ตอนที่ 1
บ้านไม้ทรงไทยปลูกไว้ในอาณาเขตกว่าสองร้อยไร่ ในพื้นที่บริเวณนั้นมีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นมากมายได้แก่ รีสอร์ทศิลา ฟาร์มม้าศิลา รวมไปถึงไร่องุ่นศิลา ชายในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ากับกางเกงยีนสีอ่อนสวมรองเท้าหนังกำลังขับรถสำรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบ เขาคือ ศิลา อาริยะพิศาลหรือหิน ผู้เป็นเจ้าของทั้งหมดของที่นี่
รถกระบะสีขาวขับมาจอดหน้าบ้านไม้เรือนไทย ศิลาลงจากรถแล้วยืนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถตู้เลขทะเบียนคุ้นตาจอดอยู่ ยืนนึกอะไรไปสักพักก่อนจะเดินตรงมาที่บ้าน ระหว่างนั้นไม้ลูกน้องคนสนิทของศิลาก็วิ่งตรงเข้ามาหอบอยู่ตรงหน้าแต่กระนั้นเขายังได้ยินไม้พูดว่า “นายหินหยุดก่อนครับ อย่าเพิ่งเข้าไปข้างในเลย” ศิลาชะงักแล้วมองไปที่บ้านไม้เรือนไทย
“ทำไม ข้างในมีอะไรงั้นหรือ” ศิลาถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ต้องยอมรับว่าสะดุดกับรถตู้ที่จอดอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
“ผู้หญิงครับ คุณหญิงท่านพาผู้หญิงมาหานายหินอีกแล้วครับ” ไม้พูดหน้าตาดูตื่นๆ ศิลาได้ฟังถึงกับหน้าซีด นึกไม่ถึงว่าคุณหญิงพรรษามารดาของเขาจะหาผู้หญิงมาให้เขาอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายืนกรานชัดเจนแล้วว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับรักผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น
“งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ แม่ฉันก็อยู่ในบ้านแล้วสิ”
“ครับ อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยเชียวครับ” ไม้บอกน้ำเสียงยังหอบ ศิลาส่ายหน้า ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะสวยราวนางฟ้าเขาก็ไม่สนใจ เพราะผู้หญิงสวยนี่แหละตัวดี ทำผู้ชายชอกช้ำมาหลายรายแล้ว
“ตกลงจะเอายังไงดีครับ หรือนายหินจะลองใช้แผนเดิมดูอีกครั้ง”
“นายคิดว่าแผนเดิมมันจะใช้ได้ผลหรือไม้ ถ้ามันใช้ได้ผลจริงละก็ แม่ฉันคงไม่พาผู้หญิงคนใหม่มาให้ฉันดูตัวอีกหรอก” ศิลาว่า สีหน้าเย็นชา นึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อนคุณหญิงพรรษาพาผู้หญิงคนหนึ่งมาที่นี่ และพยายามว่านล้อมให้เขาลงเอยกับเธอคนนั้น ในขณะที่ศิลาได้ปฏิเสธเสียงแข็งและยังยืนยันต่อหน้ามารดาของเขาอีกว่าจะไม่ยอมลงเอยกับผู้หญิงคนไหนเป็นอันขาด คำพูดเด็ดขาดในตอนนั้นศิลาเข้าใจว่ามารดาของเขาจะล้มเลิกความพยายามที่จะให้เขามีภรรยาแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้ คุณหญิงพรรษาจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเคราสากๆ ส่ายหน้าไปมา มองหน้าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์
“ขอบใจนายมากนะไม้ที่รีบมาบอกฉันก่อน ฉันจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมรับกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันได้ปฏิเสธแม่อีกรอบ” ศิลาตบบ่าไม้พลาง ไม้สงสัย
“แต่มันจะดีหรือครับ”
“ทำไมนายถึงคิดว่ามันไม่ดีล่ะ” ศิลาถาม ไม้รีบเอ่ย “ก็ถ้าเกิดคราวนี้คุณหญิงท่านไม่ยอมให้นายหินปฏิเสธ จะทำยังไงละครับหรือว่าเราควรโทรไปปรึกษาคุณไฟดีครับ”
