ตั้งแต่วันพ่อที่ผ่านมา ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับกลุ่มทางสว่าง ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเพื่อนๆ ของน้องที่ทำงาน ในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ด้วยการนำสิ่งของและทุนการศึกษาไปมอบแก่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในจังหวัดสุโขทัย
เนื่องจากมีการนัดรวมตัวกันที่ที่พักที่จังหวัดสุโขทัยตอนหกโมงเย็น ก็เลยได้โอกาสจัดทริ๊ปแบบสบายสบาย กะแวะระหว่างทางเรื่อยๆ โปรแกรมคร่าวๆ คือแวะนมัสการหลวงพ่อโตวัดไชโย ชิมผัดไทกุ้งยิ้ม นมัสการพระพุทธชินราช และชิมก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมแม่น้ำน่าน
เนื่องจากขับรถที่ใช้เอ็นจีวี ก็เผื่อเวลาสำหรับแวะเติมเชื้อเพลิงด้วย
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงวัดก็ประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นระยะทางก็ประมาณ 100 กม. ทางเข้าวัดก็สังเกตุง่าย เพราะจะมีป้ายขนาดใหญ่มากอยู่ข้างทางด้านขาออกก่อนถึงทางแยกเข้าวัด วัดจะตั้งอยู่ลึกเข้ามาจากปากทางประมาณ 2 กม. พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงทางแยกเลี้ยวขวาก็ถึงวัดเลย
พอเลี้ยวเข้าประตูวัดมาด้านซ้ายมือจะเป็นลานจอดรถกว้างสำหรับรถบัส สำหรับรถเล็กสามารถขับเข้ามาข้างในได้เลย จะมีที่สำหรับจอดรถเล็กมีหลังคาขนาดใหญ่คลุมที่จอดรถด้วย
ภายในวัดมีอาคารที่น่าสนใจหลายหลัง แต่จุดแรกที่ผมไปไหว้ คือวิหารที่ประดิษฐาน "พระพุทธพิมพ์" องค์พระขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าหน้าตักกว้างถึง 8 วา 6 นิ้ว ความสูงถึงยอดพระรัศมีถึง 11 วากว่า สร้างตอนแรกโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แล้วมาได้รับการบูรณะเพิ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า
จากนั้นเดินออกไปทางด้านขวาจนถึงด้านติดกับแม่น้ำ จะเป็นอาคารที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ซึ่งบริเวณนี้ ด้านหน้าอาคารได้มีการจัดระเบียบใหม่ จากเดิมมีคนมาคอยขายพวกปลาและสัตว์น้ำสำหรับปล่อย ก็ได้มีการให้ย้ายออกไปอยู่ด้านนอกวัด ก็จะสะอาดตาขึ้น พอออกพ้นกำแพงด้านริมน้ำไปก็จะเป็นเขื่อนขั้นบันไดเป็นแนวยาวตลอดเขตวัด และขั้นบันไดก็ทอดลงไปถึงน้ำเลย
นมัสการพระและบำเพ็ญกุศลเรียบร้อย เดินออกมาจากวัด จุดที่พลาดไม่ได้ก็คือตลาดหน้าวัด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ขนมกง(เกวียน) และถั่วทอด นอกจากนี้ก็ยังมีของพื้นบ้านของที่นี่ได้แก่ผลิตภัณฑ์จากปลา และพวกผักสดพื้นบ้าน
