** กระทู้เรื่องวิทยาศาสตร์ หากเนื้อหา/ภาพประกอบขัดต่อความรู้สึกท่านใด กรุณาผ่านกระทู้นี้ไปได้เลยเด้อจ้า...
** เพื่ออรรถรสในการรับชมภาพและเสียง กรุณาเปิดคลิปยูทู๊ปฟังเพลงไปพร้อมๆกับดูรูปเด้อ จะได้อินบรรยากาศ พ่ะน่ะ
.................................................................................................
เมื่อมนุษย์ต้องกินมนุษย์ในยามอดอยาก...Survival Cannibalism !!
" เจน " เด็กหญิงวัย 14 ปี...
เมื่อ 400 กว่าปีก่อน เธอถูกกินเป็นอาหาร ณ เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย อเมริกา
จากการเปิดเผยของสถาบันประวัติศาสตร์สมิธโซเนียนเมื่อเดือนเมษายน 2013 ที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ล่าอาณานิคมตั้งรกรากในเมืองเจมส์ทาวน์ ของรัฐเวอร์จิเนีย ในช่วงหน้าหนาวที่แสนโหดร้าย ปี ค.ศ.1609
ได้สับร่างเด็กหญิงชาวอังกฤษอายุ 14 ขวบ แล้วบริโภคเนื้อและสมองเพื่อประทังความหิวโหย
ในปี ค.ศ. 1610 หลังจากชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมเจมส์ทาวน์ บริเวณอ่าวเซซาพีกทางภาคตะวันออกของทวีปอเมริกา
ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น ส่งผลให้ชาวอาณานิคมล้มป่วยและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
มีบันทึกของจอร์จ เพอร์ซี่ ผู้นำเมืองเจมส์ทาวน์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า...
“ ชาวเมืองต้องกิน หมา แมว หนูบ้านและหนูนาเพื่อความอยู่รอด
ความอดอยากทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีใบหน้าซูบซีดราวกับผี และในช่วงเวลาแห่งความอดอยากนี้
ชายคนหนึ่งได้ถูกลงโทษด้วยความผิดที่เขาสังหารภรรยาของตนที่กำลังตั้งครรภ์ และนำเนื้อของเธอไปหมักเกลือไว้กินเป็นอาหาร ”
(หุ่นปั้นของเจน สร้างขึ้นจากภาพถ่ายคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ภาพ CT Scan และกะโหลกที่ขุดพบ )
ภาพจากห้องสมุดสภากองเกรส จากหนังสือ " To have and To Hold" ปี 1619
แสดงให้เห็นภาพผู้อพยพจากอังกฤษพร้อมภรรยาและแม่บ้าน
เนื้อหาในหนังสือเป็นเรื่องราวจากเหตุการณ์ผู้อพยพจากอังกฤษมาตั้งรกรากในอเมริกา เมืองเจมส์ทาวน์ เริ่มตั้งแต่ปี 1607
ทีมนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ "สมิธโซเนียน" ของสหรัฐฯ เปิดเผย
การขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์ผู้หญิงวัย 14 ปี ในเมือง "เจมส์ทาวน์" เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า
เคยมีการกินเนื้อมนุษย์เกิดขึ้นจริง!
โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า... ร่องรอยการถูกสับบนโครงกระดูกและกะโหลก เชื่อว่าเกิดขึ้นหลังเด็กหญิงเสียชีวิต
ประกอบกับอายุของโครงกะดูกที่ย้อนไปในปี 1609 ซึ่งตรงกับช่วงการเกิดวิกฤติอดอยาก จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่า
มีการขุดศพของเด็กหญิงขึ้นมาและนำมากินเพื่อประทังความหิว ขณะที่วิกฤติการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
โดยจากบทความที่มีการเขียนขึ้นในสมัยนั้น เปิดเผยว่า ประชาชนต้องกินเนื้อสุนัข หนู งู หรือแม้กระทั่งหนังรองเท้าเพื่อประทังชีวิตด้วย...