“ไม่ต้องไปรบกวนนายไฟหรอก เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้ อีกอย่าง ถ้ามันจะถึงขีดสุดจริงๆ เราก็คงต้องสู้ให้มันตายกันไปข้างหนึ่ง นายก็รู้จักนิสัยฉันดีนี่ไม้ ฉันไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ และเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ยังไงฉันก็ต้องจัดการมันให้ได้” ศิลาเอ่ยจบก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งไม้ให้ยืนเกาหัวอย่างจนใจ
ที่เก้าอี้รับแขกน้อยยกน้ำกับของว่างมาเสิร์ฟให้คุณหญิงพรรษาและผู้หญิงอีกคนที่นั่งยิ้มแป้นรอที่จะได้พบกับว่าที่สามีในอนาคต คุณหญิงพรรษาถามน้อย
“น้อย นี่ลูกชายของฉันยังไม่กลับมาอีกหรือ ใจคอจะทำงานจนตะวันตกดินเลยหรือยังไง” น้อยยิ้มจืดๆ ก้มหน้านิ่ง แล้วเสียงหนึ่งก็เป็นฝ่ายตอบแทนน้อย
“ถ้าผมทำอย่างนั้นได้จริง ผมทำไปนานแล้วละครับ” ศิลาพูดก่อนจะสาวเท้าเดินมานั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามมารดาเหลียวมองด้านข้างเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยแต่งตัวดีนั่งยิ้มตาหวานเยิ้มให้เขาอยู่ ศิลาไม่สนใจหันมายกมือไหว้สวัสดีมารดา คุณหญิงพรรษารีบเข้าเรื่อง
“เออ คือแม่...” ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรมากมายก็ถูกลูกชายของนางแย่งพูดเสียก่อน
“ผมขอละครับ ถ้าคุณแม่มาเพื่อจะพูดเรื่องเดิมละก็ ผมไม่อยากฟังเพราะยังไงคำตอบของผมก็ยังเหมือนเดิม” ศิลาเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น คุณหญิงพรรษาหน้าแตกปรายตามาทางผู้หญิงที่นางพามาด้วย เห็นทำหน้าเจื่อนลง หันกลับมาทางลูกชายด้วยความไม่เข้าใจ
“หิน แม่ไม่เข้าใจแกจริงๆ ทำไมถึงได้ปิดกั้นหัวใจตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไปจากหินนานแล้ว หินก็น่าจะลืมๆ ได้แล้ว หินควรนึกถึงอนาคตให้มากๆ แม่เองก็แก่ตัวขึ้นทุกวัน หินไม่สงสารแม่หรือ”
“แล้วคุณแม่ไม่สงสารผมหรือครับ ผมเสียใจกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว ตอนนี้ชีวิตของผมมันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถ้าคุณแม่รักผมจริงๆ อย่าพยายามสร้างแผลใหม่ให้ผมอีกเลยนะครับ” คุณหญิงพรรษารีบแก้ต่าง
“หิน แต่ผู้หญิงที่แม่หามาให้ลูก เป็นคนดีจริงๆ นะ หนูนิ่มเพียบพร้อมและเหมาะสมกับหินทุกอย่าง หนูนิ่มยังบอกแม่อีกนะว่าถ้าต้องอยู่เป็นนายหญิงของที่นี่ หนูนิ่มก็รับได้” คนถูกเอ่ยชื่อยิ้มหวานเอ่ยเสริมทันที
“ใช่ค่ะ นิ่มพร้อมที่จะดูแลที่นี่ เป็นภรรยาที่ดีของพี่หิน นิ่มพร้อมที่จะอยู่ที่นี่กับพี่หินตลอดชีวิตค่ะ” คุณหญิงพรรษาฟังแล้วถึงกับยิ้มแก้มปรินึกชื่นชมว่าที่สะใภ้ในอนาคต ศิลายิ้มมุมปากพูดหน้าตาย “แล้วคุณนิ่มจะรับได้หรือครับ การเป็นเมียผมไม่ได้แค่มานั่งกินนอนอยู่ที่นี่เฉยๆ แต่ต้องทำงานเหมือนกับคนอื่นๆ ตื่นเช้ามาเข้าไร่องุ่น ตอนสายก็ต้องแวะไปที่ฟาร์มม้า ไม่เพียงแค่นั้นนะครับเสร็จจากงานในไร่กับฟาร์มแล้วก็ต้องเข้าไปดูแลความเรียบร้อยของรีสอร์ทต่อ นี่ยังไม่นับงานเสริมเช่นพวกงานกุศลช่วยเหลือชาวบ้านหรือว่างานจัดเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ อีกนะครับ เรียกได้ว่าถ้าไม่อึดจริงๆ ก็อยู่ไม่ได้” ศิลาพูดจบแอบสังเกตเห็นแววตากังวลฉายออกมา เขาหันมาทางมารดาที่นั่งไม่ติดพยายามจะอธิบายให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟัง
“หนูนิ่ม เออ ป้าว่าหินคงจะพูดเล่นนะ ความจริงงานมันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอกนะ” ศิลารีบแทรก
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับคุณแม่ ที่นี่งานมันหนักจริงๆ ยิ่งถ้าคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นนายหญิงของที่นี่ งานจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพราะอย่างนี้ไงละครับผมถึงยังไม่พร้อมที่จะมีภรรยา ผมรู้ว่างานของผมมันค่อนข้างหนัก แม้แต่เวลาพักผ่อนก็แทบจะไม่มีเลย ฉะนั้น หากที่นี่จะมีนายหญิงจริงๆ ลูกคุณหนูอย่างคุณนิ่มคงไม่เหมาะ ขอบคุณคุณนิ่มมากนะครับที่ยอมสละเวลามากับแม่ผม” เขาตัดบทสนทนาและเห็นมารดาจะแทรกคำพูดจึงรีบดักพูดเสียก่อน
“ไม่ว่าแม่จะพูดอะไร ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคุณนิ่มไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่” ศิลาเอ่ยเสร็จก็เห็นหนูนิ่มลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไป คุณหญิงพรรษาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“ทำไมถึงได้ปฏิเสธความหวังดีที่แม่หยิบยื่นมาให้นะ ในบรรดาผู้หญิงที่แม่หามาให้ลูก หนูนิ่มเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ดูหินทำสิ หักหน้าแม่แบบนี้แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นี่แม่จะต้องผิดใจกับเพื่อนแม่อีกคนหนึ่งใช่ไหม” คุณหญิงพรรษาบ่นออกมา ศิลายกมือไหว้
“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าแม่ปรึกษาผมสักนิดเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แม่ก็ไม่ต้องผิดใจกับเพื่อนของแม่ ความจริงแม่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องปฏิเสธแต่แม่ก็ยังทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นอีก” คุณหญิงพรรษาสีหน้าดูเหนื่อยล้า เอ่ยเสียงเบา
“เอาเถอะ ถึงหินจะปฏิเสธหนูนิ่มไปแล้วแต่แม่ก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ แม่จะหาผู้หญิงคนใหม่มาให้หินอีกและจะหาไปเรื่อยๆ จนกว่าหินจะยอมรับผู้หญิงคนที่แม่หามาให้ ต้องมีสักคนสินะที่หินจะชอบ”
“คุณแม่” ศิลาเรียกมารดา คุณหญิงพรรษาก้มลงหยิบกระเป๋าแบรนแนมเชิดหน้าพูดต่อ
“ลองดูสิ แม่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าหินจะใจแข็งสมชื่อไปได้นานสักแค่ไหนแต่ขอให้หินรู้ไว้ว่า แม่ไม่ยอมแพ้ลูกง่ายๆ หรอก ยังไงแม่ก็จะต้องทำให้ลูกยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ ต้องมีสักวันสินะที่หินจะยอมใจอ่อนและยอมแพ้แม่” คุณหญิงพรรษาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถ ศิลาเดินมามองรถตู้ที่เคลื่อนตัวออกไปจากบ้านไม้เรือนไทยแล้ว ถึงกับปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่เหมือนมันยังไม่สนิท ความสบายใจเหมือนมันยังไม่สุด ไม้เดินเข้ามาหา หน้าตาอยากรู้มาก
“เป็นยังไงบ้างครับนายหิน”
“ก็...เรียบร้อยดี” ศิลาตอบแต่สีหน้าท่าทางกังวล ไม้ดูออก “ปากว่าเรียบร้อยดีแต่สีหน้านายหินดูไม่เรียบร้อยเลยนะครับ”
