สำหรับผมเวลาเห็นคำว่ามวลมหาประชาชน ผมคิดถึงมวลน้ำ/มวลน้ำก้อนใหญ่ เพราะว่ามันเป็นคำว่ามวลเหมือนกัน และที่เหมือนกันก็คือ
๑. รัฐบาลคิดว่าเอาอยู่แต่เอาไม่อยู่
๒. มวลน้ำมันไหลมาแบบเป็นกลุ่มก้อน ไปทุกทิศทุกทาง แม้จะกั้นด้วยแบริ่งเออร์ มันก็ยังไหลไปอีกทางเพื่อมาตลบหลัง เหมือนกับกลุ่มมวลมหาประชาชนเนี่ยแหล่ะ
๓. มวลน้ำทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ทำลายสิ่งของ
๔. หากเราปล่อยให้มวลน้ำมันไหลไปตามทางที่มันควรจะไหลลงไป คือทะเล มวลน้ำก็จะหายไป เฉกเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน หากเราปล่อยให้เค้าเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง สักวันเค้าจะเห็นว่าสิ่งที่เค้าสนับสนุนนั้นถูกหรือผิด
แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ
มวลน้ำมาเป็นก้อน ไม่มีผู้นำไม่มีแกนนำ มาเพราะถูกมนุษย์ทำลายธรรมขาติ เมื่อไม่มีแกนนำพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็จบตามธรรมชาติ แต่มวลมหาประชาชนมาเพราะถูกเสียงข้างมากย่ำยี แต่ผิดที่หาแกนนำที่ขาดจริยธรรม แม้ทุกอย่างสามารถปฏิบัติตามกฎกติกา แต่แกนนำยังไม่ยอมจบทุกอย่างจึงเลวร้ายกว่ามวลน้ำซึ่งเป็นเริ่มและจบด้วยธรรมชาติ แต่มวลมหาประชาชนแม้จะเริ่มด้วยธรรมชาติแต่อาจจะจบด้วยการกระทำของคนที่ไม่รู้จักพอ
เวลาเห็นคำว่ามวลมหาประชาชน คุณนึกถึงอะไรกัน
๑. รัฐบาลคิดว่าเอาอยู่แต่เอาไม่อยู่
๒. มวลน้ำมันไหลมาแบบเป็นกลุ่มก้อน ไปทุกทิศทุกทาง แม้จะกั้นด้วยแบริ่งเออร์ มันก็ยังไหลไปอีกทางเพื่อมาตลบหลัง เหมือนกับกลุ่มมวลมหาประชาชนเนี่ยแหล่ะ
๓. มวลน้ำทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ทำลายสิ่งของ
๔. หากเราปล่อยให้มวลน้ำมันไหลไปตามทางที่มันควรจะไหลลงไป คือทะเล มวลน้ำก็จะหายไป เฉกเช่นเดียวกับมวลมหาประชาชน หากเราปล่อยให้เค้าเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง สักวันเค้าจะเห็นว่าสิ่งที่เค้าสนับสนุนนั้นถูกหรือผิด
แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ
มวลน้ำมาเป็นก้อน ไม่มีผู้นำไม่มีแกนนำ มาเพราะถูกมนุษย์ทำลายธรรมขาติ เมื่อไม่มีแกนนำพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็จบตามธรรมชาติ แต่มวลมหาประชาชนมาเพราะถูกเสียงข้างมากย่ำยี แต่ผิดที่หาแกนนำที่ขาดจริยธรรม แม้ทุกอย่างสามารถปฏิบัติตามกฎกติกา แต่แกนนำยังไม่ยอมจบทุกอย่างจึงเลวร้ายกว่ามวลน้ำซึ่งเป็นเริ่มและจบด้วยธรรมชาติ แต่มวลมหาประชาชนแม้จะเริ่มด้วยธรรมชาติแต่อาจจะจบด้วยการกระทำของคนที่ไม่รู้จักพอ