การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยสากลทั่วโลก (บางทีอาจจะทั่วจักรวาล) แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย
แต่หากไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่สามารถเรียกได้ว่า ประชาธิปไตย ได้เลย หลักการทางระบอบประชาธิปไตยคือ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
โดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจอธิปไตยไม่สามารถแบ่งแยกได้ ส่วนที่อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการนั้น
เป็นการแบ่งในเฉพาะหน้าที่เท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดระบอบประชาธิปไตยนอกจากหลักการแบ่งแยกอำนาจแล้ว สิ่งทีขาดไปเสียไม่ได้อีกหลักหนึ่ง
คือ หลักของการคานอำนาจ (Check and Balance) ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่กัน ในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภานั้น แม้ตามทฤษฎีแล้ว
อำนาจทั้ง 3 ฝ่าย จะมีอำนาจเท่าๆกัน แต่ในทางปฎิบัติระบบรัฐสภาแล้วนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติจะเป็นฝ่ายที่มีอำนาจมากที่สุด
โดยเหตุผลคือ ฝ่ายนิติบัญญัตินั้นมาจากประชาชน เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง....
.....................ประเทศไทยเว้นวรรคประชาธิปไตยได้หรือไม่ ? คำตอบคือ ไม่ แต่อย่างไรก็ดีเราก็ถูกเว้นวรรคอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
นั้นคือ การรัฐประหาร เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่คนไทยนั้น เห็นว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องที่ทำได้ หากรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม
แต่ลืมไปแล้วหรือว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย เราควรทำตามวิถีกติกาของระบอบประชาธิปไตยโดยผ่านการเลือกตั้ง
แต่มาวันนี้กลับเป็นว่า ไม่เอาเลือกตั้ง จะเอาปฎิรูป ด้วยความเคารพท่านทั้งหลาย จริงอยู่ที่การเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้
จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ฝังลึกมานานในประเทศเราได้ และเห็นด้วยว่าต้องมีการยกเครื่องยกทรงประเทศกันสักที
แต่ในสิ่งที่ กปปส. ทำนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป้นประชาธิปไตยแต่อย่างใด ผิดทั้งวิธีและเนื้อหา ประชาชนที่ถูกมอมเมาด้วยคำว่า
ระบอบทักษิณ ก็ต่างออกมาเฮโลล้มการเลือกตั้งไปด้วย แต่คนที่ยังพอมีสติก็จะนึกขึ้นได้ว่า การกระทำเหล่านั้น
มันเป็นการกระทำเยี่ยงเผด็จการ หากคนใจเป็นธรรมจะรู้สึกได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ส่วนคนที่เอาด้วยกับ กปปส.
ขอน้อมรับการกระทำ แต่อยากขอเตือนว่า อย่าเอาความเกลียดมาบังตา ทำให้เราสูญสิ้นประชาธิปไตย ที่เหล่าวีรบุรุษ
วีรสตรี เรียกร้องสิ่งนั้นมาให้กับพวกเรา แม้จะไม่ได้ประชาธิปไตยทั้งหมดในตอนนี้ แต่มันก็ได้โตยขึ้นมากแล้ว
จะยืนสู้ตรงนี้ 1 เดิอน ก็จะสู้ 1 ปี ก็จะสู้ 10 ปี ก็จะสู้ เข้าใจว่าประชาธิปไตยมันไม่ได้มาง่ายๆ แต่การหยิบมันทิ้งไป
คงไม่ใช่วิถีที่ถูกต้องนัก เราไม่สามารถทำให้คนที่ตาสว่างแล้ว มืดบอดลงไปได้ ...ประโยคท้ายดัดแปลงมาจาก
อ.วรเจตน์ กับ อ.เกษียร
บังตาด้วยมายาคติ
แต่หากไม่มีการเลือกตั้งก็ไม่สามารถเรียกได้ว่า ประชาธิปไตย ได้เลย หลักการทางระบอบประชาธิปไตยคือ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
โดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจอธิปไตยไม่สามารถแบ่งแยกได้ ส่วนที่อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการนั้น
เป็นการแบ่งในเฉพาะหน้าที่เท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดระบอบประชาธิปไตยนอกจากหลักการแบ่งแยกอำนาจแล้ว สิ่งทีขาดไปเสียไม่ได้อีกหลักหนึ่ง
คือ หลักของการคานอำนาจ (Check and Balance) ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่กัน ในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภานั้น แม้ตามทฤษฎีแล้ว
อำนาจทั้ง 3 ฝ่าย จะมีอำนาจเท่าๆกัน แต่ในทางปฎิบัติระบบรัฐสภาแล้วนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติจะเป็นฝ่ายที่มีอำนาจมากที่สุด
โดยเหตุผลคือ ฝ่ายนิติบัญญัตินั้นมาจากประชาชน เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง....
.....................ประเทศไทยเว้นวรรคประชาธิปไตยได้หรือไม่ ? คำตอบคือ ไม่ แต่อย่างไรก็ดีเราก็ถูกเว้นวรรคอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
นั้นคือ การรัฐประหาร เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่คนไทยนั้น เห็นว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องที่ทำได้ หากรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม
แต่ลืมไปแล้วหรือว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย เราควรทำตามวิถีกติกาของระบอบประชาธิปไตยโดยผ่านการเลือกตั้ง
แต่มาวันนี้กลับเป็นว่า ไม่เอาเลือกตั้ง จะเอาปฎิรูป ด้วยความเคารพท่านทั้งหลาย จริงอยู่ที่การเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้
จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ฝังลึกมานานในประเทศเราได้ และเห็นด้วยว่าต้องมีการยกเครื่องยกทรงประเทศกันสักที
แต่ในสิ่งที่ กปปส. ทำนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป้นประชาธิปไตยแต่อย่างใด ผิดทั้งวิธีและเนื้อหา ประชาชนที่ถูกมอมเมาด้วยคำว่า
ระบอบทักษิณ ก็ต่างออกมาเฮโลล้มการเลือกตั้งไปด้วย แต่คนที่ยังพอมีสติก็จะนึกขึ้นได้ว่า การกระทำเหล่านั้น
มันเป็นการกระทำเยี่ยงเผด็จการ หากคนใจเป็นธรรมจะรู้สึกได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ส่วนคนที่เอาด้วยกับ กปปส.
ขอน้อมรับการกระทำ แต่อยากขอเตือนว่า อย่าเอาความเกลียดมาบังตา ทำให้เราสูญสิ้นประชาธิปไตย ที่เหล่าวีรบุรุษ
วีรสตรี เรียกร้องสิ่งนั้นมาให้กับพวกเรา แม้จะไม่ได้ประชาธิปไตยทั้งหมดในตอนนี้ แต่มันก็ได้โตยขึ้นมากแล้ว
จะยืนสู้ตรงนี้ 1 เดิอน ก็จะสู้ 1 ปี ก็จะสู้ 10 ปี ก็จะสู้ เข้าใจว่าประชาธิปไตยมันไม่ได้มาง่ายๆ แต่การหยิบมันทิ้งไป
คงไม่ใช่วิถีที่ถูกต้องนัก เราไม่สามารถทำให้คนที่ตาสว่างแล้ว มืดบอดลงไปได้ ...ประโยคท้ายดัดแปลงมาจาก
อ.วรเจตน์ กับ อ.เกษียร