เห็นหลายกระทู้รำพึงรำพันว่าเลิกกันแล้วแต่ขาดเค้าไม่ได้ ที่จริงคืออะไร มาดูกัน

จขกท ก็เคยโดนทิ้ง ฟูมฟาย ทรมาน ทุรนทุราย โดนมาตั้งหลายครั้ง สารพัดจะโดน แต่ก็มีบางคนมาหาว่า จขกท พูดจาแรงไป คืออยากทราบว่า แรงตรงไหนค่ะ? มันเป็นบทความจากหนังสือเล่มนึง ที่จขกท เห็นว่า เออนะ น่าจะมีประโยชน์ สามารถเยียวยาหัวใจที่กำลังอ่อนแอของใครได้บ้าง
เจอนักเลงคีย์บอร์ด มาบอก มาต่อว่า ให้เราหุบปากไปซะ (หากันเอาเองนะคะ ว่า ความคิดเหนที่เท่าไหร่) จขกท ก็เปนกำลังใจให้นะ ชีวิตเค้าคงมีปมมาเยอะมากแล้ว จขกท จะไม่ซ้ำเติม เพราะบางทีความหวังของเค้าอาจเหลืออยุ่แค่นั้น ยิ้ม  เอาง่ายๆนะ ตอนที่อกหักครั้งแรก ......

เราร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน อยุ่ในห้องคนเดียว แค่หายใจยังเหนื่อย อยากตาย คิดหาทางทำให้เค้ากลับมา แทบเป็นบ้า รักมาก ก็เจบมาก ร้องไห้ทั้งวัน ทั้งคืน มีเพื่อนมาปลอบใจ แต่ใครเล่าจะเข้าใจตัวเราได้ดี มากกว่า ตัวเราเอง จิงมั้ยค่ะ ? หัวใจที่กำลังโดนกรีด มันเจบปวดรวดร้าวแค่ไหน แต่พอเวลาผ่านไป เสียใจไป ร้องไห้ไป ชีวิตเราแย่ ร่างกายหลั่งสารไม่มีความสุข หน้าเหี่ยว คิดมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้ จมความทุกข์ เสียการเรียน เสียงาน เสียทุกอย่าง แต่อีกคน กลับมีความสุข กินดี อยุ่ดี แฮปปี้ลั้ลลา

ลองจินตนาการดูเป็น สองภาพ ในหัว   ภาพแรก เปนภาพของเราที่กำลังร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอ และอีก สอง สามเดือน หรือเปนปี ชีวิตก็ยังฟูมฟาย หาอะไรดีไม่ได้ ลองมองไปดูตัวเองข้างหน้า สภาพแบบนั้น อยากเปนหรอ ?  

กับอีกภาพ ที่เปี่ยนตัวเองเปนคนใหม่ บอกตัวเองว่าจะร้องไห้แค่เวลาเท่านี้ เท่านี้ จัดการกับความเส้าตัวเอง จขกท เคยให้เวลาตัวเองแค่สามวัน เอาให้เตมที่ ให้มันรุ้ไปว่า โดนผุ้ชายทิ้งแล้วมันจะตาย  แล้วก้ทำแบบนั้นค่ะ สามวันจิงๆ เราร้องไห้ คือ ฟังเพลงเส้า ร้องไห้ คือชีวิตแย่ไปเลย แต่วันที่ 4 เราต้องกลับมาเปนคนเดิมที่สดใส ให้คนที่ทิ้งเราไป คิดผิด ที่ทิ้งเราไป.   ดีกว่าให้เค้าคิดว่า. กุคิดถูกแล้วที่ทิ้งอีนี่ไป ?  จะเอาาหราาาาาา ลองคิดกันดูนะ จขกท แค่อยากให้ผุ้หญิงเข้มแข็ง แค่นั้นจริงๆ


ช่วงนี้เห็นกระทู้ดราม่าเยอะจุง ก็เลยเอาบทความดีดีมาให้อ่านกัน เผื่อทำให้ใครแถวๆนี้คิดอะไรได้บ้าง

   ที่เราขาดเค้าไม่ได้ เปนเพราะ. ภาวะกาฝาก


คืออะไรไปดูกันค่ะ

อยากให้สาวๆ อ่านให้จบนะคะ จะได้ตาสว่างมากขึ้น



ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรัก ที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่ง คือ ..


“ถ้ารักกันแล้ว...เราขาดกันไม่ได้"


ยกตัวอย่าง...กรณีที่เราจะพบเสมอ .. ทันทีที่รู้ว่า คน(ที่เรา)รัก จากไปสู่ที่ชอบ..ที่ชอบ
คือ..ไปอยู่กับ "คน" ที่เขาชอบมากกว่า "เรา"และที่ชอบของเขา เป็นที่ไม่ชอบของเรา
ไม่ว่าหญิงหรือชายจะเกิดอาการ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ..จะเป็นจะตาย ..
หลายราย ถึงกับสำเร็จความตายด้วยตนเอง คิดว่า เป็นการบูชาความรัก