“นายนี่ท่าจะรู้เรื่องมากไปแล้วนะ” ไม้ยิ้มแหยงๆ ศิลาส่ายหน้าให้ไม้ก่อนทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองแต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา มือหนาหยิบมันขึ้นมารับสาย
‘ว่าไงนายไฟ วันนี้ไปก่อเรื่องอะไรไว้ให้ฉันตามเก็บอีกล่ะ’ ศิลาเอ่ยยิ้มๆ
ในขณะนั้นไฟหรือเตโช อาริยะพิศาลกำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ที่หน้าห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ยี่สิบกว่านาทีที่ผ่านมาเขาเพิ่งขับรถชนผู้ชายคนหนึ่งและตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังอยู่ในความดูแลของหมอและพยาบาล
‘พี่หิน ผมจะทำยังไงดี ผมขับรถชนคน ไม่รู้ว่าเขาจะตายไหม’ รอยยิ้มของศิลาหุบลงทันทีที่ได้ยินน้องชายบอก
‘ใจเย็นๆ นะ ตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาลไหน’
ศิลารีบวิ่งมาที่รถกระบะสีขาวโดยมีไม้วิ่งตามหลังมาติดๆ ไม้เห็นอาการรีบร้อนของเจ้านายหนุ่มจึงถามออกไปทันที “นายหินจะรีบไปไหนครับ” หินหันมามองลูกน้องออกคำสั่งเด็ดขาด
“ไอ้ไม้ ฉันต้องรีบไปหาไฟ นายไฟขับรถชนคน ยังไงฉันฝากนายดูแลความเรียบร้อยทางนี้ด้วย ถ้ามีอะไรที่เกินความสามารถก็โทรมาหาฉันได้เพราะฉันอาจจะกลับมาดึกหน่อย”
“ครับๆ ขับรถดีๆ นะครับนายหิน ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ผมจะจัดการตามคำสั่งของนายหิน”
“ขอบใจ” ศิลาเอ่ยเสร็จก็เข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ไม้ช่วยปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม ไม่นานรถกระบะสีขาวก็ขับออกไป
หัวใจนายหิน ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
บ้านไม้ทรงไทยปลูกไว้ในอาณาเขตกว่าสองร้อยไร่ ในพื้นที่บริเวณนั้นมีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นมากมายได้แก่ รีสอร์ทศิลา ฟาร์มม้าศิลา รวมไปถึงไร่องุ่นศิลา ชายในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเก่ากับกางเกงยีนสีอ่อนสวมรองเท้าหนังกำลังขับรถสำรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบ เขาคือ ศิลา อาริยะพิศาลหรือหิน ผู้เป็นเจ้าของทั้งหมดของที่นี่
รถกระบะสีขาวขับมาจอดหน้าบ้านไม้เรือนไทย ศิลาลงจากรถแล้วยืนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถตู้เลขทะเบียนคุ้นตาจอดอยู่ ยืนนึกอะไรไปสักพักก่อนจะเดินตรงมาที่บ้าน ระหว่างนั้นไม้ลูกน้องคนสนิทของศิลาก็วิ่งตรงเข้ามาหอบอยู่ตรงหน้าแต่กระนั้นเขายังได้ยินไม้พูดว่า “นายหินหยุดก่อนครับ อย่าเพิ่งเข้าไปข้างในเลย” ศิลาชะงักแล้วมองไปที่บ้านไม้เรือนไทย
“ทำไม ข้างในมีอะไรงั้นหรือ” ศิลาถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ต้องยอมรับว่าสะดุดกับรถตู้ที่จอดอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
“ผู้หญิงครับ คุณหญิงท่านพาผู้หญิงมาหานายหินอีกแล้วครับ” ไม้พูดหน้าตาดูตื่นๆ ศิลาได้ฟังถึงกับหน้าซีด นึกไม่ถึงว่าคุณหญิงพรรษามารดาของเขาจะหาผู้หญิงมาให้เขาอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายืนกรานชัดเจนแล้วว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับรักผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น
“งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ แม่ฉันก็อยู่ในบ้านแล้วสิ”
“ครับ อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยเชียวครับ” ไม้บอกน้ำเสียงยังหอบ ศิลาส่ายหน้า ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะสวยราวนางฟ้าเขาก็ไม่สนใจ เพราะผู้หญิงสวยนี่แหละตัวดี ทำผู้ชายชอกช้ำมาหลายรายแล้ว
“ตกลงจะเอายังไงดีครับ หรือนายหินจะลองใช้แผนเดิมดูอีกครั้ง”
“นายคิดว่าแผนเดิมมันจะใช้ได้ผลหรือไม้ ถ้ามันใช้ได้ผลจริงละก็ แม่ฉันคงไม่พาผู้หญิงคนใหม่มาให้ฉันดูตัวอีกหรอก” ศิลาว่า สีหน้าเย็นชา นึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อนคุณหญิงพรรษาพาผู้หญิงคนหนึ่งมาที่นี่ และพยายามว่านล้อมให้เขาลงเอยกับเธอคนนั้น ในขณะที่ศิลาได้ปฏิเสธเสียงแข็งและยังยืนยันต่อหน้ามารดาของเขาอีกว่าจะไม่ยอมลงเอยกับผู้หญิงคนไหนเป็นอันขาด คำพูดเด็ดขาดในตอนนั้นศิลาเข้าใจว่ามารดาของเขาจะล้มเลิกความพยายามที่จะให้เขามีภรรยาแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้ คุณหญิงพรรษาจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเคราสากๆ ส่ายหน้าไปมา มองหน้าลูกน้องผู้ซื่อสัตย์
“ขอบใจนายมากนะไม้ที่รีบมาบอกฉันก่อน ฉันจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมรับกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันได้ปฏิเสธแม่อีกรอบ” ศิลาตบบ่าไม้พลาง ไม้สงสัย
“แต่มันจะดีหรือครับ”
“ทำไมนายถึงคิดว่ามันไม่ดีล่ะ” ศิลาถาม ไม้รีบเอ่ย “ก็ถ้าเกิดคราวนี้คุณหญิงท่านไม่ยอมให้นายหินปฏิเสธ จะทำยังไงละครับหรือว่าเราควรโทรไปปรึกษาคุณไฟดีครับ”
“ไม่ต้องไปรบกวนนายไฟหรอก เรื่องแค่นี้ฉันจัดการเองได้ อีกอย่าง ถ้ามันจะถึงขีดสุดจริงๆ เราก็คงต้องสู้ให้มันตายกันไปข้างหนึ่ง นายก็รู้จักนิสัยฉันดีนี่ไม้ ฉันไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ และเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ยังไงฉันก็ต้องจัดการมันให้ได้” ศิลาเอ่ยจบก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งไม้ให้ยืนเกาหัวอย่างจนใจ
ที่เก้าอี้รับแขกน้อยยกน้ำกับของว่างมาเสิร์ฟให้คุณหญิงพรรษาและผู้หญิงอีกคนที่นั่งยิ้มแป้นรอที่จะได้พบกับว่าที่สามีในอนาคต คุณหญิงพรรษาถามน้อย
“น้อย นี่ลูกชายของฉันยังไม่กลับมาอีกหรือ ใจคอจะทำงานจนตะวันตกดินเลยหรือยังไง” น้อยยิ้มจืดๆ ก้มหน้านิ่ง แล้วเสียงหนึ่งก็เป็นฝ่ายตอบแทนน้อย
“ถ้าผมทำอย่างนั้นได้จริง ผมทำไปนานแล้วละครับ” ศิลาพูดก่อนจะสาวเท้าเดินมานั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามมารดาเหลียวมองด้านข้างเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยแต่งตัวดีนั่งยิ้มตาหวานเยิ้มให้เขาอยู่ ศิลาไม่สนใจหันมายกมือไหว้สวัสดีมารดา คุณหญิงพรรษารีบเข้าเรื่อง
“เออ คือแม่...” ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรมากมายก็ถูกลูกชายของนางแย่งพูดเสียก่อน
“ผมขอละครับ ถ้าคุณแม่มาเพื่อจะพูดเรื่องเดิมละก็ ผมไม่อยากฟังเพราะยังไงคำตอบของผมก็ยังเหมือนเดิม” ศิลาเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น คุณหญิงพรรษาหน้าแตกปรายตามาทางผู้หญิงที่นางพามาด้วย เห็นทำหน้าเจื่อนลง หันกลับมาทางลูกชายด้วยความไม่เข้าใจ
