ปล.
หายไปนาน ไม่ได้เขียนมาสี่ปีเกือบจะห้าปีแล้ว... กลับมาเขียนอีกทีเหมือนสนิมเกาะเลย
พยายามจะเขียนเรื่องสั้นๆ ปมไม่ซับซ้อน
จะได้จบ T_T
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
“ผมบอกแล้วว่าคุณลุงไม่ควรอนุญาตให้น้องออกไปเที่ยวกลางคืนอีก”
เสียงเข้ม...ขรึม...ด้วยกังวานน่าเกรงขามดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในห้องกินข้าวอันโอ่โถง หนังสือพิมพ์ฉบับเจ้าปัญหายังวางตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นจุดสนใจของทุกคนแทนที่อาหารเช้าที่ควรจะหมดไปอย่างรวดเร็วแล้วเสียด้วยซ้ำไป
“แป้งขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย ผู้ชายในภาพ เป็นแฟนของเพื่อนแป้ง แป้งแค่เข้าไปตามเพื่อนออกมา แต่คนถ่ายไม่ได้ถ่ายตอนแป้งเดินออกมากับเพื่อนนี้คะ”
“แต่นี่มันเป็นโรงแรมม่านรูด ไม่ใช่แชงกรีล่าหรือว่าปาร์คนายเลิศ”
“มันต่างกันตรงไหนล่ะคะ หรือว่าพี่ธันว์ไม่เคยไปเที่ยวโพไซดอน” อภิชญาเก็บหนังสือพิมพ์แล้วโยนไปด้านหลังด้วยความหงุดหงิด... ขณะที่คนเป็นประมุขบ้านที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะต้องปราม
“แป้ง...อย่าเถียงพี่เขา เห็นๆ กันอยู่ว่ารูปมันลงให้มองไปในทางอย่างนั้น... หนูเป็นลูกสาวรัฐมนตรี มันงามหน้าไหมมีข่าวเข้าม่านรูดกับผู้ชาย ธันว์ปรามก็ถูกแล้วหนูควรจะระวังตัวและคิดถึงชื่อเสียงของพ่อให้มากกว่านี้”
“ผมเคลียร์กับนักข่าวให้แล้วล่ะครับ” ธันว์บอกเรียบๆ ... “พรุ่งนี้เขาจะลงข่าวแก้ให้”
สตรีสาวอีกคนที่นั่งอยู่ติดกับประมุขของบ้านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าที่เคร่งเครียดค่อยผ่อนคลาย
“ดีมากลูก ช่วยลุงเขาหน่อยนะ น้องแป้งยังเด็ก อย่าไปถือสาน้องเขาเลย”
“ไม่เด็กหรอกครับ เรียนก็จบมหาวิทยาลัยแล้ว” คนพูดปรายตามองมายังคนที่พาดพิงถึงด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองนึกใจน้อย
“แป้งทำอะไรก็ผิดในสายตาพี่ธันว์ตลอด....”
คนถูกพ้อนั่งเงียบ ตักอาหารเช้าใส่จานราวกับตัวเองเป็นหินผา และคำพูดสักครู่เป็นเพียงลมที่พัดผ่าน ดวงตาที่มองอาหารของตัวเองดูนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก
“ไม่เอาน่า....หนูแป้ง... ธันว์ อย่าว่าน้องสิคะ น้องไม่ได้ทำอะไรเหลวไหล แค่นักข่าวเข้าใจผิดก็เท่านั้นเอง” ดวงฤดีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแกมกังวล ดวงตาคู่งามยามปรายตามองลูกชายของตัวเองและลูกติดของสามีเต็มไปด้วยความหนักใจ ด้านคุณอำนาจ ประมุขของบ้านได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกสาวที่แสนดื้อดึงของตัวเองแล้วโคลงศีรษะ
“อย่าให้พ่อถึงกับต้องกักบริเวณหนูไว้ในบ้านเลยนะ ถุงแป้ง หนูโตแล้วไม่ใช่เด็กอายุไม่กี่ขวบ”
“แค่คุณพ่อให้พี่ธันว์ตามคุมพฤติกรรมหนูตลอดเวลาก็เหมือนกับกักบริเวณแป้งแล้วล่ะค่ะ” อภิชญาถอนหายใจ เบี่ยงตัวให้แม่บ้านเสิร์ฟอาหารจานเช้า ดวงตาคู่งามสีนิลขลับเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมสันของคนที่กำลังแสร้งก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าเงียบๆ ด้วยความโกรธแกมเคือง
