“หุ้นพุ่ง กำไรเด้ง” ล้วนแล้วเกิดจากคอนเซ็ปท์ “กิน 3 ตัวรวดเข้าฮอส” “นพ.สมยศ อนันตประยูร” เจ้าของ “ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น” แจกแจงเช่นนั้น
“ผมไม่เคยมองว่า ปีหน้าจะลงมือทำอะไร แต่มักจะมองเป็น 1 สเต็ป 2 สเต็ป และ 3 สเต็ป ผมเปรียบการทำธุรกิจเหมือนกำลังเล่นหมากฮอส ผมจะไม่กินแค่ตัวเดียว แต่จะกิน 3 ตัวรวด เพื่อเข้าฮอส” ประโยคเด็ดของ “นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร” เจ้าของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA
คำพูดนี้ ถูกพิสูจน์แล้วว่า “อดีตหมอด้านสูตินารีเวช” โรงพยาบาลศิริราช ทำได้จริง เห็นได้จากราคาหุ้น WHA นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.2555 ซึ่งเป็นวันแรกที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในราคา IPO 13.25 บาทต่อหุ้น ผ่านมา 1 ปี ราคาพุ่งกระฉูดมาซื้อขายเฉลี่ย 37 บาท เคยขึ้นไปสัมผัส “จุดสูงสุด” 62.75 บาท ตัวเลข ณ วันที่ 18 ก.พ.2556
นอกจากนั้นยังถูกการันตี ด้วย “แผนเติบโตทางอ้อม” หลังบริษัทขายสินทรัพย์เข้า “กองทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์” หรือ WHAPF ปัจจุบันกองทุนมีขนาดโครงการประมาณ 9,308 ล้านบาท ที่ผ่านมามีการลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวมแล้ว 9 โครงการ อาทิเช่น โครงการคลังสินค้า 7 แห่ง, อาคารคลังสินค้า DKSH หรือดีทแฮล์มเดิม 4 แห่ง และโครงการโรงงาน 2 แห่ง
ที่ผ่านมากองทุนรวมดังกล่าวมีรายได้จากค่าเช่าอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานอย่างสม่ำเสมอ และยังมีการจ่ายเงินปันผลมาแล้ว 11 ครั้ง อัตราการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 2.0692 บาทต่อหน่วย โดยมีอัตราการจ่ายปันผลในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาประมาณ 7.20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมแล้วประมาณ 651 ล้านบาท
“1 บวก 1 ต้องไม่ต่ำกว่า 3” นั่นคือ เป้าหมายในการทำธุรกิจของผม วันนี้หมดสมัยที่เราจะเติบโตด้วยตัวคนเดียวแล้ว เราต้องมีเพื่อนเก่งๆ” “หมอสมยศ อนันตประยูร” ชายผู้ลงมือทำคลอดให้ภรรยาด้วยตนเอง พูดในงานแถลงข่าว ท่ามกลางอากาศเย็นบนเขาใหญ่
ก่อนจะอธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติมว่า “ผมคิดเรื่องการทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) มานาน 3 ปีแล้ว เราเตรียมตัวเรื่องนี้มานาน ฉะนั้นไม่แปลกที่นักลงทุนจะเห็นเราจับมือทำธุรกิจกับ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL รวดเร็ว เพื่อร่วมกันประมูลงาน Solar Roof โดยเราถือหุ้น 75 เปอร์เซ็นต์ และ GUNKUL ถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์”
การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯก็เช่นเดียวกัน เราคิดมานานแล้ว โดยจะพยายามเพิ่มพื้นที่เข้ากองทุนปีละประมาณ 100,000 ตารางเมตร กว่าจะมีกองทุนรวมเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษากองทุนรวมของต่างประเทศ อาทิเช่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศออสเตรียนานกว่า 5 ปี เพราะคิดว่าอีกไม่นานกองทุนรวมจะต้องเข้ามาในเมืองไทย สุดท้ายก็เกิดขึ้นจริงๆ
“ผมมักถูกที่ประชุมตั้งคำถามว่า อีกกี่ปี่กองทุนรวมจะแตะ “หมื่นล้านบาท” ตอนจัดตั้งกองทุนรวมใหม่ๆตอบไปว่า อีก 5 ปีข้างหน้า แต่สุดท้ายใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก ด้วยความที่เป็น “คนไม่ชอบเสี่ยง” ฉะนั้นการลงทุนส่วนตัวจึงชอบซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาผลตอบแทนเฉลี่ย 3-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี” “สมยศ” ชายผู้ไม่มีชื่อเล่น เล่าให้ฟัง
เขา บอกว่า สิ้นปี 2556 เราอาจมี “กำไรสุทธิ” เติบโต 500 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท ที่ผ่านมาเคยพูดตัวเลขนี้ให้สื่อมวลชนฟังแล้ว หลังจากข่าวถูกเผยแพร่ เช้าวันรุ่งขึ้นสำนักงานก.ล.ต.สายด่วนมาบอกว่า ห้ามพูดแบบนี้ “บังเอิญผมชอบพูดเรื่องไม่จริง เพราะเรื่องจริงมันเกินกว่าที่พูด” เขา พูดติดตลก