ในปี ค.ศ 1609 กลุ่มผู้อพยพชาวอาณานิคมมีราวๆ 300 กว่าชีวิต แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน เหลือจำนวนสมาชิกเพียง 60 คน
สันนิษฐานได้ว่า " เจน " เธออาจจะเป็นลูกสาวของแม่บ้านของชาวอาณานิคม และเธอคือหนึ่งในผู้เสียชีวิต...
ในการสำรวจประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองเจมส์ทาวน์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2012
ทีมสำรวจได้ขุดพบโครงกระดูกของเจนปะปนอยู่กับซากกระดูกม้า, กระดูกสุนัขและกระรอก กองรวมกันในกล่องใส่เศษขยะ
เป็นซากเศษอาหารซึ่งถูกคนกินในช่วงอดอยากหิวโหยในฤดูหนาวอันแสนทรมาน
(ภาพแสดงรอยสับบนกระโหลก จำนวน 4 รอย)
ไม่มีใครบอกได้ว่าเธอตายด้วยเหตุใด..แต่ผลการพิสูจน์กระดูกที่ขุดเจอพบว่า เธอถูกขวานหรือมีดขนาดใหญ่สับที่หน้าผาก
และด้านหลังศีรษะ ซึ่งสามารถทำให้กะโหลกเปิดออก มีรูเปิดไปทางด้านซ้ายของศีรษะ ซึ่งเจาะเพื่อเอาสมองออก
และพบรอยบากรอบๆบริเวณขากรรไกรล่าง คาดว่าจะขูดเอาเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอออกไปกิน
จากความรุนแรงในการพยายามเปิดกะโหลก เจนน่าจะเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว...
ในปี ค.ศ.1609 ชาวล่าอาณานิคมที่มาตั้งรกราก ต้องตกอยู่ภายในวงล้อมของชาวอินเดียนแดงท้องถิ่นเผ่า Powhatan
และชาวอาณานิคมเพศชายถูกสังหารไปเป็นจำนวนมากเมื่อเสี่ยงภัยออกไปหาอาหาร ผู้ที่อยู่บ้านจึงเหลือแต่ผู้หญิง เด็ก และคนป่วย ดังนั้นผู้ที่ชำแหละร่างของเจนจึงน่าจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน
“รอยสับมีลักษณะที่บ่งบอกว่าทำอย่างลวกๆ คนทำไม่มีทักษะในการชำแหละเลย”
ภาพถ่าย Stereo-Microscopic เมื่อธันวาคม 2012 แสดงให้เห็นรอยบากที่ขากรรไกรล่าง
...เป็นที่แน่นอนว่าคนที่ชำแหละเธอ สนใจในเนื้อส่วนใบหน้า แก้ม ลิ้น และสมอง
ผมของเจนยังคงติดอยู่กับศรีษะ..ซึ่งสมองนั้นน่าจะถูกกินก่อนส่วนอื่นเนื่องจากสมองจะเน่าเปื่อยในเวลาอันรวดเร็ว
การขาดแคลนอาหารของชาวอาณานิคมในปี 1609 - 1610 ความอดอยากแร้นแค้น ความหนาวเย็น โรคภัยต่างๆ
การเป็นศัตรูกับชาวอินเดียนแดง และเรือเสบียงที่ส่งของให้เมืองเจมส์ทาวน์ได้ถูกพายุเฮอริเคนพัดถล่มอับปางในทะเล
ทำให้ชาวอาณานิคมอดอยากและสิ้นหวังจะกระทั่งต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง..
