“ขอบใจมากนะธันว์ ที่มาช่วยเฝ้าไข้เรา นี่ก็ดีขึ้นมากแล้ว ธันว์กลับบ้านเถอะเดี๋ยวจะเสียเวลาทำงาน”
คนป่วยที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงนอนของโรงพยาบาลบอกกับเพื่อนชาย ที่ลุกขึ้นมาล้างหน้าและทำความสะอาดตัวเองเงียบๆ ... หลังจากที่ทั้งคืนเขาเสียสละนอนเป็นเพื่อนหล่อนจนกระทั่งฟ้าสาง
วนิตาโคลงศีรษะ มองท่าทางอิดโรยของคนตัวสูงแล้วออกปาก
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นคนดีเสียที ... ต้องเหนื่อยแทนคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูสิบอกว่านิตาอยู่คนเดียวได้ก็ไม่เชื่อ”
“นิตานอนห้องพิเศษก็ต้องมีคนเฝ้า ผมเฝ้าเองอาจจะดีกว่าพยาบาล อย่างน้อยนิตาก็เกรงใจน้อยกว่า ไม่เป็นไรหรอก นี่นิตาก็หายแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวจะขอหมอกลับบ้าน ขอบใจนะธันว์ ถ้าไม่ได้ธันว์เราคงจะแย่...”
ธันว์ยิ้มจางๆ ในใบหน้า...ยืนพิงกระจกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงตะวันของวันใหม่ทอแข่งกับรถราบนถนนที่เริ่มติดจอแจ
“เมื่อคืนทานข้าวอยู่เหรอตอนที่นิตาโทรไป?”
“ทานเสร็จพอดี กำลังจะไปส่งแป้งที่บ้าน”
“อ้อ...นิตาโทรไปขัดจังหวะพอดีสินะ” เพื่อนสาวเย้า... เมื่อเห็นเจ้าตัวเบือนหน้าหนีหันไปมองทัศนียภาพเบื้องนอกเสียก่อน มือหนาสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนเจ้าตัวไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหนดี
“น้องแป้งไม่โกรธเอาหรือ ธันว์ทิ้งมาหาเราแบบนี้”
“แป้งไม่โกรธหรอกเขาไม่คิดอะไรกับผมอยู่แล้ว”
“แน่ใจหรือ?” คนเป็นเพื่อนหยั่งเสียง ดวงตาที่ทอดมองมาเหมือนกับรู้เท่าทันเพราะความสนิทสนมที่เป็นเพื่อนกันมาแสนนาน “แล้วใครเป็นคนคิด”
“ไม่มี”
“จะบอกว่ามีแต่ธันว์นะหรือที่เป็นอยู่แบบนี้...ถามจริงเถอะ ธันว์ นายจะทนเก็บอะไรๆ ไว้ในใจแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหนเชียว”
เขาไม่ตอบ...นิ่งเงียบในอากัปกิริยาที่วนิตาคุ้นตา คนเป็นเพื่อนจึงโคลงศีรษะ หากไม่ทันจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของธันว์ก็ดังขึ้น และเขาก็กดรับทันทีเมื่อเห็นเป็นหมายเลขของมารดาตัวเอง
“ธันว์ อยู่ไหนลูก กลับมาบ้านด่วนเลย”
หนังสือพิมพ์ฉบับใหม่พาดหัวข่าวอีกครั้งในตอนเช้า ในห้องทานข้าวเล็กๆ เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา ประมุขของบ้านเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ลงไปบนโต๊ะ มือหนาชี้หน้าลูกสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความโกรธ
“เรื่องเก่ายังไม่ทันหาย ทำไมถึงทำเรื่องใหม่อีกแล้ว”
“คุณพ่อ” อภิชญาพูดเสียงเรียบ หากยังไม่ทันจะอ้าปากได้ชี้แจง คุณอำนาจก็ตบโต๊ะเสียงดังจนจานกระเบื้องเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สั่นสะเทือน
“เมื่อวานมีข่าวเข้าม่านรูดกับผู้ชาย วันนี้มีข่าวโดนจับในคลินิกทำแท้งเถื่อน นี่มันหมายความว่ายังไง พรุ่งนี้พ่อคงได้ข่าวเรื่องแกโดนจับข้อหาเสพยา”
“คุณพ่อ” น้ำเสียงที่เรียกสะเทือนไปด้วยความเสียใจและความน้อยใจ ถึงแม้ภายนอกท่าทางหล่อนจะดูไม่แยแส ... แต่ภายในใจอภิชญารู้สึกไม่ใช่น้อยเลย
“แป้งจะบอกพ่อเป็นครั้งสุดท้ายว่าแป้งไม่ได้ทำ และเมื่อแป้งไม่ได้ทำ คุณพ่อก็อย่าได้เดือดร้อนกังวลใจ ใครจะพูดไปอย่างไร จิตใจเราบริสุทธิ์จะไปแคร์ทำไมคะ? แป้งไม่เคยทำบาปกับใคร”
“แกไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ในหน้าที่อย่างพ่อแกไม่เข้าใจหรอกแป้ง สส. ฝ่ายตรงข้ามเขาจะได้เอามาพูด เอามาวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตกันอีกเท่าไหร่ งานอย่างพ่อมันต้องอาศัยภาพลักษณ์ สมัยหน้าจะได้มีคนเลือกเข้ามาทำงานอีก”
“จริงๆ พ่อก็มีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่แล้วนี่คะว่าเป็นนักการเมืองที่ดี พ่อน่าจะภูมิใจว่าพ่อไม่เคยคดโกงประเทศชาติเหมือนอย่างคนอื่น”
“ถุงแป้ง!!”
