http://ppantip.com/topic/31465938
จากน้องบางแก้วตัวสุดท้าย เมื่อวานนี้ ขับรถไปช่วยเขามาแล้ว ค่ะ เป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร สำหรับการช่วยหมาบางแก้ว เพราะส่วนมากค่อนข้างดุ และ รักเจ้าของเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่บางแก้วตัวนี้ ยังตัวเล็กกว่า บัตเตอร์ หมาบางแก้วพิการที่ดิฉันเคยไปช่วยมาค่ะ
ลุงยามที่ให้อาหารเอง ยังไม่ค่อยกล้าจับด้วยซ้ำ ดิฉันมีรถเก๋ง ซึ่งขับรถจาก ธัญบุรี คลอง 3 ไปถึงลำลูกกา คลอง 12 ไกลพอสมควร สำหรับช่วยหมาเคสนี้ คถุณลุงยามบอกว่า ต้องยิงยาเขาถึงเอาเขาไปได้ หรือ ต้องใช้รถปิคอัพ และหลอกล่อ เขาเข้ากรง คนอื่น จับเขาไม่ได้
ตอนแรก ดิฉัน ก็โทรหาเพื่อน ที่มีรถปิคอัพ ซึ่งเพื่อนดิฉันก็ให้ยืม แต่สิ่งที่ดิฉันคือ ระยะทาง ตอนแรก จะขับรถ ไปซื้อ ปลอกครอบปาก ก็กลัวจะมีปัญหาอีก จึงคุยกับลุงยามว่า ปกติ หมาบางแก้ว มักไม่กัดเจ้าของที่ให้อาหาร ถ้าเขารักใคร เขาจะรักเราจนวาระสุดท้าย ทีเดียว
ดิฉัน จึงบอกให้คุณลุง อุ้มเขาและไปด้วยกัน ซึ่งต้องอุ้มเขาไปหาคุณหมอ ที่คลอง 4 ซึ่ง ดิฉันรักษา น้องหมาทุกตัว ที่ดิฉันได้ช่วยมา คุณหมอ ใจดี ไม่รังเกียจ น้องหมาทุกๆตัว ที่ดิฉัน ช่วยมา ไม่ว่า สภาพ จะยับเยิน น้ำเลืดอ น้ำหนอง คุณหมอ ก็จะจับแบบไม่เคยรังเกียจ
สุดท้ายลุงยามก็ยอมอุ้ม น้องบางแก้ว ไปกับ ดิฉันด้วย ซึ่ง นั่นหมายถึง ดิฉัน ก็ต้องกลับไปส่ง ลุงยามที่คลอง 12 อีก แต่เพราะ มีคนช่วยเหลือ ค่าใช้จ่ายมาบ้างแล้ว ในเคสนี้ ดิฉัน ก็ต้องรักษาสัญญา นั้น ดิฉัน เป็นคนที่มีใจช่วยจริงๆ แต่ต้องมีคนช่วยค่ารักษามาบ้าง
ปรากฎว่า เป็นความโชคดี ของเขาอีก ถ้าไปช้าอีก 5-10 นาที ดิฉันต้องรอคุณหมออีกเป็นชั่วโมง เพราะคุณหมอ กำลังจะผ่าตัด น้องหมาอีกตัว
และคุณหมอ ได้ตรวจแล้ว ว่า น้องบางแก้วตัวนี้ เป็นเนื้องอก ต้องผ่าตัด เพราะ ถ้าไม่ผ่าตัด มันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
แต่วันนี้ คุณหมอ จะขอตรวจเลือด เพื่อดูผลเลือดก่อน ว่า เขาแข็งแรงพอที่จะเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่ ตอนนี้รอลุ้นผลเลือด ขอให้เขาแข็งแรง พอที่จะผ่าตัด เพราะ ถ้าแข็งแรง ภายในอาทิตย์หน้าก็คงได้รับการผ่าตัด