*การค้นพบโครงกระดูกของเจนเพียง 10 % ไม่สามารถที่จะบอกมากเกี่ยวกับเรื่องของเธอได้ทั้งหมด
แต่การตรวจสอบกระดูกทำให้รู้ว่าเธอเป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี
* จากการศึกษาไอโซโทปของฟันกรามซี่ที่สาม พบปริมาณไนโตรเจนในฟันมีระดับที่สูง
หมายถึงเจนอาจจะมาจากครอบครัวคนมีฐานะหรือทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของพวกเขา
ระดับไนโตรเจนสูงแสดงให้เห็นว่าเธอกินอาหารโปรตีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพงในช่วงเวลานั้น
* เธออาจจะมาจากชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ
จากการเปรียบเทียบไอโซโทปของออกซิเจนในฟันของเธอกับตัวอย่างน้ำบาดาลจากพื้นที่
น้ำที่ดื่มบริโภคเข้าไปในขณะที่ฟันแท้กำลังถูกสร้างในช่วงวัยเด็ก จะช่วยในการบ่งบอกแหล่งกำเนิดของเธออีกทาง...
*ไอโซโทปคาร์บอนในกระดูกของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอกินอาหารเหมือนคนยุโรปส่วนใหญ่
ซึ่งหมายความว่าเจนอยู่ในเจมส์ทาวน์เพียงระยะเวลาไม่นานก่อนเสียชีวิต...
..... การค้นพบครั้งนี้ทำให้เราทราบถึงความท้าท้ายของมนุษย์ยุคล่าอาณานิคม ที่ต้องเผชิญในการแสวงหาดินแดนใหม่
การผจญภัยของชาวยุโรปที่แสวงหาโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม
แม้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในโลกเก่าก็ตาม......
The End
.........................................................................................................
ขอได้รับความขอบคุณที่มาข้อมูล
http://news.nationalgeographic.com
http://newsdesk.si.edu/releases/smithsonian-and-preservation-virginia-reveal-startling-survival-story-historic-jamestown
http://www.washingtonpost.com,
http://www.thaipost.net
www.google.com และเจ้าของภาพประกอบทุกท่านจากกูเกิ้ล
ดูคลิปเพิ่มเติม การขุดพบโครงกระดูกต่างๆ การพิสูจน์หลักฐาน การปั้นหุ่นจำลอง3D ได้ที่
http://wtkr.com/2013/05/01/evidence-of-survival-cannibalism-found-in-jamestown/
ผิดพลาดประการใด เจ้าของกระทู้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้เด้อ พ่ะน่ะ...จบจ้อย.
เมื่อมนุษย์ต้องกินมนุษย์ในยามอดอยาก...Survival Cannibalism
" เจน " เด็กหญิงวัย 14 ปี...
เมื่อ 400 กว่าปีก่อน เธอถูกกินเป็นอาหาร ณ เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย อเมริกา
จากการเปิดเผยของสถาบันประวัติศาสตร์สมิธโซเนียนเมื่อเดือนเมษายน 2013 ที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ล่าอาณานิคมตั้งรกรากในเมืองเจมส์ทาวน์ ของรัฐเวอร์จิเนีย ในช่วงหน้าหนาวที่แสนโหดร้าย ปี ค.ศ.1609
ได้สับร่างเด็กหญิงชาวอังกฤษอายุ 14 ขวบ แล้วบริโภคเนื้อและสมองเพื่อประทังความหิวโหย
ในปี ค.ศ. 1610 หลังจากชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมเจมส์ทาวน์ บริเวณอ่าวเซซาพีกทางภาคตะวันออกของทวีปอเมริกา
ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น ส่งผลให้ชาวอาณานิคมล้มป่วยและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
มีบันทึกของจอร์จ เพอร์ซี่ ผู้นำเมืองเจมส์ทาวน์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า...