อีกรายการหนึ่งที่อดจะพูดถึงไม่ได้ของที่นี่ คือกล้วยน้ำว้าปิ้ง คนขายบอกว่าน้ำราดของเค้า เคี่ยวจนได้ที่มาก แต่น่าเสียดาย ผมไม่นิยมน้ำเชื่อมราดเลยไม่ได้ชิม กล้วยปิ้งแบบนี้ผมชอบแบบปิ้งเฉยๆ และไม่ต้องไปทับให้แบนและไม่ราดน้ำ แต่ต้องขอออกปากว่าผมชอบกล้วยน้ำว้าปิ้งของที่นี่มาก ประการหนึ่งก็คือกล้วยถูกเลือกมาแบบสมบูรณ์เต็มที่ ลูกกลมโต ขนาดกำลังสุกได้ที่ ปิ้งจนผิวข้างนอกแห้ง เวลากัดรับประทานจะมีกลิ่นหอม (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน) และรู้สึกว่ากล้วยจะเก็บความร้อนไว้ได้นาน ถึงทิ้งไว้สักพักใหญ่ก็จะไม่เย็นชืด ก็ได้รับการอธิบายว่ากล้วยถูกปิ้งบนเตาถ่านกลบขี้เถ้าให้ได้ไฟที่ร้อนกำลังพอดี ให้ความร้อนค่อยค่อยระอุเข้าไปในเนื้อกล้วย แผงนี้สังเกตง่าย เพราะคนขายแขวนพระพวงใหญ่มาก
สำหรับขนมกงเกวียนนั้น ทอดใหม่ตรงนั้นเลยทุกเจ้า เดิมคุ้นคุ้นว่าขนมกงนั้นจะมีรูปทรงแบบเป็นวงกลม แล้วตรงกลางจะมีอีกสองชิ้น เป็นชิ้นยาววางไขว้กันแบบดูเหมือนเป็นล้อเกวียน แต่ที่เห็นอยู่ ตรงที่เป็นซี่ล้อเกวียนไม่มีแล้ว เหลือแค่เป็นวงคล้ายโดนัท
ขนมกงของที่นี่มีสองไส้ คือไส้ถั่วเขียว และไส้งา ส่วนตัวผมเองชอบแบบไส้งา และต้องขอแนะนำว่าขนมกงไส้งา อบให้อุ่นหน่อย ทานพร้อมกับจิบกาแฟดำด้วย จะอร่อยเข้ากันมาก ผมเองชอบมาก จะซื้อครั้งละสามถุงสำหรับตัวเอง เสร็จแล้วจะนำไปเก็บโดยการแช่แข็งไว้ จะทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน แล้วเวลาจะทานค่อยเอาออกมาอบในเตาอบไฟฟ้า ก็จะได้ขนมไทยที่อร่อย ราคาไม่แพง
สำหรับถั่วทอดก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบมีกลอยและไม่ใส่กลอย แล้วยังมีใส่กลอยมากกับใส่น้อย ทอดใหม่ๆทุกเจ้า
ซื้อของเสร็จออกมา ก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวผัดไทกุ้งยิ้มตรงข้างวัด นอกจากก๋วยเตี๋ยวผัดไท ก็มีพวกก๋วยเตี๋ยวอย่างอื่นด้วย
ทานก๋วยเตี๋ยวผัดไทของที่นี่ ขอให้ชิมก่อนปรุงนะครับ เพราะผัดมาแบบรสเข้มข้นอยู่แล้ว แบบแค่เติมพริกป่นลงไปก็พอดีเลย และในจานถั่วงอกจะมีมะม่วงเปรี้ยวซอยมาให้ใส่ลงไปด้วย สำหรับท่านที่ไม่ชอบเปรี้ยว ก่อนตักมะม่วงซอยใส่ลงไป ขอได้ชิมดีดีก่อนนะครับ
หากสั่งผัดไทกุ้งสด จะมีกุ้งแม่น้ำตัวเล็กๆ น่าจะนำไปต้มก่อนแล้วค่อยมาผัด วางมาข้างบนจานสองสามตัว ที่ผมชอบกุ้งที่นี่ก็คือทุกตัวจะมีไข่หรือมันกุ้งอัดอยู่เต็มอก อร่อยมาก
หลังจากทานเสร็จก็ออกเดินทางต่อ .... แล้วจะรีวิวต่อในตอนที่ 2 ตอนไปไหว้พระพุทธชินราช และนั่งห้อยขาทานก๋วยเตี๋ยวนะครับ
[CR] "มีเวลาก็เดินทาง" ..... ตอนที่ 1 ไหว้หลวงพ่อโตวัดไชโยฯ ชิมขนมกง(เกวียน)