คุณลุงยามบอกว่า ตอนที่มีแพทย์ มาทำหมันให้น้องหมาที่นั่น คุรหมอบอกว่า ผ่าตัดไม่ได้ ต้องใช้เลือด และ ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เท่าที่ดิฉัน ฟัง คุณหมอ ที่มาทำหมัน น่าจะเป็นนักเรียนแพทย์ ซึ่งมองผ่านๆ ก็จะวินิจฉัยว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ซึ่งไม่ฟันธงสาเหตุที่แท้จริง อาจเป็นเพราะ ยังไม่มีประสบการณ์ เท่าคุณหมอ ที่ผ่านเคสมามากมาย และคุณหมอ บอกว่า ผ่าตัดไปแล้ว กลัวไปโดนเส้นเลือดใหญ่ และ จะเสียเลือดมากไป
และลุงยามบอกว่า น้องหมาตัวนี้ ตอนหลงเข้ามา ถูกน้ำร้อนลวกที่หลัง และกำลังสลบ เหมือนถูกตีมา ซึ่งแถวนั้นก็มีเขมร ที่จับหมากิน คุณลุงบอกว่า แผลที่หลังเหวอะหวะมาก ลุงยามซื้อยาให้กิน และเป็นความโชคดี ที่เขาหายเป็นปกติ
สิ่งที่ดิฉันได้มองเห็น ทุกๆคนที่มีโอกาส ได้ร่วมช่วยน้องหมาในทุกๆเคส ก็คือ ทุกๆคนมีใจเมตตา ในหัวใจ และ ส่วนมาก คนที่ช่วยน้องหมา มักเป็นคนระดับกลาง แทบทั้งสิ้น
ส่วนคนรวยๆ อีกหลายๆคน เลี้ยงน้องหมา เพื่อประดับบารมี และไม่เคยรัก และสนใจ น้องๆ 4 ขาเท่าที่ควร ที่บ้านหลังใหญ่ มีคนดูแล แต่เจ้าของบ้านเอง ไม่เคยแม้แต่ลูบหัว หรือ แสดงความรักแก่เขา
ดิฉันเห็นน้องหมาไซบีเรียนในหมู่บ้าน 2 ตัว อยู่บ้านหลังใหญ่ เห็บเยอะมากๆ ไม่เคยแม้แต่เล่น หรือ รักเขา ด้วยความรัก ซึ่งแตกต่างจาก น้องหมาไซบีเรียน ที่ดิฉันเก็บมาจาก ป้ายรถเมล์ เมโทร ย่านประตูน้ำ บ้านดิฉัน เป็นแค่ ทาวนเฮ้าส์ เล็กๆ แต่ ดิฉันได้วิ่งเล่น พื้นที่เล้กๆ หน้าบ้านกับเขาทุกๆวัน เขาก็วิ่งเข้าซอกบ้าง วิ่งหนีไปใต้กรงบ้าง ก็มีความสุขตามประสา
ดิฉันก็อยากหาบ้านใหม่ให้เขา แต่ ดูเหมือนว่า หลายคน แค่ต้องการ เอาเขาไปประดับบรามีเท่านั้น แต่ถ้ามีใครรักเขา แค่คนึ่งหนึ่ง ของดิฉัน ดิฉัน ก็ยินดีน่ะค่ะ ติดต่อได้ตลอดค่ะ แต่ ขอแม้คือ ต้องขอให้ ดิฉันไปเยี่ยมเยียน เขาบ้าง เท่านั้นค่ะ
แต่แค่ข้อแม้ ที่ดิฉันขอไปเยี่ยมเยียน ก็ทำให้คนเหล่านั้นหายไป หลายคนทีเดียว ไปต้องการอุปการะเขาอีกเลยค่ะ