ก่อนที่สถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านจะมากไปกว่านั้น ... ร่างสูงโปร่งของธันว์ก็เดินเข้ามาถึง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อเลี้ยงและน้องสาว...อภิชญาเบือนหน้า เม้มริมฝีปากจนแน่นสนิท ไม่สบตาพี่ชายที่กำลังเอาหนังสือพิมพ์เจ้าปัญหาขึ้นมาเปิดอ่าน
“เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
ครั้นพอเจ้าตัวอ่านจบ ก็นิ่วหน้า ตวัดตาคมกริบมองคนเป็นน้องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเชิงเป็นคำถาม ขณะที่ดวงฤดีตำหนิบุตรชาย
“แม่นึกว่าธันว์พาน้องไปดูหนังเป็นเพื่อนกันเสียอีก ทำไมเกิดเรื่องเสียได้”
“ครับ...ผมไปส่งน้องที่....”
“พี่ธันว์ไปส่งแป้งที่คอนโดแล้วค่ะ” อภิชญาชิงตอบ... “แป้งไปของแป้งเองหลังจากที่พี่ธันว์กลับไปแล้ว เพื่อนแป้งโทรศัพท์มาตามให้แป้งออกไปช่วย แป้งก็ไป”
“แกนี่มันรักเพื่อนแบบผิดๆ คนนี้เหมือนกันใช่มั้ยที่แกต้องไปตามตัวออกมาจากโรงแรมม่านรูดจนกระทั่งเป็นข่าวเมื่อวาน เลิกคบกันเสียสักทีได้ไหม?”
คนเป็นบุตรสาวก้มหน้า...กัดริมฝีปากเบาๆ ...
“ตอนที่พ่อส่งแป้งไปเรียนเมืองนอก แป้งมีปัญหาไม่มีใครก็ได้เขาคอยช่วย เขาไม่เคยคิดเลยว่าแป้งเป็นใคร ไม่เคยลำเลิกบุญคุณเลย แป้งไปก็เพราะอยากไปของแป้งเอง”
“โธ่ หนูแป้ง” แม่เลี้ยงของหล่อนเดินเข้ามาโอบไหล่ปลอบด้วยความสงสาร ทอดตามองสามีที่ยังไม่หายตีหน้ายุ่ง กระแทกกระทั้นลมหายใจแล้วหันไปหาธันว์
“ลุงจะทำยังไงดี?”