ทุกคนจะเริ่มเห็นศักยภาพของกองทุนรวม WHAPF ตั้งแต่สิ้นปี 2556 นอกจากในแง่ของ “กำไร” ที่โดดเด่น ในฟากของ “รายได้” รับรองไม่น้อยหน้าเช่นกัน โดยคาดว่า สิ้นปี 2556 จะมีรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้กำไรจากการสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมประมาณ 4,537 ล้านบาท ผ่านมา 9 เดือน เรามีรายได้รวมประมาณ 2,447 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 173.95 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2557 อาจมีรายได้เติบโตประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รับรวมรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม แต่คิดเพียงพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าที่อาจขยายตัวเพิ่มอีก 300,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นการปล่อยให้ลูกค้าเดิมเช่า 70 เปอร์เซ็นต์ และลูกค้าใหม่ 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยังมีรายได้จากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของพื้นที่คลังสินค้าจะทำให้สิ้นปี 2556 เรามีพื้นที่คลังสินค้าทั้งสิ้น 900,000 ตารางเมตร
“หมอสมยศ” วิเคราะห์ราคาหุ้น WHA ว่า ที่ผ่านมาไม่เคยคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะพุ่งพรวดอย่างนี้ แต่ผลตอบรับที่ดีอาจเกิดจากนักลงทุนมองเห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของเรา แถมผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่องแบบมีคุณภาพ นักลงทุนคนไหนต้องการเข้ามา “เก็งกำไร” ในหุ้น WHA อย่ามาเลย แต่หากต้องการลงทุน “ระยะยาว” เพื่อรับเงินปันผลสม่ำเสมอต รงเข้ามาเลย เขาเชื้อเชิญ
ก่อนหน้านี้บริษัทเดินสายนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนต่างประเทศฟังหลายแห่ง ส่วนใหญ่เขา “ชื่นชอบ” หุ้น WHA เพราะเราเติบโตสม่ำเสมอ และมีจุดยืนชัดเจน ปัจจุบันเรามีนักลงทุนสถาบันถือหุ้นประมาณ 15-17 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมาบริษัทจะยึดปัจจัย 4 ประการในการทำงาน ข้อแรก ทำงานแข่งกับตัวเอง ข้อสอง ทำงานแบบครบวงจร หรือ Total Solutions ด้วยการคำนึงถึงผลระยะยาว ข้อสาม ต้องมีงานวิจัยและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ข้อสุดท้าย ต้องนำเรื่องเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน หรือ Green Technology เข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ
“หัวใจหลัก” ของบริษัท คือ คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ หากถามถึง “จุดเด่น” เราถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาและให้เช่าและบริการโครงการคุณภาพสูงที่ออกแบบมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Built-to-Suit) และคลังสินค้า Warehouse Farm
“หมอสมยศ” เล่าถึง แผนธุรกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า (2557-2558) ให้ฟังว่า รายได้ค่าเช่าและค่าบริการต้องมีสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม เราต้องบาลานซ์สัดส่วนให้เท่าๆกัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันรายได้ค่าเช่าและบริการคิดเป็น 30-35 เปอร์เซ็นต์ ปี 2557 น่าจะขยับเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ และ 50 เปอร์เซ็นต์ในปีถัดไป
ปัจจุบันเรากำลังเจรจากับพันธมิตรที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทย เพื่อร่วมกันทำธุรกิจ แต่ลักษณะการร่วมทุนจะไม่เหมือนกับการที่เราจับมือกับ “กลุ่มเคพีเอ็น” ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ ต้นปี 2557 คงได้ข้อสรุป ส่วนแผนเกี่ยวก้อยกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อไปสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศคงชัดเจนปีหน้าเช่นกัน
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเป็นผลดีต่อเมืองไทย เราเองมีความสนใจจะเข้าไปทำงานร่วมกับลูกค้าในประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา-ลาว-พม่า-เวียดนาม) โดยหลักการยังคงดำเนินธุรกิจคลังสินค้าแบบ Built-to-suit ตอนนี้กำลังคุยกับลูกค้าในพม่า และเวียดนาม แต่ในส่วนของเวียดนามอาจต้องชะลอออกไปก่อน “อดีตหมอสูตินารีแพทย์” วัย 53 ปี ปิดท้ายบทสนทนา