น้องหมาพันธุ์ ถูกทิ้งหรือหลงทางมากมายค่ะ ช่วยน้องหมาพันธุ์ จนต้องดูแลเขาที่บ้าน 18 ตัวแล้วช่วยๆดูแลเขาดีๆน่ะค่ะ
จากน้องบางแก้วตัวสุดท้าย เมื่อวานนี้ ขับรถไปช่วยเขามาแล้ว ค่ะ เป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร สำหรับการช่วยหมาบางแก้ว เพราะส่วนมากค่อนข้างดุ และ รักเจ้าของเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่บางแก้วตัวนี้ ยังตัวเล็กกว่า บัตเตอร์ หมาบางแก้วพิการที่ดิฉันเคยไปช่วยมาค่ะ
ลุงยามที่ให้อาหารเอง ยังไม่ค่อยกล้าจับด้วยซ้ำ ดิฉันมีรถเก๋ง ซึ่งขับรถจาก ธัญบุรี คลอง 3 ไปถึงลำลูกกา คลอง 12 ไกลพอสมควร สำหรับช่วยหมาเคสนี้ คถุณลุงยามบอกว่า ต้องยิงยาเขาถึงเอาเขาไปได้ หรือ ต้องใช้รถปิคอัพ และหลอกล่อ เขาเข้ากรง คนอื่น จับเขาไม่ได้
ตอนแรก ดิฉัน ก็โทรหาเพื่อน ที่มีรถปิคอัพ ซึ่งเพื่อนดิฉันก็ให้ยืม แต่สิ่งที่ดิฉันคือ ระยะทาง ตอนแรก จะขับรถ ไปซื้อ ปลอกครอบปาก ก็กลัวจะมีปัญหาอีก จึงคุยกับลุงยามว่า ปกติ หมาบางแก้ว มักไม่กัดเจ้าของที่ให้อาหาร ถ้าเขารักใคร เขาจะรักเราจนวาระสุดท้าย ทีเดียว
ดิฉัน จึงบอกให้คุณลุง อุ้มเขาและไปด้วยกัน ซึ่งต้องอุ้มเขาไปหาคุณหมอ ที่คลอง 4 ซึ่ง ดิฉันรักษา น้องหมาทุกตัว ที่ดิฉันได้ช่วยมา คุณหมอ ใจดี ไม่รังเกียจ น้องหมาทุกๆตัว ที่ดิฉัน ช่วยมา ไม่ว่า สภาพ จะยับเยิน น้ำเลืดอ น้ำหนอง คุณหมอ ก็จะจับแบบไม่เคยรังเกียจ
สุดท้ายลุงยามก็ยอมอุ้ม น้องบางแก้ว ไปกับ ดิฉันด้วย ซึ่ง นั่นหมายถึง ดิฉัน ก็ต้องกลับไปส่ง ลุงยามที่คลอง 12 อีก แต่เพราะ มีคนช่วยเหลือ ค่าใช้จ่ายมาบ้างแล้ว ในเคสนี้ ดิฉัน ก็ต้องรักษาสัญญา นั้น ดิฉัน เป็นคนที่มีใจช่วยจริงๆ แต่ต้องมีคนช่วยค่ารักษามาบ้าง
ปรากฎว่า เป็นความโชคดี ของเขาอีก ถ้าไปช้าอีก 5-10 นาที ดิฉันต้องรอคุณหมออีกเป็นชั่วโมง เพราะคุณหมอ กำลังจะผ่าตัด น้องหมาอีกตัว
และคุณหมอ ได้ตรวจแล้ว ว่า น้องบางแก้วตัวนี้ เป็นเนื้องอก ต้องผ่าตัด เพราะ ถ้าไม่ผ่าตัด มันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
แต่วันนี้ คุณหมอ จะขอตรวจเลือด เพื่อดูผลเลือดก่อน ว่า เขาแข็งแรงพอที่จะเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่ ตอนนี้รอลุ้นผลเลือด ขอให้เขาแข็งแรง พอที่จะผ่าตัด เพราะ ถ้าแข็งแรง ภายในอาทิตย์หน้าก็คงได้รับการผ่าตัด