“ ชาวเมืองต้องกิน หมา แมว หนูบ้านและหนูนาเพื่อความอยู่รอด
ความอดอยากทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีใบหน้าซูบซีดราวกับผี และในช่วงเวลาแห่งความอดอยากนี้
ชายคนหนึ่งได้ถูกลงโทษด้วยความผิดที่เขาสังหารภรรยาของตนที่กำลังตั้งครรภ์ และนำเนื้อของเธอไปหมักเกลือไว้กินเป็นอาหาร ”
(หุ่นปั้นของเจน สร้างขึ้นจากภาพถ่ายคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ภาพ CT Scan และกะโหลกที่ขุดพบ )
ภาพจากห้องสมุดสภากองเกรส จากหนังสือ " To have and To Hold" ปี 1619
แสดงให้เห็นภาพผู้อพยพจากอังกฤษพร้อมภรรยาและแม่บ้าน
เนื้อหาในหนังสือเป็นเรื่องราวจากเหตุการณ์ผู้อพยพจากอังกฤษมาตั้งรกรากในอเมริกา เมืองเจมส์ทาวน์ เริ่มตั้งแต่ปี 1607
ทีมนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ "สมิธโซเนียน" ของสหรัฐฯ เปิดเผย
การขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์ผู้หญิงวัย 14 ปี ในเมือง "เจมส์ทาวน์" เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า
เคยมีการกินเนื้อมนุษย์เกิดขึ้นจริง!
โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า... ร่องรอยการถูกสับบนโครงกระดูกและกะโหลก เชื่อว่าเกิดขึ้นหลังเด็กหญิงเสียชีวิต
ประกอบกับอายุของโครงกะดูกที่ย้อนไปในปี 1609 ซึ่งตรงกับช่วงการเกิดวิกฤติอดอยาก จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่า
มีการขุดศพของเด็กหญิงขึ้นมาและนำมากินเพื่อประทังความหิว ขณะที่วิกฤติการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
โดยจากบทความที่มีการเขียนขึ้นในสมัยนั้น เปิดเผยว่า ประชาชนต้องกินเนื้อสุนัข หนู งู หรือแม้กระทั่งหนังรองเท้าเพื่อประทังชีวิตด้วย...
ในปี ค.ศ 1609 กลุ่มผู้อพยพชาวอาณานิคมมีราวๆ 300 กว่าชีวิต แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน เหลือจำนวนสมาชิกเพียง 60 คน
สันนิษฐานได้ว่า " เจน " เธออาจจะเป็นลูกสาวของแม่บ้านของชาวอาณานิคม และเธอคือหนึ่งในผู้เสียชีวิต...
ในการสำรวจประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองเจมส์ทาวน์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2012
ทีมสำรวจได้ขุดพบโครงกระดูกของเจนปะปนอยู่กับซากกระดูกม้า, กระดูกสุนัขและกระรอก กองรวมกันในกล่องใส่เศษขยะ
เป็นซากเศษอาหารซึ่งถูกคนกินในช่วงอดอยากหิวโหยในฤดูหนาวอันแสนทรมาน
(ภาพแสดงรอยสับบนกระโหลก จำนวน 4 รอย)
ไม่มีใครบอกได้ว่าเธอตายด้วยเหตุใด..แต่ผลการพิสูจน์กระดูกที่ขุดเจอพบว่า เธอถูกขวานหรือมีดขนาดใหญ่สับที่หน้าผาก
และด้านหลังศีรษะ ซึ่งสามารถทำให้กะโหลกเปิดออก มีรูเปิดไปทางด้านซ้ายของศีรษะ ซึ่งเจาะเพื่อเอาสมองออก
และพบรอยบากรอบๆบริเวณขากรรไกรล่าง คาดว่าจะขูดเอาเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอออกไปกิน
จากความรุนแรงในการพยายามเปิดกะโหลก เจนน่าจะเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว...