“ธันว์ทำอะไรให้น้องแป้งไม่สบายใจหรือเปล่าคะ? น้าจะได้จัดการให้” น้ำเสียงดวงฤดียามพูดกับลูกเลี้ยงเต็มไปด้วยความอาทร แล้วหันไปเอ็ดลูกชายของตัวเอง “ธันว์ ลูกก็อย่าไปจำกัดจำขีดน้องมากเกินไป ถ้าลูกทำให้น้องอึดอัดใจอีกแม่จะหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน”
การนั่งเงียบทำให้คนที่มองอยู่นึกหมั่นไส้... ใจหนึ่งอยากสงสารที่ดวงฤดีไม่เคยเข้าข้างธันว์เลย แต่เพราะสีหน้าหยิ่งยโสของคนเป็นพี่ชายนอกไส้ที่ทำให้หล่อนไม่สงสาร ยิ่งยามที่หล่อนชายตามอง อีกฝ่ายก็ก้มหน้าทำเป็นหินผา ไม่รู้สึกรู้ร้อน
ต่อหน้าพ่อกับแม่ทำตัวเป็นคนเงียบๆ ... ใครจะรู้ล่ะว่าลับหลังพี่ชายตัวดีจะเป็นคนที่เข้มงวดแล้วก็กีดกันหล่อนไปทุกฝีก้าว ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะตามใจหล่อนเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาปรนนิบัติพัดวีเอาใจผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมอย่างอภิชญาคนนี้
“เอาล่ะ...แป้งก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย ที่ธันว์เขาเข้มงวดกับหนูก็เพราะว่าไม่อยากให้หนูต้องเป็นข่าวขึ้นหน้าหนังสือบ่อยๆ หนูก็เป็นน้องของเขาก็ต้องเชื่อฟัง แล้วต่อไปจะออกไปไหนก็ต้องบอกธันว์ทุกครั้งเข้าใจไหม? ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับคุณลุง ... ผมว่าเราควรจะปล่อยให้น้องได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง เพราะน้องเขาโตแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้”
“จะได้แค่ไหนกันเชียว นี่ก็ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”
เสียงบ่นพึมของคนเป็นพ่อทำให้คนฟังได้แต่เก็บความน้อยใจเอาไว้ในอก ชั่วแว่บหนึ่งที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นตวัดมองมา หล่อนก็สะบัดหน้าไปทางอื่นเสียโดยพลัน
ธันว์ก็รู้ว่าทุกครั้งหล่อนไม่เคยทำอะไรเสียหาย ข่าวทุกครั้งในหนังสือพิมพ์มันไม่เคยเป็นความจริง หรือแม้กระทั่งหล่อนอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่อภิชญาก็ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย เพียงแต่บางครั้งหล่อนก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะพูดถึงอย่างไร มีแต่คนรอบตัวเท่านั้นที่จะเก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาเดือดร้อน
คนที่รู้ความจริงทุกอย่างอย่างธันว์ ก็ไม่เคยเลยที่จะคิดปกป้องหล่อน ดวงฤดีแม่ของเขาต่างหากที่คอยออกโรงปกป้องอภิชญาตลอดเวลา... รักหล่อนมากกว่าลูกชายแท้ๆ ของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้หล่อนมีข้อได้เปรียบ ยามเมื่อนึกจะเอาคืนอีกฝ่ายขึ้นมา
“แม่ดวงขา....คืนนี้แป้งจะไปดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้า แม่ดวงจะไปดูด้วยกันไหมคะ?”
“โอ๊ย...หนูแป้ง แม่ดวงแก่แล้ว จะไปดูหนังรู้เรื่องได้ยังไงคะ” ดวงฤดีบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ในขณะที่คนเจ้าเล่ห์กว่าอมยิ้มในหน้าขณะทำตาเศร้าสร้อย
“เพื่อนแป้งไปเที่ยวเมืองนอกกันหมดเลย แป้งต้องไปดูคนเดียว”
“เอาอย่างนี้สิคะ เดี๋ยวแม่ดวงให้พี่ธันว์ไปดูเป็นเพื่อนหนูแป้ง”
“ผมมีนัดคุยกับสถาปนิกของบริษัท”
“ตาไก่เหรอ สถาปนิกก็เป็นเพื่อนของลูกนี่ธันว์ ปกติแม่เห็นก็ลากกันไปกินข้าวด้วยกันทุกวันหยุดอยู่แล้ว บอกตาไก่ค่อยคุยวันหลังก็ได้ วันนี้ลูกพาหนูแป้งไปดูหนังก่อน น้องไม่มีใคร”
“แต่ว่า....”