“หิน แม่ไม่เข้าใจแกจริงๆ ทำไมถึงได้ปิดกั้นหัวใจตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ไปจากหินนานแล้ว หินก็น่าจะลืมๆ ได้แล้ว หินควรนึกถึงอนาคตให้มากๆ แม่เองก็แก่ตัวขึ้นทุกวัน หินไม่สงสารแม่หรือ”
“แล้วคุณแม่ไม่สงสารผมหรือครับ ผมเสียใจกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว ตอนนี้ชีวิตของผมมันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถ้าคุณแม่รักผมจริงๆ อย่าพยายามสร้างแผลใหม่ให้ผมอีกเลยนะครับ” คุณหญิงพรรษารีบแก้ต่าง
“หิน แต่ผู้หญิงที่แม่หามาให้ลูก เป็นคนดีจริงๆ นะ หนูนิ่มเพียบพร้อมและเหมาะสมกับหินทุกอย่าง หนูนิ่มยังบอกแม่อีกนะว่าถ้าต้องอยู่เป็นนายหญิงของที่นี่ หนูนิ่มก็รับได้” คนถูกเอ่ยชื่อยิ้มหวานเอ่ยเสริมทันที
“ใช่ค่ะ นิ่มพร้อมที่จะดูแลที่นี่ เป็นภรรยาที่ดีของพี่หิน นิ่มพร้อมที่จะอยู่ที่นี่กับพี่หินตลอดชีวิตค่ะ” คุณหญิงพรรษาฟังแล้วถึงกับยิ้มแก้มปรินึกชื่นชมว่าที่สะใภ้ในอนาคต ศิลายิ้มมุมปากพูดหน้าตาย “แล้วคุณนิ่มจะรับได้หรือครับ การเป็นเมียผมไม่ได้แค่มานั่งกินนอนอยู่ที่นี่เฉยๆ แต่ต้องทำงานเหมือนกับคนอื่นๆ ตื่นเช้ามาเข้าไร่องุ่น ตอนสายก็ต้องแวะไปที่ฟาร์มม้า ไม่เพียงแค่นั้นนะครับเสร็จจากงานในไร่กับฟาร์มแล้วก็ต้องเข้าไปดูแลความเรียบร้อยของรีสอร์ทต่อ นี่ยังไม่นับงานเสริมเช่นพวกงานกุศลช่วยเหลือชาวบ้านหรือว่างานจัดเลี้ยงในเทศกาลต่างๆ อีกนะครับ เรียกได้ว่าถ้าไม่อึดจริงๆ ก็อยู่ไม่ได้” ศิลาพูดจบแอบสังเกตเห็นแววตากังวลฉายออกมา เขาหันมาทางมารดาที่นั่งไม่ติดพยายามจะอธิบายให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟัง
“หนูนิ่ม เออ ป้าว่าหินคงจะพูดเล่นนะ ความจริงงานมันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอกนะ” ศิลารีบแทรก
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับคุณแม่ ที่นี่งานมันหนักจริงๆ ยิ่งถ้าคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นนายหญิงของที่นี่ งานจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพราะอย่างนี้ไงละครับผมถึงยังไม่พร้อมที่จะมีภรรยา ผมรู้ว่างานของผมมันค่อนข้างหนัก แม้แต่เวลาพักผ่อนก็แทบจะไม่มีเลย ฉะนั้น หากที่นี่จะมีนายหญิงจริงๆ ลูกคุณหนูอย่างคุณนิ่มคงไม่เหมาะ ขอบคุณคุณนิ่มมากนะครับที่ยอมสละเวลามากับแม่ผม” เขาตัดบทสนทนาและเห็นมารดาจะแทรกคำพูดจึงรีบดักพูดเสียก่อน
“ไม่ว่าแม่จะพูดอะไร ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคุณนิ่มไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่” ศิลาเอ่ยเสร็จก็เห็นหนูนิ่มลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไป คุณหญิงพรรษาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“ทำไมถึงได้ปฏิเสธความหวังดีที่แม่หยิบยื่นมาให้นะ ในบรรดาผู้หญิงที่แม่หามาให้ลูก หนูนิ่มเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ดูหินทำสิ หักหน้าแม่แบบนี้แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นี่แม่จะต้องผิดใจกับเพื่อนแม่อีกคนหนึ่งใช่ไหม” คุณหญิงพรรษาบ่นออกมา ศิลายกมือไหว้
