จากข้อมูลของ กกต. การเลือกตั้งปี 3 ก.ค. 2554
ประชาธิปัตย์ใช้เงินไป 165,420,868.94 บาท
พรรคเพื่อไทย ใช้เงินไป 93,846,296.45 บาท
ที่มา
:
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx...
http://www.ect.go.th/
จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน
ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%
http://www.youtube.com/watch?v=W6RSB3mckEM
http://news.voicetv.co.th/thailand/33643.html
ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (คณะนิติศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ได้นำเสนองานวิจัย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง” ในการสัมมนาทางวิชาการของสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งและการซื้อเสียงดังต่อไปนี้
1. ยอมรับเงินจากผู้สมัคร แต่ไม่เลือกผู้สมัครรายนั้น มีร้อยละ 46.79
2. แม้ไม่ได้รับเงินก็จะเลือก มีร้อยละ 48.62
3. เลือกเพราะได้รับเงิน มีเพียงร้อยละ 4.59
หรือสรุปได้ว่า ในจำนวน 100 คน มีคนไทยเพียง 5*คนเท่านั้นที่เลือกเพราะได้รับเงิน
หรือจะมองอีกมุม ในจำนวน 100 คน มีคนไทยถึง 95 คน ไม่ได้ขายเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง
และจำนวนผู้ที่ขายเสียงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง
ที่มา
:
http://prachatai.com/journal/2012/08/42190
https://www.facebook.com/boythakae/posts/468315289871967
ถึงว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา
*พวกคุณใช้เงินไปมากมาย (เรื่องไรทั่งก็ไม่รู้)ก็ยังแพ้
*แก้กติกาที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งก็ยังแพ้
*ใช้วาทะกรรมใส่ร้ายป้ายสีพรรคคู่แข่งก็ยังแพ้
คนที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยใช้เงินหาเสียงมากมายและก็ซื้อเสียงเลือกตั้ง...เข้ามาดูสิครับ
จากข้อมูลของ กกต. การเลือกตั้งปี 3 ก.ค. 2554
ประชาธิปัตย์ใช้เงินไป 165,420,868.94 บาท
พรรคเพื่อไทย ใช้เงินไป 93,846,296.45 บาท
ที่มา
: http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx...
http://www.ect.go.th/
จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน
ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%
http://www.youtube.com/watch?v=W6RSB3mckEM
http://news.voicetv.co.th/thailand/33643.html
ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (คณะนิติศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ได้นำเสนองานวิจัย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง” ในการสัมมนาทางวิชาการของสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งและการซื้อเสียงดังต่อไปนี้
1. ยอมรับเงินจากผู้สมัคร แต่ไม่เลือกผู้สมัครรายนั้น มีร้อยละ 46.79
2. แม้ไม่ได้รับเงินก็จะเลือก มีร้อยละ 48.62
3. เลือกเพราะได้รับเงิน มีเพียงร้อยละ 4.59
หรือสรุปได้ว่า ในจำนวน 100 คน มีคนไทยเพียง 5*คนเท่านั้นที่เลือกเพราะได้รับเงิน
หรือจะมองอีกมุม ในจำนวน 100 คน มีคนไทยถึง 95 คน ไม่ได้ขายเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง
และจำนวนผู้ที่ขายเสียงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง
ที่มา
: http://prachatai.com/journal/2012/08/42190
https://www.facebook.com/boythakae/posts/468315289871967
ถึงว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา
*พวกคุณใช้เงินไปมากมาย (เรื่องไรทั่งก็ไม่รู้)ก็ยังแพ้
*แก้กติกาที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งก็ยังแพ้
*ใช้วาทะกรรมใส่ร้ายป้ายสีพรรคคู่แข่งก็ยังแพ้