ตั้งแต่วันพ่อที่ผ่านมา ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับกลุ่มทางสว่าง ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเพื่อนๆ ของน้องที่ทำงาน ในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ด้วยการนำสิ่งของและทุนการศึกษาไปมอบแก่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในจังหวัดสุโขทัย
เนื่องจากมีการนัดรวมตัวกันที่ที่พักที่จังหวัดสุโขทัยตอนหกโมงเย็น ก็เลยได้โอกาสจัดทริ๊ปแบบสบายสบาย กะแวะระหว่างทางเรื่อยๆ โปรแกรมคร่าวๆ คือแวะนมัสการหลวงพ่อโตวัดไชโย ชิมผัดไทกุ้งยิ้ม นมัสการพระพุทธชินราช และชิมก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมแม่น้ำน่าน
เนื่องจากขับรถที่ใช้เอ็นจีวี ก็เผื่อเวลาสำหรับแวะเติมเชื้อเพลิงด้วย
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงวัดก็ประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นระยะทางก็ประมาณ 100 กม. ทางเข้าวัดก็สังเกตุง่าย เพราะจะมีป้ายขนาดใหญ่มากอยู่ข้างทางด้านขาออกก่อนถึงทางแยกเข้าวัด วัดจะตั้งอยู่ลึกเข้ามาจากปากทางประมาณ 2 กม. พอข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงทางแยกเลี้ยวขวาก็ถึงวัดเลย
พอเลี้ยวเข้าประตูวัดมาด้านซ้ายมือจะเป็นลานจอดรถกว้างสำหรับรถบัส สำหรับรถเล็กสามารถขับเข้ามาข้างในได้เลย จะมีที่สำหรับจอดรถเล็กมีหลังคาขนาดใหญ่คลุมที่จอดรถด้วย
ภายในวัดมีอาคารที่น่าสนใจหลายหลัง แต่จุดแรกที่ผมไปไหว้ คือวิหารที่ประดิษฐาน "พระพุทธพิมพ์" องค์พระขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าหน้าตักกว้างถึง 8 วา 6 นิ้ว ความสูงถึงยอดพระรัศมีถึง 11 วากว่า สร้างตอนแรกโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แล้วมาได้รับการบูรณะเพิ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า
จากนั้นเดินออกไปทางด้านขวาจนถึงด้านติดกับแม่น้ำ จะเป็นอาคารที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ซึ่งบริเวณนี้ ด้านหน้าอาคารได้มีการจัดระเบียบใหม่ จากเดิมมีคนมาคอยขายพวกปลาและสัตว์น้ำสำหรับปล่อย ก็ได้มีการให้ย้ายออกไปอยู่ด้านนอกวัด ก็จะสะอาดตาขึ้น พอออกพ้นกำแพงด้านริมน้ำไปก็จะเป็นเขื่อนขั้นบันไดเป็นแนวยาวตลอดเขตวัด และขั้นบันไดก็ทอดลงไปถึงน้ำเลย
นมัสการพระและบำเพ็ญกุศลเรียบร้อย เดินออกมาจากวัด จุดที่พลาดไม่ได้ก็คือตลาดหน้าวัด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ขนมกง(เกวียน) และถั่วทอด นอกจากนี้ก็ยังมีของพื้นบ้านของที่นี่ได้แก่ผลิตภัณฑ์จากปลา และพวกผักสดพื้นบ้าน