อภิชญายิ้มมุมปาก...ชัยชนะที่เหนือกว่าทำให้หล่อนได้กินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ฟังพ่อของตัวเองคุยเรื่องธุรกิจกับธันว์ต่อด้วยอารมณ์ปลอดโปร่ง
กลพรางใจ ... 1
หายไปนาน ไม่ได้เขียนมาสี่ปีเกือบจะห้าปีแล้ว... กลับมาเขียนอีกทีเหมือนสนิมเกาะเลย
พยายามจะเขียนเรื่องสั้นๆ ปมไม่ซับซ้อน
จะได้จบ T_T
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
“ผมบอกแล้วว่าคุณลุงไม่ควรอนุญาตให้น้องออกไปเที่ยวกลางคืนอีก”
เสียงเข้ม...ขรึม...ด้วยกังวานน่าเกรงขามดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในห้องกินข้าวอันโอ่โถง หนังสือพิมพ์ฉบับเจ้าปัญหายังวางตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นจุดสนใจของทุกคนแทนที่อาหารเช้าที่ควรจะหมดไปอย่างรวดเร็วแล้วเสียด้วยซ้ำไป
“แป้งขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย ผู้ชายในภาพ เป็นแฟนของเพื่อนแป้ง แป้งแค่เข้าไปตามเพื่อนออกมา แต่คนถ่ายไม่ได้ถ่ายตอนแป้งเดินออกมากับเพื่อนนี้คะ”
“แต่นี่มันเป็นโรงแรมม่านรูด ไม่ใช่แชงกรีล่าหรือว่าปาร์คนายเลิศ”
“มันต่างกันตรงไหนล่ะคะ หรือว่าพี่ธันว์ไม่เคยไปเที่ยวโพไซดอน” อภิชญาเก็บหนังสือพิมพ์แล้วโยนไปด้านหลังด้วยความหงุดหงิด... ขณะที่คนเป็นประมุขบ้านที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะต้องปราม
“แป้ง...อย่าเถียงพี่เขา เห็นๆ กันอยู่ว่ารูปมันลงให้มองไปในทางอย่างนั้น... หนูเป็นลูกสาวรัฐมนตรี มันงามหน้าไหมมีข่าวเข้าม่านรูดกับผู้ชาย ธันว์ปรามก็ถูกแล้วหนูควรจะระวังตัวและคิดถึงชื่อเสียงของพ่อให้มากกว่านี้”
“ผมเคลียร์กับนักข่าวให้แล้วล่ะครับ” ธันว์บอกเรียบๆ ... “พรุ่งนี้เขาจะลงข่าวแก้ให้”
สตรีสาวอีกคนที่นั่งอยู่ติดกับประมุขของบ้านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าที่เคร่งเครียดค่อยผ่อนคลาย
“ดีมากลูก ช่วยลุงเขาหน่อยนะ น้องแป้งยังเด็ก อย่าไปถือสาน้องเขาเลย”
“ไม่เด็กหรอกครับ เรียนก็จบมหาวิทยาลัยแล้ว” คนพูดปรายตามองมายังคนที่พาดพิงถึงด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองนึกใจน้อย
“แป้งทำอะไรก็ผิดในสายตาพี่ธันว์ตลอด....”
คนถูกพ้อนั่งเงียบ ตักอาหารเช้าใส่จานราวกับตัวเองเป็นหินผา และคำพูดสักครู่เป็นเพียงลมที่พัดผ่าน ดวงตาที่มองอาหารของตัวเองดูนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก
“ไม่เอาน่า....หนูแป้ง... ธันว์ อย่าว่าน้องสิคะ น้องไม่ได้ทำอะไรเหลวไหล แค่นักข่าวเข้าใจผิดก็เท่านั้นเอง” ดวงฤดีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแกมกังวล ดวงตาคู่งามยามปรายตามองลูกชายของตัวเองและลูกติดของสามีเต็มไปด้วยความหนักใจ ด้านคุณอำนาจ ประมุขของบ้านได้แต่ถอนหายใจ มองดูลูกสาวที่แสนดื้อดึงของตัวเองแล้วโคลงศีรษะ
“อย่าให้พ่อถึงกับต้องกักบริเวณหนูไว้ในบ้านเลยนะ ถุงแป้ง หนูโตแล้วไม่ใช่เด็กอายุไม่กี่ขวบ”
“แค่คุณพ่อให้พี่ธันว์ตามคุมพฤติกรรมหนูตลอดเวลาก็เหมือนกับกักบริเวณแป้งแล้วล่ะค่ะ” อภิชญาถอนหายใจ เบี่ยงตัวให้แม่บ้านเสิร์ฟอาหารจานเช้า ดวงตาคู่งามสีนิลขลับเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมสันของคนที่กำลังแสร้งก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าเงียบๆ ด้วยความโกรธแกมเคือง
“ธันว์ทำอะไรให้น้องแป้งไม่สบายใจหรือเปล่าคะ? น้าจะได้จัดการให้” น้ำเสียงดวงฤดียามพูดกับลูกเลี้ยงเต็มไปด้วยความอาทร แล้วหันไปเอ็ดลูกชายของตัวเอง “ธันว์ ลูกก็อย่าไปจำกัดจำขีดน้องมากเกินไป ถ้าลูกทำให้น้องอึดอัดใจอีกแม่จะหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน”