“ข่าวมันออกมาแล้วก็คงจะปล่อยให้เป็นไปน่ะครับ” เขายังให้ความเห็นอย่างคนมีสติ ทว่าใบหน้าคมสันแลดูนิ่งจนเดาใจอะไรไม่ถูก พับหนังสือพิมพ์แล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเก่า
คุณอำนาจหันมาหาบุตรสาวที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของดวงฤดี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิดว่า
“อยู่เฉยๆ ลอยชายไปวันๆ แล้วก็มีแต่ปัญหา ไม่งั้นพ่อจะรีบให้แต่งงานแต่งการไปเสียเลยจะได้หมดสิ้นเรื่องราว...ดีมั้ยธันว์? คู่หมั้นก็มีอยู่แล้วจะได้รีบดำเนินการ”
(มีต่อ)
กลพรางใจ 2
คนป่วยที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงนอนของโรงพยาบาลบอกกับเพื่อนชาย ที่ลุกขึ้นมาล้างหน้าและทำความสะอาดตัวเองเงียบๆ ... หลังจากที่ทั้งคืนเขาเสียสละนอนเป็นเพื่อนหล่อนจนกระทั่งฟ้าสาง
วนิตาโคลงศีรษะ มองท่าทางอิดโรยของคนตัวสูงแล้วออกปาก
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นคนดีเสียที ... ต้องเหนื่อยแทนคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูสิบอกว่านิตาอยู่คนเดียวได้ก็ไม่เชื่อ”
“นิตานอนห้องพิเศษก็ต้องมีคนเฝ้า ผมเฝ้าเองอาจจะดีกว่าพยาบาล อย่างน้อยนิตาก็เกรงใจน้อยกว่า ไม่เป็นไรหรอก นี่นิตาก็หายแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวจะขอหมอกลับบ้าน ขอบใจนะธันว์ ถ้าไม่ได้ธันว์เราคงจะแย่...”
ธันว์ยิ้มจางๆ ในใบหน้า...ยืนพิงกระจกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงตะวันของวันใหม่ทอแข่งกับรถราบนถนนที่เริ่มติดจอแจ
“เมื่อคืนทานข้าวอยู่เหรอตอนที่นิตาโทรไป?”
“ทานเสร็จพอดี กำลังจะไปส่งแป้งที่บ้าน”
“อ้อ...นิตาโทรไปขัดจังหวะพอดีสินะ” เพื่อนสาวเย้า... เมื่อเห็นเจ้าตัวเบือนหน้าหนีหันไปมองทัศนียภาพเบื้องนอกเสียก่อน มือหนาสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนเจ้าตัวไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหนดี
“น้องแป้งไม่โกรธเอาหรือ ธันว์ทิ้งมาหาเราแบบนี้”
“แป้งไม่โกรธหรอกเขาไม่คิดอะไรกับผมอยู่แล้ว”
“แน่ใจหรือ?” คนเป็นเพื่อนหยั่งเสียง ดวงตาที่ทอดมองมาเหมือนกับรู้เท่าทันเพราะความสนิทสนมที่เป็นเพื่อนกันมาแสนนาน “แล้วใครเป็นคนคิด”
“ไม่มี”
“จะบอกว่ามีแต่ธันว์นะหรือที่เป็นอยู่แบบนี้...ถามจริงเถอะ ธันว์ นายจะทนเก็บอะไรๆ ไว้ในใจแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหนเชียว”
เขาไม่ตอบ...นิ่งเงียบในอากัปกิริยาที่วนิตาคุ้นตา คนเป็นเพื่อนจึงโคลงศีรษะ หากไม่ทันจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของธันว์ก็ดังขึ้น และเขาก็กดรับทันทีเมื่อเห็นเป็นหมายเลขของมารดาตัวเอง
“ธันว์ อยู่ไหนลูก กลับมาบ้านด่วนเลย”
หนังสือพิมพ์ฉบับใหม่พาดหัวข่าวอีกครั้งในตอนเช้า ในห้องทานข้าวเล็กๆ เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา ประมุขของบ้านเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ลงไปบนโต๊ะ มือหนาชี้หน้าลูกสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความโกรธ
“เรื่องเก่ายังไม่ทันหาย ทำไมถึงทำเรื่องใหม่อีกแล้ว”
“คุณพ่อ” อภิชญาพูดเสียงเรียบ หากยังไม่ทันจะอ้าปากได้ชี้แจง คุณอำนาจก็ตบโต๊ะเสียงดังจนจานกระเบื้องเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สั่นสะเทือน
“เมื่อวานมีข่าวเข้าม่านรูดกับผู้ชาย วันนี้มีข่าวโดนจับในคลินิกทำแท้งเถื่อน นี่มันหมายความว่ายังไง พรุ่งนี้พ่อคงได้ข่าวเรื่องแกโดนจับข้อหาเสพยา”
“คุณพ่อ” น้ำเสียงที่เรียกสะเทือนไปด้วยความเสียใจและความน้อยใจ ถึงแม้ภายนอกท่าทางหล่อนจะดูไม่แยแส ... แต่ภายในใจอภิชญารู้สึกไม่ใช่น้อยเลย
“แป้งจะบอกพ่อเป็นครั้งสุดท้ายว่าแป้งไม่ได้ทำ และเมื่อแป้งไม่ได้ทำ คุณพ่อก็อย่าได้เดือดร้อนกังวลใจ ใครจะพูดไปอย่างไร จิตใจเราบริสุทธิ์จะไปแคร์ทำไมคะ? แป้งไม่เคยทำบาปกับใคร”
“แกไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ในหน้าที่อย่างพ่อแกไม่เข้าใจหรอกแป้ง สส. ฝ่ายตรงข้ามเขาจะได้เอามาพูด เอามาวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตกันอีกเท่าไหร่ งานอย่างพ่อมันต้องอาศัยภาพลักษณ์ สมัยหน้าจะได้มีคนเลือกเข้ามาทำงานอีก”
“จริงๆ พ่อก็มีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่แล้วนี่คะว่าเป็นนักการเมืองที่ดี พ่อน่าจะภูมิใจว่าพ่อไม่เคยคดโกงประเทศชาติเหมือนอย่างคนอื่น”
“ถุงแป้ง!!”