“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าแม่ปรึกษาผมสักนิดเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แม่ก็ไม่ต้องผิดใจกับเพื่อนของแม่ ความจริงแม่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องปฏิเสธแต่แม่ก็ยังทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นอีก” คุณหญิงพรรษาสีหน้าดูเหนื่อยล้า เอ่ยเสียงเบา
“เอาเถอะ ถึงหินจะปฏิเสธหนูนิ่มไปแล้วแต่แม่ก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ แม่จะหาผู้หญิงคนใหม่มาให้หินอีกและจะหาไปเรื่อยๆ จนกว่าหินจะยอมรับผู้หญิงคนที่แม่หามาให้ ต้องมีสักคนสินะที่หินจะชอบ”
“คุณแม่” ศิลาเรียกมารดา คุณหญิงพรรษาก้มลงหยิบกระเป๋าแบรนแนมเชิดหน้าพูดต่อ
“ลองดูสิ แม่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าหินจะใจแข็งสมชื่อไปได้นานสักแค่ไหนแต่ขอให้หินรู้ไว้ว่า แม่ไม่ยอมแพ้ลูกง่ายๆ หรอก ยังไงแม่ก็จะต้องทำให้ลูกยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ ต้องมีสักวันสินะที่หินจะยอมใจอ่อนและยอมแพ้แม่” คุณหญิงพรรษาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถ ศิลาเดินมามองรถตู้ที่เคลื่อนตัวออกไปจากบ้านไม้เรือนไทยแล้ว ถึงกับปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่เหมือนมันยังไม่สนิท ความสบายใจเหมือนมันยังไม่สุด ไม้เดินเข้ามาหา หน้าตาอยากรู้มาก
“เป็นยังไงบ้างครับนายหิน”
“ก็...เรียบร้อยดี” ศิลาตอบแต่สีหน้าท่าทางกังวล ไม้ดูออก “ปากว่าเรียบร้อยดีแต่สีหน้านายหินดูไม่เรียบร้อยเลยนะครับ”
“นายนี่ท่าจะรู้เรื่องมากไปแล้วนะ” ไม้ยิ้มแหยงๆ ศิลาส่ายหน้าให้ไม้ก่อนทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองแต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา มือหนาหยิบมันขึ้นมารับสาย
‘ว่าไงนายไฟ วันนี้ไปก่อเรื่องอะไรไว้ให้ฉันตามเก็บอีกล่ะ’ ศิลาเอ่ยยิ้มๆ
ในขณะนั้นไฟหรือเตโช อาริยะพิศาลกำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ที่หน้าห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ยี่สิบกว่านาทีที่ผ่านมาเขาเพิ่งขับรถชนผู้ชายคนหนึ่งและตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังอยู่ในความดูแลของหมอและพยาบาล
‘พี่หิน ผมจะทำยังไงดี ผมขับรถชนคน ไม่รู้ว่าเขาจะตายไหม’ รอยยิ้มของศิลาหุบลงทันทีที่ได้ยินน้องชายบอก
‘ใจเย็นๆ นะ ตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาลไหน’
ศิลารีบวิ่งมาที่รถกระบะสีขาวโดยมีไม้วิ่งตามหลังมาติดๆ ไม้เห็นอาการรีบร้อนของเจ้านายหนุ่มจึงถามออกไปทันที “นายหินจะรีบไปไหนครับ” หินหันมามองลูกน้องออกคำสั่งเด็ดขาด
“ไอ้ไม้ ฉันต้องรีบไปหาไฟ นายไฟขับรถชนคน ยังไงฉันฝากนายดูแลความเรียบร้อยทางนี้ด้วย ถ้ามีอะไรที่เกินความสามารถก็โทรมาหาฉันได้เพราะฉันอาจจะกลับมาดึกหน่อย”
“ครับๆ ขับรถดีๆ นะครับนายหิน ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ผมจะจัดการตามคำสั่งของนายหิน”
“ขอบใจ” ศิลาเอ่ยเสร็จก็เข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ไม้ช่วยปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม ไม่นานรถกระบะสีขาวก็ขับออกไป