"1 บวก 1 มากกว่า 3" ทฤษฎีโต "สมยศ อนันตประยูร"WHA
“ผมไม่เคยมองว่า ปีหน้าจะลงมือทำอะไร แต่มักจะมองเป็น 1 สเต็ป 2 สเต็ป และ 3 สเต็ป ผมเปรียบการทำธุรกิจเหมือนกำลังเล่นหมากฮอส ผมจะไม่กินแค่ตัวเดียว แต่จะกิน 3 ตัวรวด เพื่อเข้าฮอส” ประโยคเด็ดของ “นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร” เจ้าของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA
คำพูดนี้ ถูกพิสูจน์แล้วว่า “อดีตหมอด้านสูตินารีเวช” โรงพยาบาลศิริราช ทำได้จริง เห็นได้จากราคาหุ้น WHA นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.2555 ซึ่งเป็นวันแรกที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในราคา IPO 13.25 บาทต่อหุ้น ผ่านมา 1 ปี ราคาพุ่งกระฉูดมาซื้อขายเฉลี่ย 37 บาท เคยขึ้นไปสัมผัส “จุดสูงสุด” 62.75 บาท ตัวเลข ณ วันที่ 18 ก.พ.2556
นอกจากนั้นยังถูกการันตี ด้วย “แผนเติบโตทางอ้อม” หลังบริษัทขายสินทรัพย์เข้า “กองทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์” หรือ WHAPF ปัจจุบันกองทุนมีขนาดโครงการประมาณ 9,308 ล้านบาท ที่ผ่านมามีการลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานรวมแล้ว 9 โครงการ อาทิเช่น โครงการคลังสินค้า 7 แห่ง, อาคารคลังสินค้า DKSH หรือดีทแฮล์มเดิม 4 แห่ง และโครงการโรงงาน 2 แห่ง
ที่ผ่านมากองทุนรวมดังกล่าวมีรายได้จากค่าเช่าอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานอย่างสม่ำเสมอ และยังมีการจ่ายเงินปันผลมาแล้ว 11 ครั้ง อัตราการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 2.0692 บาทต่อหน่วย โดยมีอัตราการจ่ายปันผลในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาประมาณ 7.20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี มูลค่าเงินปันผลรวมแล้วประมาณ 651 ล้านบาท
“1 บวก 1 ต้องไม่ต่ำกว่า 3” นั่นคือ เป้าหมายในการทำธุรกิจของผม วันนี้หมดสมัยที่เราจะเติบโตด้วยตัวคนเดียวแล้ว เราต้องมีเพื่อนเก่งๆ” “หมอสมยศ อนันตประยูร” ชายผู้ลงมือทำคลอดให้ภรรยาด้วยตนเอง พูดในงานแถลงข่าว ท่ามกลางอากาศเย็นบนเขาใหญ่
ก่อนจะอธิบายให้เห็นภาพเพิ่มเติมว่า “ผมคิดเรื่องการทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) มานาน 3 ปีแล้ว เราเตรียมตัวเรื่องนี้มานาน ฉะนั้นไม่แปลกที่นักลงทุนจะเห็นเราจับมือทำธุรกิจกับ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL รวดเร็ว เพื่อร่วมกันประมูลงาน Solar Roof โดยเราถือหุ้น 75 เปอร์เซ็นต์ และ GUNKUL ถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์”
การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯก็เช่นเดียวกัน เราคิดมานานแล้ว โดยจะพยายามเพิ่มพื้นที่เข้ากองทุนปีละประมาณ 100,000 ตารางเมตร กว่าจะมีกองทุนรวมเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษากองทุนรวมของต่างประเทศ อาทิเช่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศออสเตรียนานกว่า 5 ปี เพราะคิดว่าอีกไม่นานกองทุนรวมจะต้องเข้ามาในเมืองไทย สุดท้ายก็เกิดขึ้นจริงๆ
“ผมมักถูกที่ประชุมตั้งคำถามว่า อีกกี่ปี่กองทุนรวมจะแตะ “หมื่นล้านบาท” ตอนจัดตั้งกองทุนรวมใหม่ๆตอบไปว่า อีก 5 ปีข้างหน้า แต่สุดท้ายใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก ด้วยความที่เป็น “คนไม่ชอบเสี่ยง” ฉะนั้นการลงทุนส่วนตัวจึงชอบซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาผลตอบแทนเฉลี่ย 3-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี” “สมยศ” ชายผู้ไม่มีชื่อเล่น เล่าให้ฟัง
เขา บอกว่า สิ้นปี 2556 เราอาจมี “กำไรสุทธิ” เติบโต 500 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท ที่ผ่านมาเคยพูดตัวเลขนี้ให้สื่อมวลชนฟังแล้ว หลังจากข่าวถูกเผยแพร่ เช้าวันรุ่งขึ้นสำนักงานก.ล.ต.สายด่วนมาบอกว่า ห้ามพูดแบบนี้ “บังเอิญผมชอบพูดเรื่องไม่จริง เพราะเรื่องจริงมันเกินกว่าที่พูด” เขา พูดติดตลก
