(คลิปเต็ม) สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย แถลงข่าว "เคารพกติกาประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่มอบอำนาจให้คนกลาง" ณ ห้อง 107 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันนี้ (10 ธ.ค.56) เวลา 13.00 น. สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย Assembly for the Defense of Democracy (AFDD) ได้แถลงข่าวในประเด็น "เคารพกติกาประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่มอบอำนาจให้คนกลาง" ณ ห้อง 107 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยนำโดย
- ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
- นิธิ เอียวศรีวงศ์
- ผาสุก พงษ์ไพจิตร
- เกษียร เตชะพีระ
- พวงทอง ภวัครพันธุ์
- ยุกติ มุกดาวิจิตร
- พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
- พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย
- วรเจตน์ ภาคีรัตน์
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- จันทจิรา เอี่ยมมยุรา
- สาวตรี สุขศรี
- ปูนเทพ ศิรินุพงษ์
- ธีระ สุธีวรางกูร
- เวียงรัฐ เนติโพธิ์
- นิติ ภวัครพันธุ์
- ประจักษ์ ก้องกีรติ
ฯลฯ
สำหรับรายละเอียดแถลงการณ์สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (ฉบับย่อ) มีดังนี้
"สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย" ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักวิชาการ และประชาชนหลากหลายอาชีพ ขอแถลงโต้แย้งประเด็นที่ กปปส. ที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) และนักวิชาการจำนวนหนึ่งที่นำเสนอความเห็นไปในทิศทางที่ขัดกับกติกาประชาธิปไตยในภาวะวิกฤติของบ้านเมือง ดังนี้
๑. การก่อตั้งสภาประชาชน ความเคลื่อนไหวที่นำมาสู่การจัดตั้งสภาประชาชน มีที่มาจากการข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลและรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลและรัฐสภาจึงหมดความชอบธรรม และจำต้องจัดตั้งสภาประชาชนด้วยการอ้างอิงมาตราที่ ๓ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สมัชชาฯ ขอแถลงว่า กระบวนที่นำมาซึ่งการก่อตั้งสภาประชาชนโดยไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยวิถีทางปรกติ เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และถือว่าเป็นการทำรัฐประหาร ทั้งนี้จำต้องชี้แจงว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฐานอำนาจตามรัฐธรรมนูญรองรับ จึงไม่มีผลทางกฎหมาย
นอกจากนี้ การอ้างอิงมาตรา ๓ ของรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสภาประชาชน ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เว้นแต่จะต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ประการสำคัญ การนำเสนอเรื่องสภาประชาชนไม่มีความชัดเจนถึงการยืดโยงกับความเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่คำนึงถึงความเท่าเทียม และความหลากหลายทางความคิด โดยเฉพาะต่อประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับ กปปส.
๒. ข้อเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางหลังการยุบสภา เป็นข้อเสนอที่มาจากการตีความรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗ หรืออาจเรียกง่ายๆว่า "นายกฯคนกลางพระราชทาน" เป็นการพยายามตีความรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามครรลองของหลักการประชาธิปไตย และละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการยุบสภา จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มารับหน้าที่เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
อีกทั้งกระบวนการใดๆ ที่ขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง เหนี่ยวรั้งให้การเลือกตั้งล่าช้า หรือสร้างสุญญากาศทางการเมือง ถือเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเสียเอง ไม่เป็นคุณต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ต้องเคารพในสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความเท่าเทียม สันติภาพ และอาจนำไปสู่วิกฤติความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นด้วย
๓. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ: สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยขอยืนยันว่า รัฐธรรมนูญเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพ แต่รัฐธรรมนูญนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยเจตจำนงของประชาชนและต้องคำนึงถึงทั้งหลักประชาธิปไตยและหลักการที่ไม่ทำลายสังคมประชาธิปไตยเสียเอง ทั้งนี้หากมีความไม่เห็นพ้องต้องกันถึงกติกาประชาธิปไตยฉบับนี้ ก็สมควรจะร่วมกันหาทางออกที่ได้รับการยอมรับกันทุกฝ่าย สมัชชาฯขอเสนอว่าการร่วมกันออกแบบการทำประชามติในการแก้ไขหรือยืนยันการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ ควรเป็นทางออกของสังคม
คลิปเต็ม - สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย แถลงการณ์ " เคารพกติกาประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่มอบอำนาจให้คนกลาง"