ตัวอย่าง .. คนไข้สาวรายหนึ่ง
แฟนหนุ่ม มีอันต้องจำพรากจากไป...อยู่กับสาวอื่นแทน
เธอพรอดพร่ำ รำพัน ต่อหน้าจิตแพทย์
"หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว หนูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา"
[เธอลืมไปว่า..ก่อนที่จะมีเขา... เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ได้]
"หนูรักเขามากค่ะ...คุณหมอคงเข้าใจใช่ไหมคะ ว่าหนูรักเขามากแค่ไหน"
ถ้อยคำมากมาย พรั่งพรูจากปากของเธอ

"คุณเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะครับ.. คุณไม่ได้รักแฟนคุณหรอก"
จิตแพทย์พูดบ้าง หลังจากฟังมานาน

"คุณหมอ หมายความว่ายังไง ...ก็หนูเพิ่งพูดไปแหม่บๆ ว่า ถ้าขาดเขาเสียแล้ว ชีวิตของหนูก็อยู่ไม่ได้” น้ำเสียงเธอ แสดงความไม่พอใจ..

จิตแพทย์พยายามอธิบาย “สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด..ไม่ได้เรียกว่า ความรักหรอกครับ เขาเรียกว่า ภาวะกาฝาก ตราบใดที่คุณยังต้องพึ่งใครสักคน เพื่อความอยู่รอดของคุณ ..คุณก็ทำตัวเหมือนพยาธิในลำไส้ของเขา...มันทำให้ชีวิตคุณ ไม่มีทางเลือก และขาดอิสรภาพมันกลายเป็น.. ภาวะจำเป็น..มากกว่า..ความรัก"

คนไข้สาวช็อค...ไปชั่วขณะ

นึกว่าจะได้รับคำปลอบใจ ที่มีคุณภาพสูงกว่าที่เคยได้จากเพื่อนๆ ....แต่หมอยังพูดต่อ... ทั้งๆ ที่คนไข้กำลังนั่งนิ่งตะลึง ด้วยความงง ..เหมือนจงใจ "ซ้ำเติม" ...แต่นำปัญญา..สู่จิตอันขลาดเขลา


"ความรักที่แท้..ต้องมีอิสรภาพ... คนสองคนจะรักกันได้...
ก็ต่อเมื่อ..เขาทั้งสอง สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ตามลำพัง อย่างไม่เป็นทุกข์
แต่เขาทั้งสอง ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อความสุขที่มากขึ้น"




เธอใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่ง...

สีหน้าเริ่มสงบ ...คิ้วขมวดเริ่มผ่อนคลาย
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก.. ก่อนเปล่งวาจา ..
"คำพูดของคุณหมอ เปรียบเสมือนแสงตะวัน...
ที่สาดส่อง ทะลุทำลาย กำแพงเมฆหมอก ของดิฉัน...





-------------
จิตแพทย์ที่กล้าพูดเตือนสติ แทนการพูดปลอบใจท่านนี้ ....คือ Dr.Scott Peck ...
ซึ่งได้เขียนบรรยายเหตุการณ์เรื่องนี้ ในหนังสือขายดีชื่อ …The Road Less Traveled
ซึ่งท่านได้ให้แนวคิดเรื่อง.. "ภาวะพึ่งพิง" (Dependency)
ไว้ด้วยความหมายว่า ...เป็นภาวะ ที่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจาก การดูแลเอาใจใส่ จากบุคคลอื่น ปกติเราอาจต้องพึ่งพิง ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ในเวลาที่เราได้รับบาดเจ็บ หรือกำลังป่วย

แต่หากเรามีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้ว... ยังต้องพึ่งพิงผู้อื่นทางจิตใจ..เพื่อช่วยให้เราเป็นสุข แสดงว่า... สุขภาพทางจิตของเรา กำลังย่ำแย่ เจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ เวลาที่ผ่านไป.. จะช่วยเยียวยาบาดแผล ให้สมานจนหายสนิท ... พร้อมภูมิต้านทานทางใจ ที่มากขึ้น
---------------
คนที่มีสุขภาพจิตดี...
จะให้ความรักแก่ตัวเองเป็น และดำเนินชีวิตได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร
แต่ อาจพึ่งพาอาศัยกันได้ เพราะคนเรา ไม่ได้เก่ง หรือทำเป็นหมดทุกอย่าง
แต่ ถ้าคุณถึงขั้น.. "ขาดเขาไม่ได้"
จงอย่าเอาคำว่า ... "รักเขามากเหลือเกิน" … มาลวงหลอกใจตัวเอง
ยิ่งต้องถึง..คิดฆ่าตัวตาย... ยิ่งแสดงว่า ..."แม้แต่ตัวเอง ...ก็ยังไม่รัก"
หลายคนคิดว่า..ถ้าฉันฆ่าตัวตายจะทำให้เขารู้สึกผิดกับการกระทำของเขาที่ทิ้งเราไป...
คิดเอาว่า.."เขาจะต้องเสียใจ..ไปตลอดชีวิต" คิดอย่างนี้...ส่วนใหญ่ มักตายฟรี


ปล. อยากให้ผู้หญิงหลายๆคน ได้อ่านจริงๆค่ะ จากใจเลย.  และอยากให้คนที่กำลังคิดไม่ตก หรือผิดหวังได้อ่านเช่นกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่