คุณลุงยามบอกว่า ตอนที่มีแพทย์ มาทำหมันให้น้องหมาที่นั่น คุรหมอบอกว่า ผ่าตัดไม่ได้ ต้องใช้เลือด และ ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เท่าที่ดิฉัน ฟัง คุณหมอ ที่มาทำหมัน น่าจะเป็นนักเรียนแพทย์ ซึ่งมองผ่านๆ ก็จะวินิจฉัยว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ซึ่งไม่ฟันธงสาเหตุที่แท้จริง อาจเป็นเพราะ ยังไม่มีประสบการณ์ เท่าคุณหมอ ที่ผ่านเคสมามากมาย และคุณหมอ บอกว่า ผ่าตัดไปแล้ว กลัวไปโดนเส้นเลือดใหญ่ และ จะเสียเลือดมากไป
และลุงยามบอกว่า น้องหมาตัวนี้ ตอนหลงเข้ามา ถูกน้ำร้อนลวกที่หลัง และกำลังสลบ เหมือนถูกตีมา ซึ่งแถวนั้นก็มีเขมร ที่จับหมากิน คุณลุงบอกว่า แผลที่หลังเหวอะหวะมาก ลุงยามซื้อยาให้กิน และเป็นความโชคดี ที่เขาหายเป็นปกติ
สิ่งที่ดิฉันได้มองเห็น ทุกๆคนที่มีโอกาส ได้ร่วมช่วยน้องหมาในทุกๆเคส ก็คือ ทุกๆคนมีใจเมตตา ในหัวใจ และ ส่วนมาก คนที่ช่วยน้องหมา มักเป็นคนระดับกลาง แทบทั้งสิ้น
ส่วนคนรวยๆ อีกหลายๆคน เลี้ยงน้องหมา เพื่อประดับบารมี และไม่เคยรัก และสนใจ น้องๆ 4 ขาเท่าที่ควร ที่บ้านหลังใหญ่ มีคนดูแล แต่เจ้าของบ้านเอง ไม่เคยแม้แต่ลูบหัว หรือ แสดงความรักแก่เขา
ดิฉันเห็นน้องหมาไซบีเรียนในหมู่บ้าน 2 ตัว อยู่บ้านหลังใหญ่ เห็บเยอะมากๆ ไม่เคยแม้แต่เล่น หรือ รักเขา ด้วยความรัก ซึ่งแตกต่างจาก น้องหมาไซบีเรียน ที่ดิฉันเก็บมาจาก ป้ายรถเมล์ เมโทร ย่านประตูน้ำ บ้านดิฉัน เป็นแค่ ทาวนเฮ้าส์ เล็กๆ แต่ ดิฉันได้วิ่งเล่น พื้นที่เล้กๆ หน้าบ้านกับเขาทุกๆวัน เขาก็วิ่งเข้าซอกบ้าง วิ่งหนีไปใต้กรงบ้าง ก็มีความสุขตามประสา
ดิฉันก็อยากหาบ้านใหม่ให้เขา แต่ ดูเหมือนว่า หลายคน แค่ต้องการ เอาเขาไปประดับบรามีเท่านั้น แต่ถ้ามีใครรักเขา แค่คนึ่งหนึ่ง ของดิฉัน ดิฉัน ก็ยินดีน่ะค่ะ ติดต่อได้ตลอดค่ะ แต่ ขอแม้คือ ต้องขอให้ ดิฉันไปเยี่ยมเยียน เขาบ้าง เท่านั้นค่ะ
แต่แค่ข้อแม้ ที่ดิฉันขอไปเยี่ยมเยียน ก็ทำให้คนเหล่านั้นหายไป หลายคนทีเดียว ไปต้องการอุปการะเขาอีกเลยค่ะ