การนั่งเงียบทำให้คนที่มองอยู่นึกหมั่นไส้... ใจหนึ่งอยากสงสารที่ดวงฤดีไม่เคยเข้าข้างธันว์เลย แต่เพราะสีหน้าหยิ่งยโสของคนเป็นพี่ชายนอกไส้ที่ทำให้หล่อนไม่สงสาร ยิ่งยามที่หล่อนชายตามอง อีกฝ่ายก็ก้มหน้าทำเป็นหินผา ไม่รู้สึกรู้ร้อน
ต่อหน้าพ่อกับแม่ทำตัวเป็นคนเงียบๆ ... ใครจะรู้ล่ะว่าลับหลังพี่ชายตัวดีจะเป็นคนที่เข้มงวดแล้วก็กีดกันหล่อนไปทุกฝีก้าว ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะตามใจหล่อนเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาปรนนิบัติพัดวีเอาใจผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมอย่างอภิชญาคนนี้
“เอาล่ะ...แป้งก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย ที่ธันว์เขาเข้มงวดกับหนูก็เพราะว่าไม่อยากให้หนูต้องเป็นข่าวขึ้นหน้าหนังสือบ่อยๆ หนูก็เป็นน้องของเขาก็ต้องเชื่อฟัง แล้วต่อไปจะออกไปไหนก็ต้องบอกธันว์ทุกครั้งเข้าใจไหม? ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับคุณลุง ... ผมว่าเราควรจะปล่อยให้น้องได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง เพราะน้องเขาโตแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้”
“จะได้แค่ไหนกันเชียว นี่ก็ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”
เสียงบ่นพึมของคนเป็นพ่อทำให้คนฟังได้แต่เก็บความน้อยใจเอาไว้ในอก ชั่วแว่บหนึ่งที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นตวัดมองมา หล่อนก็สะบัดหน้าไปทางอื่นเสียโดยพลัน
ธันว์ก็รู้ว่าทุกครั้งหล่อนไม่เคยทำอะไรเสียหาย ข่าวทุกครั้งในหนังสือพิมพ์มันไม่เคยเป็นความจริง หรือแม้กระทั่งหล่อนอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่อภิชญาก็ไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย เพียงแต่บางครั้งหล่อนก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะพูดถึงอย่างไร มีแต่คนรอบตัวเท่านั้นที่จะเก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาเดือดร้อน
คนที่รู้ความจริงทุกอย่างอย่างธันว์ ก็ไม่เคยเลยที่จะคิดปกป้องหล่อน ดวงฤดีแม่ของเขาต่างหากที่คอยออกโรงปกป้องอภิชญาตลอดเวลา... รักหล่อนมากกว่าลูกชายแท้ๆ ของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป
นั่นทำให้หล่อนมีข้อได้เปรียบ ยามเมื่อนึกจะเอาคืนอีกฝ่ายขึ้นมา
“แม่ดวงขา....คืนนี้แป้งจะไปดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้า แม่ดวงจะไปดูด้วยกันไหมคะ?”
“โอ๊ย...หนูแป้ง แม่ดวงแก่แล้ว จะไปดูหนังรู้เรื่องได้ยังไงคะ” ดวงฤดีบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ในขณะที่คนเจ้าเล่ห์กว่าอมยิ้มในหน้าขณะทำตาเศร้าสร้อย
“เพื่อนแป้งไปเที่ยวเมืองนอกกันหมดเลย แป้งต้องไปดูคนเดียว”
“เอาอย่างนี้สิคะ เดี๋ยวแม่ดวงให้พี่ธันว์ไปดูเป็นเพื่อนหนูแป้ง”
“ผมมีนัดคุยกับสถาปนิกของบริษัท”
“ตาไก่เหรอ สถาปนิกก็เป็นเพื่อนของลูกนี่ธันว์ ปกติแม่เห็นก็ลากกันไปกินข้าวด้วยกันทุกวันหยุดอยู่แล้ว บอกตาไก่ค่อยคุยวันหลังก็ได้ วันนี้ลูกพาหนูแป้งไปดูหนังก่อน น้องไม่มีใคร”
“แต่ว่า....”
อภิชญายิ้มมุมปาก...ชัยชนะที่เหนือกว่าทำให้หล่อนได้กินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ฟังพ่อของตัวเองคุยเรื่องธุรกิจกับธันว์ต่อด้วยอารมณ์ปลอดโปร่ง