กรุงเทพฯ 3 ก.ค.- ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันการต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็น 30 ปี ทำเพื่อคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่เป็นการทิ้งทวนตำแหน่ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ระบุการต่อสัญญาครั้งนี้ช่วยลดงบฯ ได้กว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนใครจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไปจะได้สานต่อโครงการได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานกล่าวในงานเสวนา "เปิดความจริงสัญญาเดินรถไฟฟ้า กทม. 30 ปี" ยืนยันว่าการต่อสัญญาการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เป็น 30 ปี ว่า ได้มีการศึกษาข้อมูลมาโดยละเอียด ไม่ใช่เป็นการทิ้งทวนตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหลือ พร้อมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ทุกสิ่งที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ในอนาคตหลังหมดสัญญาสัมปทาน ไม่ว่าผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านการเลือกต้ังท่านใดมาดำรงตำแหน่ง ก็สามารถสานต่อโครงการรวมถึงการควบคุมอัตราค่าบริการได้ สำหรับการทำสัญญาว่าจ้างยังช่วยลดค่าใช้จ่ายของงบประมาณของ กทม.ได้ กว่า 6,000 ล้านบาท และยังทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อนำมาพัฒนาในโครงการต่าง ๆ
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะนำรถไฟฟ้าบีทีเอสไปบริหารเอง ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากโครงสร้างต่าง ๆ ไม่สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่แน่นอนได้ เพราะเป็นการบริหารในระยะยาว แต่หากเป็น กทม.บริหารจัดการเอง ผู้ที่กำหนดราคาค่าโดยสารก็ยังคงเป็นผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป ในช่วงสองปีผ่านมา กทม.มักจะถูกตัดงบประมาณทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคเดียวกันหรือต่างพรรค จึงทำให้ กทม.ต้องหาวิธีการเพิ่มรายได้เพื่อมาบริหารจัดการ โดยเฉพาะการดูแลระบบสาธารณูปโภคให้กับประชาชน
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติเลื่อนการพิจารณาพิจารณา เรื่องที่ กทม.ต่อสัญญาให้กับบีทีเอสออกไปอีก 1 เดือน เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นผลดี ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควรจะหาข้อมูลไปศึกษาให้รอบคอบและถี่ถ้วน เป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งหาก กทม.มีความผิดจริงก็พร้อมจะรับผิดตามกฎหมาย.- สำนักข่าวไทย
http://www.mcot.net/site/content?id=4ff675600b01dabf3c047bd6#.UrkpqdIW2H8
"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ย้ำต่อสัญญาบีทีเอสทำเพื่อคนกรุง ไร้การเมือง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานกล่าวในงานเสวนา "เปิดความจริงสัญญาเดินรถไฟฟ้า กทม. 30 ปี" ยืนยันว่าการต่อสัญญาการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เป็น 30 ปี ว่า ได้มีการศึกษาข้อมูลมาโดยละเอียด ไม่ใช่เป็นการทิ้งทวนตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหลือ พร้อมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ทุกสิ่งที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ในอนาคตหลังหมดสัญญาสัมปทาน ไม่ว่าผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านการเลือกต้ังท่านใดมาดำรงตำแหน่ง ก็สามารถสานต่อโครงการรวมถึงการควบคุมอัตราค่าบริการได้ สำหรับการทำสัญญาว่าจ้างยังช่วยลดค่าใช้จ่ายของงบประมาณของ กทม.ได้ กว่า 6,000 ล้านบาท และยังทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อนำมาพัฒนาในโครงการต่าง ๆ
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะนำรถไฟฟ้าบีทีเอสไปบริหารเอง ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากโครงสร้างต่าง ๆ ไม่สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่แน่นอนได้ เพราะเป็นการบริหารในระยะยาว แต่หากเป็น กทม.บริหารจัดการเอง ผู้ที่กำหนดราคาค่าโดยสารก็ยังคงเป็นผู้ว่าฯ กทม.ต่อไป ในช่วงสองปีผ่านมา กทม.มักจะถูกตัดงบประมาณทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคเดียวกันหรือต่างพรรค จึงทำให้ กทม.ต้องหาวิธีการเพิ่มรายได้เพื่อมาบริหารจัดการ โดยเฉพาะการดูแลระบบสาธารณูปโภคให้กับประชาชน
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติเลื่อนการพิจารณาพิจารณา เรื่องที่ กทม.ต่อสัญญาให้กับบีทีเอสออกไปอีก 1 เดือน เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมจากกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นผลดี ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควรจะหาข้อมูลไปศึกษาให้รอบคอบและถี่ถ้วน เป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งหาก กทม.มีความผิดจริงก็พร้อมจะรับผิดตามกฎหมาย.- สำนักข่าวไทย
http://www.mcot.net/site/content?id=4ff675600b01dabf3c047bd6#.UrkpqdIW2H8