กทม. มีรถติดเพียง 5 จุด
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รมว.ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สรุปแนวคิด ‘ค่าธรรมเนียมรถติด ช่วยปฏิรูปโครงสร้างคมนาคม สู่เป้าหมาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกคนใช้ได้จริง
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบกระทู้ถามของ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.พรรคประชาชน ถึงรายละเอียดค่าธรรมเนียมรถติดและนโยบายขนส่งสาธารณะของรัฐบาล ว่า
แนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คิดทั้งกระบวนการ-ทั้งระบบ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น จัดทำระบบรองรับด้านขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ จนนำไปสู่นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, การปฏิรูปรถเมล์, การปฏิรูประบบขนส่งทางราง เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียวปราศจากมลพิษ PM2.5
[โซนจราจรคับคั่ง รถหนาแน่น 3.9 แสนคันต่อวัน]
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การจราจรในกรุงเทพ โดยเฉพาะโซนเป้าหมายที่มีรถยนต์ในปริมาณที่หนาแน่น มี 5 จุด ได้แก่ เพชรบุรี-ทองหล่อ , สีลม-นราธิวาสฯ, สาทร-นราธิวาสฯ , แยกราชประสงค์ และ ประตูน้ำ โดยมีปริมาณการจราจร 56,000-83,000 คันต่อวันต่อจุด รวมทุกจุดอยู่ที่ 393,000 คันต่อวัน และรถยนต์ส่วนบุคคลเหล่านี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 กม.ต่อชั่วโมง
[รถไฟฟ้า และ ขสมก. ต้องเชื่อมระบบกัน]
หากต้องเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ต้องมีระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอก่อน ซึ่งจะมีระบบขนส่ง 2 ระบบ
1.เครือข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งแผนผังรถไฟฟ้าระบบรางทั้งหมดในกรุงเทพและปริมณฑลจะสร้างและเสร็จสิ้นทั้งหมด ในปี 2572
2.ระบบขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. และ บขส.ซึ่งรัฐ ต้องจัดระบบขนส่งเส้นทางวิ่งใหม่ให้เหมาะสมกับบริบทการเดินทางที่เปลี่ยนไป ส่วน บขส. ต้องจัดระบบเชื่อมต่อ ฟีดเดอร์เส้นเลือดฝอยจะมีอะไรเข้ามารับช่วง
ทั้งหมดนี้ คาดว่า จะเห็นภาพรวมภายหลังการศึกษาแนวคิดจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568 โดยเป้าหมาย จะช่วยแก้รถติดในกรุงเทพ และลดปัญหาฝุ่น PM2.5
[เป้าหมายค่าธรรมเนียมรถติด]
1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ให้มาใช้รถสาธารณะมากขึ้น
2. สนองนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ขณะนี้ มีโครงการทดลองราคา 20 บาทตลอดสาย ที่รถไฟฟ้าสายสีแดง พบว่า จากที่สังคมกังวลว่าจะต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนร้อยล้าน แต่ข้อเท็จจริง เมื่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และศักยภาพรองรับผู้โดยสารยังเหลือ สามารถเฉลี่ยรายได้ จนเหลือค่าชดเชยอยู่ราว 1.27 %เท่านั้น
ดังนั้น เป้าหมายนี้คือลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และรณรงค์ประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น และลดการใช้เครื่องยนต์สันดาปให้กรุงเทพเป็นเมืองสีเขียว
[ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา]
การเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ยังเป็นแนวคิดและอยู่ในชั้นศึกษา ว่าหน่วยงานที่มีอำนาจจัดเก็บคือใคร แต่วันนี้ยังไม่ใช่กระทรวงคมนาคม ยังต้องหารือกันต่อ ล่าสุด ครม.สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ศึกษาหาวิธีซื้อคืนรถไฟฟ้าทั้งหมดให้เป็นของรัฐ
ส่วนการจัดการเดินรถไฟฟ้าตามนโยบาย 20 บาทตลอดสาย โดยอยู่ในขั้นทดลองที่รถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นโมเดลที่ต้องทำอยู่
[ต้องปฎิรูป ขสมก.ใหม่]
ส่วน ขสมก. ยอมรับว่า มีปัญหาจริง โดยเกิดจากแผนการปฏิรูป ขสมก. ที่ดำเนินการมาเมื่อหลายปีก่อน มีผู้บริหารสองฝั่งคือทั้ง ขสมก. และผู้บริหารเดินรถเอกชน จึงมีคณะกรรมการมาปฏิรูป ยกเครื่องใหม่ โดยกระทรวงคมนาคมยินดีรับฟังความเห็นและพร้อมเชิญทุกคนมาร่วมพูดคุยเพื่อออกแบบระบบเดินรถให้เหมาะสม สอดรับกับการเดินทางของพี่น้องประชาชนที่เปลี่ยนไป ยืนยันจากตัวเลขผู้โดยสาร ขสมก. ที่ลดลง จาก 2 ล้านคน เหลือ 1 ล้านคน (เป็นของ ขสมก. 7 แสนคนและของเอกชน 3 แสนคน)
[ต้องซื้อคืนรถไฟฟ้า]
ส่วนคำถามของนายศุภณัฐ ว่ารัฐจะซื้อรถไฟสายสีใด ราคาเท่าไร สัมปทานกี่ปี นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ นายกฯ สั่งการให้ หน่วยงานเกี่ยวข้อง ศึกษารูปแบบ วิธีการ วิธีปฏิบัติ จึงต้องรอผลการศึกษาก่อน พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐต้องการซื้อคืนรถไฟฟ้าแน่ และต้องการทำให้รถไฟฟ้าทุกสายเป็น 20 บาท โดยให้กระทรวงการคลัง-กระทรวงคมนาคม ไปศึกษาแนวทางมานำเสนอต่อไป
Cr.
https://www.posttoday.com/smart-city/715030
สรุป “แนวคิด ‘ค่าธรรมเนียมรถติด’ ส่งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้ได้จริง !
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รมว.ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สรุปแนวคิด ‘ค่าธรรมเนียมรถติด ช่วยปฏิรูปโครงสร้างคมนาคม สู่เป้าหมาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกคนใช้ได้จริง
สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตอบกระทู้ถามของ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.พรรคประชาชน ถึงรายละเอียดค่าธรรมเนียมรถติดและนโยบายขนส่งสาธารณะของรัฐบาล ว่า
แนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คิดทั้งกระบวนการ-ทั้งระบบ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น จัดทำระบบรองรับด้านขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ จนนำไปสู่นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, การปฏิรูปรถเมล์, การปฏิรูประบบขนส่งทางราง เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียวปราศจากมลพิษ PM2.5
[โซนจราจรคับคั่ง รถหนาแน่น 3.9 แสนคันต่อวัน]
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การจราจรในกรุงเทพ โดยเฉพาะโซนเป้าหมายที่มีรถยนต์ในปริมาณที่หนาแน่น มี 5 จุด ได้แก่ เพชรบุรี-ทองหล่อ , สีลม-นราธิวาสฯ, สาทร-นราธิวาสฯ , แยกราชประสงค์ และ ประตูน้ำ โดยมีปริมาณการจราจร 56,000-83,000 คันต่อวันต่อจุด รวมทุกจุดอยู่ที่ 393,000 คันต่อวัน และรถยนต์ส่วนบุคคลเหล่านี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 กม.ต่อชั่วโมง
[รถไฟฟ้า และ ขสมก. ต้องเชื่อมระบบกัน]