ทุกคนจะเริ่มเห็นศักยภาพของกองทุนรวม WHAPF ตั้งแต่สิ้นปี 2556 นอกจากในแง่ของ “กำไร” ที่โดดเด่น ในฟากของ “รายได้” รับรองไม่น้อยหน้าเช่นกัน โดยคาดว่า สิ้นปี 2556 จะมีรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้กำไรจากการสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมประมาณ 4,537 ล้านบาท ผ่านมา 9 เดือน เรามีรายได้รวมประมาณ 2,447 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 173.95 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2557 อาจมีรายได้เติบโตประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รับรวมรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม แต่คิดเพียงพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าที่อาจขยายตัวเพิ่มอีก 300,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นการปล่อยให้ลูกค้าเดิมเช่า 70 เปอร์เซ็นต์ และลูกค้าใหม่ 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยังมีรายได้จากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของพื้นที่คลังสินค้าจะทำให้สิ้นปี 2556 เรามีพื้นที่คลังสินค้าทั้งสิ้น 900,000 ตารางเมตร
“หมอสมยศ” วิเคราะห์ราคาหุ้น WHA ว่า ที่ผ่านมาไม่เคยคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะพุ่งพรวดอย่างนี้ แต่ผลตอบรับที่ดีอาจเกิดจากนักลงทุนมองเห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของเรา แถมผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่องแบบมีคุณภาพ นักลงทุนคนไหนต้องการเข้ามา “เก็งกำไร” ในหุ้น WHA อย่ามาเลย แต่หากต้องการลงทุน “ระยะยาว” เพื่อรับเงินปันผลสม่ำเสมอต รงเข้ามาเลย เขาเชื้อเชิญ
ก่อนหน้านี้บริษัทเดินสายนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนต่างประเทศฟังหลายแห่ง ส่วนใหญ่เขา “ชื่นชอบ” หุ้น WHA เพราะเราเติบโตสม่ำเสมอ และมีจุดยืนชัดเจน ปัจจุบันเรามีนักลงทุนสถาบันถือหุ้นประมาณ 15-17 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมาบริษัทจะยึดปัจจัย 4 ประการในการทำงาน ข้อแรก ทำงานแข่งกับตัวเอง ข้อสอง ทำงานแบบครบวงจร หรือ Total Solutions ด้วยการคำนึงถึงผลระยะยาว ข้อสาม ต้องมีงานวิจัยและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ข้อสุดท้าย ต้องนำเรื่องเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน หรือ Green Technology เข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ
“หัวใจหลัก” ของบริษัท คือ คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ หากถามถึง “จุดเด่น” เราถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาและให้เช่าและบริการโครงการคุณภาพสูงที่ออกแบบมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Built-to-Suit) และคลังสินค้า Warehouse Farm
“หมอสมยศ” เล่าถึง แผนธุรกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า (2557-2558) ให้ฟังว่า รายได้ค่าเช่าและค่าบริการต้องมีสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม เราต้องบาลานซ์สัดส่วนให้เท่าๆกัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันรายได้ค่าเช่าและบริการคิดเป็น 30-35 เปอร์เซ็นต์ ปี 2557 น่าจะขยับเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ และ 50 เปอร์เซ็นต์ในปีถัดไป
ปัจจุบันเรากำลังเจรจากับพันธมิตรที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทย เพื่อร่วมกันทำธุรกิจ แต่ลักษณะการร่วมทุนจะไม่เหมือนกับการที่เราจับมือกับ “กลุ่มเคพีเอ็น” ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ ต้นปี 2557 คงได้ข้อสรุป ส่วนแผนเกี่ยวก้อยกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อไปสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศคงชัดเจนปีหน้าเช่นกัน
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะเป็นผลดีต่อเมืองไทย เราเองมีความสนใจจะเข้าไปทำงานร่วมกับลูกค้าในประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา-ลาว-พม่า-เวียดนาม) โดยหลักการยังคงดำเนินธุรกิจคลังสินค้าแบบ Built-to-suit ตอนนี้กำลังคุยกับลูกค้าในพม่า และเวียดนาม แต่ในส่วนของเวียดนามอาจต้องชะลอออกไปก่อน “อดีตหมอสูตินารีแพทย์” วัย 53 ปี ปิดท้ายบทสนทนา