(คลิปเต็ม) สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย แถลงข่าว "เคารพกติกาประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่มอบอำนาจให้คนกลาง" ณ ห้อง 107 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันนี้ (10 ธ.ค.56) เวลา 13.00 น. สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย Assembly for the Defense of Democracy (AFDD) ได้แถลงข่าวในประเด็น "เคารพกติกาประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่มอบอำนาจให้คนกลาง" ณ ห้อง 107 ตึก 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยนำโดย
- ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
- นิธิ เอียวศรีวงศ์
- ผาสุก พงษ์ไพจิตร
- เกษียร เตชะพีระ
- พวงทอง ภวัครพันธุ์
- ยุกติ มุกดาวิจิตร
- พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
- พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย
- วรเจตน์ ภาคีรัตน์
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- จันทจิรา เอี่ยมมยุรา
- สาวตรี สุขศรี
- ปูนเทพ ศิรินุพงษ์
- ธีระ สุธีวรางกูร
- เวียงรัฐ เนติโพธิ์
- นิติ ภวัครพันธุ์
- ประจักษ์ ก้องกีรติ
ฯลฯ
สำหรับรายละเอียดแถลงการณ์สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (ฉบับย่อ) มีดังนี้
"สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย" ซึ่งเป็นการรวมตัวของนักวิชาการ และประชาชนหลากหลายอาชีพ ขอแถลงโต้แย้งประเด็นที่ กปปส. ที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.) และนักวิชาการจำนวนหนึ่งที่นำเสนอความเห็นไปในทิศทางที่ขัดกับกติกาประชาธิปไตยในภาวะวิกฤติของบ้านเมือง ดังนี้
๑. การก่อตั้งสภาประชาชน ความเคลื่อนไหวที่นำมาสู่การจัดตั้งสภาประชาชน มีที่มาจากการข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลและรัฐสภาไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลและรัฐสภาจึงหมดความชอบธรรม และจำต้องจัดตั้งสภาประชาชนด้วยการอ้างอิงมาตราที่ ๓ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สมัชชาฯ ขอแถลงว่า กระบวนที่นำมาซึ่งการก่อตั้งสภาประชาชนโดยไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยวิถีทางปรกติ เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และถือว่าเป็นการทำรัฐประหาร ทั้งนี้จำต้องชี้แจงว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการขยายอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฐานอำนาจตามรัฐธรรมนูญรองรับ จึงไม่มีผลทางกฎหมาย
นอกจากนี้ การอ้างอิงมาตรา ๓ ของรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสภาประชาชน ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เว้นแต่จะต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ประการสำคัญ การนำเสนอเรื่องสภาประชาชนไม่มีความชัดเจนถึงการยืดโยงกับความเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่คำนึงถึงความเท่าเทียม และความหลากหลายทางความคิด โดยเฉพาะต่อประชาชนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับ กปปส.
๒. ข้อเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางหลังการยุบสภา เป็นข้อเสนอที่มาจากการตีความรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗ หรืออาจเรียกง่ายๆว่า "นายกฯคนกลางพระราชทาน" เป็นการพยายามตีความรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามครรลองของหลักการประชาธิปไตย และละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีภายหลังจากการยุบสภา จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มารับหน้าที่เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
อีกทั้งกระบวนการใดๆ ที่ขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง เหนี่ยวรั้งให้การเลือกตั้งล่าช้า หรือสร้างสุญญากาศทางการเมือง ถือเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเสียเอง ไม่เป็นคุณต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ต้องเคารพในสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความเท่าเทียม สันติภาพ และอาจนำไปสู่วิกฤติความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นด้วย
๓. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ: สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยขอยืนยันว่า รัฐธรรมนูญเป็นกติกาประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพ แต่รัฐธรรมนูญนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยเจตจำนงของประชาชนและต้องคำนึงถึงทั้งหลักประชาธิปไตยและหลักการที่ไม่ทำลายสังคมประชาธิปไตยเสียเอง ทั้งนี้หากมีความไม่เห็นพ้องต้องกันถึงกติกาประชาธิปไตยฉบับนี้ ก็สมควรจะร่วมกันหาทางออกที่ได้รับการยอมรับกันทุกฝ่าย สมัชชาฯขอเสนอว่าการร่วมกันออกแบบการทำประชามติในการแก้ไขหรือยืนยันการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ ควรเป็นทางออกของสังคม