หากต้องเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ต้องมีระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอก่อน ซึ่งจะมีระบบขนส่ง 2 ระบบ
1.เครือข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งแผนผังรถไฟฟ้าระบบรางทั้งหมดในกรุงเทพและปริมณฑลจะสร้างและเสร็จสิ้นทั้งหมด ในปี 2572
2.ระบบขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. และ บขส.ซึ่งรัฐ ต้องจัดระบบขนส่งเส้นทางวิ่งใหม่ให้เหมาะสมกับบริบทการเดินทางที่เปลี่ยนไป ส่วน บขส. ต้องจัดระบบเชื่อมต่อ ฟีดเดอร์เส้นเลือดฝอยจะมีอะไรเข้ามารับช่วง
ทั้งหมดนี้ คาดว่า จะเห็นภาพรวมภายหลังการศึกษาแนวคิดจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568 โดยเป้าหมาย จะช่วยแก้รถติดในกรุงเทพ และลดปัญหาฝุ่น PM2.5
[เป้าหมายค่าธรรมเนียมรถติด]
1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ให้มาใช้รถสาธารณะมากขึ้น
2. สนองนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ขณะนี้ มีโครงการทดลองราคา 20 บาทตลอดสาย ที่รถไฟฟ้าสายสีแดง พบว่า จากที่สังคมกังวลว่าจะต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนร้อยล้าน แต่ข้อเท็จจริง เมื่อผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และศักยภาพรองรับผู้โดยสารยังเหลือ สามารถเฉลี่ยรายได้ จนเหลือค่าชดเชยอยู่ราว 1.27 %เท่านั้น
ดังนั้น เป้าหมายนี้คือลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และรณรงค์ประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น และลดการใช้เครื่องยนต์สันดาปให้กรุงเทพเป็นเมืองสีเขียว
[ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา]
การเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ยังเป็นแนวคิดและอยู่ในชั้นศึกษา ว่าหน่วยงานที่มีอำนาจจัดเก็บคือใคร แต่วันนี้ยังไม่ใช่กระทรวงคมนาคม ยังต้องหารือกันต่อ ล่าสุด ครม.สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ศึกษาหาวิธีซื้อคืนรถไฟฟ้าทั้งหมดให้เป็นของรัฐ
ส่วนการจัดการเดินรถไฟฟ้าตามนโยบาย 20 บาทตลอดสาย โดยอยู่ในขั้นทดลองที่รถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นโมเดลที่ต้องทำอยู่
[ต้องปฎิรูป ขสมก.ใหม่]
ส่วน ขสมก. ยอมรับว่า มีปัญหาจริง โดยเกิดจากแผนการปฏิรูป ขสมก. ที่ดำเนินการมาเมื่อหลายปีก่อน มีผู้บริหารสองฝั่งคือทั้ง ขสมก. และผู้บริหารเดินรถเอกชน จึงมีคณะกรรมการมาปฏิรูป ยกเครื่องใหม่ โดยกระทรวงคมนาคมยินดีรับฟังความเห็นและพร้อมเชิญทุกคนมาร่วมพูดคุยเพื่อออกแบบระบบเดินรถให้เหมาะสม สอดรับกับการเดินทางของพี่น้องประชาชนที่เปลี่ยนไป ยืนยันจากตัวเลขผู้โดยสาร ขสมก. ที่ลดลง จาก 2 ล้านคน เหลือ 1 ล้านคน (เป็นของ ขสมก. 7 แสนคนและของเอกชน 3 แสนคน)
[ต้องซื้อคืนรถไฟฟ้า]
ส่วนคำถามของนายศุภณัฐ ว่ารัฐจะซื้อรถไฟสายสีใด ราคาเท่าไร สัมปทานกี่ปี นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ นายกฯ สั่งการให้ หน่วยงานเกี่ยวข้อง ศึกษารูปแบบ วิธีการ วิธีปฏิบัติ จึงต้องรอผลการศึกษาก่อน พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐต้องการซื้อคืนรถไฟฟ้าแน่ และต้องการทำให้รถไฟฟ้าทุกสายเป็น 20 บาท โดยให้กระทรวงการคลัง-กระทรวงคมนาคม ไปศึกษาแนวทางมานำเสนอต่อไป
Cr. https://www.posttoday.com/smart-city/715030