน  สาระกระทู้ ของคุณ มาก ๆ  เข้า   อ่านการสนทนาของคุณกับเพื่อน    และ คำพูด ของ คุณพ่อ ของคุณแล้ว  


                  ผมมีความรู้สึกว่า   คุณ กำลัง ทำอะไร  หรือ ใช้ เวลา ที่มีอยู่ ไปในทางที่ผิด ๆ  นะครับ    คุณอาจจะทนง ตัวเอง ว่า คุณเก่ง ที่มีห้องให้คนอื่นเช่า  แล้วมีรายได้ โดยไม่ต้องทำงาน มีชีวิตที่เป็นอิสระมากกว่า   และมีรายได้ ดีกว่า เพื่อน ๆ  คนอื่น เขา  เพราะเพื่อน มีรายได้น้อยกว่า        พอเพื่อน สะกิด บอก หรือ แนะนำตักเตือน  หรือ  พูดคุยอะไร กับคุณ ด้วยความเป็นห่วง    คุณ ก็ มองเพื่อนไปในแง่ไม่ดี   บอกว่า เพื่อนอิจฉา คุณ   แม้บางทีเพื่อนอยากจะบอกคุณ  เป็นห่วงคุณ ตามภาษาเพื่อนฝูงด้วยภาษาที่หยาบคายไปบ้าง     คุณกลับไปมองเพื่อน ว่า อิจฉาคุณ      ยิ่งคุณมาปรึกษา กับ คุณพ่อ คุณ  ด้วย  แล้ว คุณ พ่อ  ของคุณ ก็ พูด ทำนอง นั้น    ผม ว่า คุณพ่อ ยิ่งส่งเสริม คุณไปในทางที่ผิด ๆ  มาก ขึ้น    เพราะจุดประสงค์ของคุณพ่อ  ก็ต้องการให้คุณอยู่ใกล้ชิดรับใช้เขา    ไม่ได้มองไปให้ไกล ถึง อนาคต ของคุณ  ว่าต่อไป ภายหน้า    เมื่อคุณต้องมีชีวิตครอบครัว แล้ว   คุณยัง ต้องมีภาระ  มีความรับผิดชอบอะไรเพิ่มบ้าง     ลำพัง แค่ ค่าเช่าห้อง อย่างเดียว  มัน คงไม่พอ หลอกนะ   เพราะรายได้ ตรงส่วนนี้  มัน ไม่แน่นอน เสมอ ไป    บางครั้ง ถ้า มีบางเทศกาล ไม่มีคนมาเช่าห้อง   บางที รายได้ของคุณอาจจะหดหายได้  

                 ฉะนั้น ผม จึง ไม่อยากจะเห็น คุณ ตั้ง ตน อยู่ในความประมาท    อย่างหลง ทนง ตัวเอง ให้มากจนเกินไป   แทนที่จะใช้เวลาที่มีอยู่ มาทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง  แต่กลับใช้เวลาไปในทางเที่ยวเตร่  ทั้ง ๆ  ที่อายุของคุณ ก็ยังไม่มากสักเท่าไหร่นะ  ถ้าคิดแบบนี้   ผมเห็น พังมาหลายรายแล้วครับ  เมื่อตอนอายุ แก่ตัว มากขึ้น              

                ในช่วงที่คุณ ยัง เป็นโสด อยู่  ยังไม่แต่งงาน   คุณควรจะหาโอกาส  ทำงาน   แบบเพื่อน ๆ  ของคุณไปก่อน    ทำงานเพื่อหา ประสบการณ์การทำงานไปก่อน     เพราะการทำงาน มันจะช่วยทำให้คุณ มีรายได้  คู่ขนานกับ รายได้ ค่าเช่าห้อง    มีสังคม   มีเพื่อนมีฝูง    มีเกียรติ  มีศักดิ์ศรี   มีหน้าที่การงานที่ดี    พอ อายุของคุณ มากขึ้น   คุณ จะไปสู่ ขอ สาวคนไหนแต่งงาน   คุณ ก็จะได้รับการยอมรับของสังคม    ได้รับการยอมรับ จากคนที่จะเป็น  ว่าที่พ่อ ตา  และว่าที่แม่ยาย ด้วย  รวมถึงบรรดาญาติพี่น้องของแฟนด้วย

                เมื่อทำงานมาได้สักระยะหนึ่ง   เมื่อคุณมีรายได้มากขึ้น   คุณก็เอารายได้ที่เหลือจากการใช้  ไปลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม แล้ว ให้ทรัพย์สินสร้างรายได้ให้คุณมากขึ้น  ติดต่อกัน เป็นลูกโซ่  ไปเรื่อย ๆ    หาโอกาส  สร้าง เครื่องปั๊มเงินให้คุณ ไป ได้เรื่อย ๆ    หากคุณมีความพร้อมแล้ว   ชีวิตของคุณ และ ชีวิตของครอบครัว ในอนาคต  ก็จะมีความสุข   คุณพ่อของคุณ ก็จะได้สุขใจเพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นชีวิตของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น  

                ผมหวังว่า  เมื่อคุณได้อ่าน ข้อเขียนของผมแล้ว   จะทำให้คุณเข้าใจ  ความหวังดี  ที่จริงใจ จาก เพื่อน ๆ  ของคุณ นะครับ   อย่าไปมองว่า เขาอิจฉา คุณเลยนะครับ    อยากจะขอให้คุณ มอง ความปรารถนาดี จากพวกเขา มากกว่านี้ นะครับ  

                
               เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว นะครับ      และไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิ  คุณ นะครับ      หากคุณอ่านความคิดเห็นของผม แล้ว หากเห็นว่าไม่ดี หรือไม่ถูกใจ   ผมยินดีให้คุณ เสนอลบความคิดเห็นของผม  ต่อ คณะกรรมการของพันทิป ได้เลยครับ   ผม ยินดี น้อมรับ ความผิด ครั้งนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 20
คนไทยส่วนใหญ่มองว่า งาน คือ การไปเป็นลูกจ้างเค้า  ไปรับจ้างทำงานให้เจ้านายจิกหัวใช้ นั่นคือการทำงาน
ส่วนคนทำมีอาชีพอิสระ แต่มีเงินเท่าๆกัน แถมอาจสบายกว่าได้เงินเยอะกว่า กลับถูกมองว่าไม่มีงานทำ ไม่ยอมทำงาน

ทำไมคนทำอาชีพอิสระหลายๆคนต้องเหมือนเป็นปมด้อยที่ไม่ได้ทำงานประจำ ทั้งๆที่งานที่พวกเค้าทำสบายและรายได้ดีกว่าเยอะ  

สังคมที่ทำงานเป็นอะไรที่น่าอยากมีมากเลยค่ะ  แก่งแย่งชิงดี ขี้อิจฉา ขี้นินทา แบ่งพรรคแบ่งพวก ประจบสอพลอเลียเจ้านายเอาหน้า สารพัดสารเพ
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตในฝันผมเลยครับ......

ยินดีด้วยครับ ชีวิตดูมีความสุขมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่