อีกรายการหนึ่งที่อดจะพูดถึงไม่ได้ของที่นี่ คือกล้วยน้ำว้าปิ้ง คนขายบอกว่าน้ำราดของเค้า เคี่ยวจนได้ที่มาก แต่น่าเสียดาย ผมไม่นิยมน้ำเชื่อมราดเลยไม่ได้ชิม กล้วยปิ้งแบบนี้ผมชอบแบบปิ้งเฉยๆ และไม่ต้องไปทับให้แบนและไม่ราดน้ำ แต่ต้องขอออกปากว่าผมชอบกล้วยน้ำว้าปิ้งของที่นี่มาก ประการหนึ่งก็คือกล้วยถูกเลือกมาแบบสมบูรณ์เต็มที่ ลูกกลมโต ขนาดกำลังสุกได้ที่ ปิ้งจนผิวข้างนอกแห้ง เวลากัดรับประทานจะมีกลิ่นหอม (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน) และรู้สึกว่ากล้วยจะเก็บความร้อนไว้ได้นาน ถึงทิ้งไว้สักพักใหญ่ก็จะไม่เย็นชืด ก็ได้รับการอธิบายว่ากล้วยถูกปิ้งบนเตาถ่านกลบขี้เถ้าให้ได้ไฟที่ร้อนกำลังพอดี ให้ความร้อนค่อยค่อยระอุเข้าไปในเนื้อกล้วย แผงนี้สังเกตง่าย เพราะคนขายแขวนพระพวงใหญ่มาก
สำหรับขนมกงเกวียนนั้น ทอดใหม่ตรงนั้นเลยทุกเจ้า เดิมคุ้นคุ้นว่าขนมกงนั้นจะมีรูปทรงแบบเป็นวงกลม แล้วตรงกลางจะมีอีกสองชิ้น เป็นชิ้นยาววางไขว้กันแบบดูเหมือนเป็นล้อเกวียน แต่ที่เห็นอยู่ ตรงที่เป็นซี่ล้อเกวียนไม่มีแล้ว เหลือแค่เป็นวงคล้ายโดนัท
ขนมกงของที่นี่มีสองไส้ คือไส้ถั่วเขียว และไส้งา ส่วนตัวผมเองชอบแบบไส้งา และต้องขอแนะนำว่าขนมกงไส้งา อบให้อุ่นหน่อย ทานพร้อมกับจิบกาแฟดำด้วย จะอร่อยเข้ากันมาก ผมเองชอบมาก จะซื้อครั้งละสามถุงสำหรับตัวเอง เสร็จแล้วจะนำไปเก็บโดยการแช่แข็งไว้ จะทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน แล้วเวลาจะทานค่อยเอาออกมาอบในเตาอบไฟฟ้า ก็จะได้ขนมไทยที่อร่อย ราคาไม่แพง
สำหรับถั่วทอดก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบมีกลอยและไม่ใส่กลอย แล้วยังมีใส่กลอยมากกับใส่น้อย ทอดใหม่ๆทุกเจ้า
ซื้อของเสร็จออกมา ก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวผัดไทกุ้งยิ้มตรงข้างวัด นอกจากก๋วยเตี๋ยวผัดไท ก็มีพวกก๋วยเตี๋ยวอย่างอื่นด้วย
ทานก๋วยเตี๋ยวผัดไทของที่นี่ ขอให้ชิมก่อนปรุงนะครับ เพราะผัดมาแบบรสเข้มข้นอยู่แล้ว แบบแค่เติมพริกป่นลงไปก็พอดีเลย และในจานถั่วงอกจะมีมะม่วงเปรี้ยวซอยมาให้ใส่ลงไปด้วย สำหรับท่านที่ไม่ชอบเปรี้ยว ก่อนตักมะม่วงซอยใส่ลงไป ขอได้ชิมดีดีก่อนนะครับ
หากสั่งผัดไทกุ้งสด จะมีกุ้งแม่น้ำตัวเล็กๆ น่าจะนำไปต้มก่อนแล้วค่อยมาผัด วางมาข้างบนจานสองสามตัว ที่ผมชอบกุ้งที่นี่ก็คือทุกตัวจะมีไข่หรือมันกุ้งอัดอยู่เต็มอก อร่อยมาก
หลังจากทานเสร็จก็ออกเดินทางต่อ .... แล้วจะรีวิวต่อในตอนที่ 2 ตอนไปไหว้พระพุทธชินราช และนั่งห้อยขาทานก๋วยเตี๋ยวนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น