ในปี ค.ศ.1609 ชาวล่าอาณานิคมที่มาตั้งรกราก ต้องตกอยู่ภายในวงล้อมของชาวอินเดียนแดงท้องถิ่นเผ่า Powhatan
และชาวอาณานิคมเพศชายถูกสังหารไปเป็นจำนวนมากเมื่อเสี่ยงภัยออกไปหาอาหาร ผู้ที่อยู่บ้านจึงเหลือแต่ผู้หญิง เด็ก และคนป่วย ดังนั้นผู้ที่ชำแหละร่างของเจนจึงน่าจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน
“รอยสับมีลักษณะที่บ่งบอกว่าทำอย่างลวกๆ คนทำไม่มีทักษะในการชำแหละเลย”
ภาพถ่าย Stereo-Microscopic เมื่อธันวาคม 2012 แสดงให้เห็นรอยบากที่ขากรรไกรล่าง
...เป็นที่แน่นอนว่าคนที่ชำแหละเธอ สนใจในเนื้อส่วนใบหน้า แก้ม ลิ้น และสมอง
ผมของเจนยังคงติดอยู่กับศรีษะ..ซึ่งสมองนั้นน่าจะถูกกินก่อนส่วนอื่นเนื่องจากสมองจะเน่าเปื่อยในเวลาอันรวดเร็ว
การขาดแคลนอาหารของชาวอาณานิคมในปี 1609 - 1610 ความอดอยากแร้นแค้น ความหนาวเย็น โรคภัยต่างๆ
การเป็นศัตรูกับชาวอินเดียนแดง และเรือเสบียงที่ส่งของให้เมืองเจมส์ทาวน์ได้ถูกพายุเฮอริเคนพัดถล่มอับปางในทะเล
ทำให้ชาวอาณานิคมอดอยากและสิ้นหวังจะกระทั่งต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง..
*การค้นพบโครงกระดูกของเจนเพียง 10 % ไม่สามารถที่จะบอกมากเกี่ยวกับเรื่องของเธอได้ทั้งหมด
แต่การตรวจสอบกระดูกทำให้รู้ว่าเธอเป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี
* จากการศึกษาไอโซโทปของฟันกรามซี่ที่สาม พบปริมาณไนโตรเจนในฟันมีระดับที่สูง
หมายถึงเจนอาจจะมาจากครอบครัวคนมีฐานะหรือทำหน้าที่เป็นแม่บ้านของพวกเขา
ระดับไนโตรเจนสูงแสดงให้เห็นว่าเธอกินอาหารโปรตีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพงในช่วงเวลานั้น
* เธออาจจะมาจากชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ
จากการเปรียบเทียบไอโซโทปของออกซิเจนในฟันของเธอกับตัวอย่างน้ำบาดาลจากพื้นที่
น้ำที่ดื่มบริโภคเข้าไปในขณะที่ฟันแท้กำลังถูกสร้างในช่วงวัยเด็ก จะช่วยในการบ่งบอกแหล่งกำเนิดของเธออีกทาง...
*ไอโซโทปคาร์บอนในกระดูกของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอกินอาหารเหมือนคนยุโรปส่วนใหญ่
ซึ่งหมายความว่าเจนอยู่ในเจมส์ทาวน์เพียงระยะเวลาไม่นานก่อนเสียชีวิต...
..... การค้นพบครั้งนี้ทำให้เราทราบถึงความท้าท้ายของมนุษย์ยุคล่าอาณานิคม ที่ต้องเผชิญในการแสวงหาดินแดนใหม่
การผจญภัยของชาวยุโรปที่แสวงหาโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม
แม้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในโลกเก่าก็ตาม......
The End
.........................................................................................................
ขอได้รับความขอบคุณที่มาข้อมูล
http://news.nationalgeographic.com
http://newsdesk.si.edu/releases/smithsonian-and-preservation-virginia-reveal-startling-survival-story-historic-jamestown
http://www.washingtonpost.com, http://www.thaipost.net
www.google.com และเจ้าของภาพประกอบทุกท่านจากกูเกิ้ล
ดูคลิปเพิ่มเติม การขุดพบโครงกระดูกต่างๆ การพิสูจน์หลักฐาน การปั้นหุ่นจำลอง3D ได้ที่
http://wtkr.com/2013/05/01/evidence-of-survival-cannibalism-found-in-jamestown/
ผิดพลาดประการใด เจ้าของกระทู้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้เด้อ พ่ะน่ะ...จบจ้อย.