ก่อนที่สถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านจะมากไปกว่านั้น ... ร่างสูงโปร่งของธันว์ก็เดินเข้ามาถึง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อเลี้ยงและน้องสาว...อภิชญาเบือนหน้า เม้มริมฝีปากจนแน่นสนิท ไม่สบตาพี่ชายที่กำลังเอาหนังสือพิมพ์เจ้าปัญหาขึ้นมาเปิดอ่าน
“เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
ครั้นพอเจ้าตัวอ่านจบ ก็นิ่วหน้า ตวัดตาคมกริบมองคนเป็นน้องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเชิงเป็นคำถาม ขณะที่ดวงฤดีตำหนิบุตรชาย
“แม่นึกว่าธันว์พาน้องไปดูหนังเป็นเพื่อนกันเสียอีก ทำไมเกิดเรื่องเสียได้”
“ครับ...ผมไปส่งน้องที่....”
“พี่ธันว์ไปส่งแป้งที่คอนโดแล้วค่ะ” อภิชญาชิงตอบ... “แป้งไปของแป้งเองหลังจากที่พี่ธันว์กลับไปแล้ว เพื่อนแป้งโทรศัพท์มาตามให้แป้งออกไปช่วย แป้งก็ไป”
“แกนี่มันรักเพื่อนแบบผิดๆ คนนี้เหมือนกันใช่มั้ยที่แกต้องไปตามตัวออกมาจากโรงแรมม่านรูดจนกระทั่งเป็นข่าวเมื่อวาน เลิกคบกันเสียสักทีได้ไหม?”
คนเป็นบุตรสาวก้มหน้า...กัดริมฝีปากเบาๆ ...
“ตอนที่พ่อส่งแป้งไปเรียนเมืองนอก แป้งมีปัญหาไม่มีใครก็ได้เขาคอยช่วย เขาไม่เคยคิดเลยว่าแป้งเป็นใคร ไม่เคยลำเลิกบุญคุณเลย แป้งไปก็เพราะอยากไปของแป้งเอง”
“โธ่ หนูแป้ง” แม่เลี้ยงของหล่อนเดินเข้ามาโอบไหล่ปลอบด้วยความสงสาร ทอดตามองสามีที่ยังไม่หายตีหน้ายุ่ง กระแทกกระทั้นลมหายใจแล้วหันไปหาธันว์
“ลุงจะทำยังไงดี?”
“ข่าวมันออกมาแล้วก็คงจะปล่อยให้เป็นไปน่ะครับ” เขายังให้ความเห็นอย่างคนมีสติ ทว่าใบหน้าคมสันแลดูนิ่งจนเดาใจอะไรไม่ถูก พับหนังสือพิมพ์แล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเก่า
คุณอำนาจหันมาหาบุตรสาวที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของดวงฤดี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิดว่า
“อยู่เฉยๆ ลอยชายไปวันๆ แล้วก็มีแต่ปัญหา ไม่งั้นพ่อจะรีบให้แต่งงานแต่งการไปเสียเลยจะได้หมดสิ้นเรื่องราว...ดีมั้ยธันว์? คู่หมั้นก็มีอยู่แล้วจะได้รีบดำเนินการ”
(มีต่อ)