วันนี้ไปติวข้อสอบเข้ากระทรวงต่างประเทศมา ได้ความรู้มาเพียบ

กระทู้สนทนา
ประเด็นที่1 เจ้าหน้าที่ที่มาบรรยาย พูดถึงการเดินสายไปต่างประเทศของยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะประเทศในแอฟริกาและประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ด้วยเหตุผลเพื่อเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะกับพวกประเทศแอฟริกาชื่อไม่คุ้นหูทั้งหลาย ที่เศรษฐกิจกระเตื้อง และพร้อมที่จะใช้จ่ายเงินที่มีกับประเทศไทย แทนที่ยุโรปซึ่งเศรษฐกิจกำลังแย่ (ยกตัวอย่างเช่น แซมเบีย,บอตสวานา,อิเควทอเรียลกินี รวมทั้งประเทศเซเชลล์ที่ยกเลิกวีซ่าให้ไทย) ส่วนประเทศอดีตสหภาพโซเวียตก็ได้แก่ประเทศ ทาจิกิสถานและคาซัคสถาน ประเทศพวกนี้ คนไม่รู้อาจมองว่าเป็นประเทศโลกที่3 แต่แท้จริงแล้ว การเข้าไปลงทุนของจีนทำให้เศรษฐกิจชาติเหล่านี้กระเตื้อง ดังนั้น ไทยจึงต้องเปิดการเจรจาทวิภาคีกับประเทศเหล่านี้บ่อยๆ (เจ้าหน้าที่ที่บรรยายไม่ได้พูดในลักษณะอวยยิ่งลักษณ์หรอก แค่เล่าประสบการณ์มาว่าการทำงานของพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง แต่ผมรู้สึกว่า อันนี้มันตอบข้อกล่าวหาว่ายิ่งลักษณ์โดดสภาไปเที่ยวเมืองนอกได้เป็นอย่างดี)

ประเด็นที่2 เจ้าหน้าที่พูดว่า "ดิฉันไม่ขอออกความเห็น ว่าคุณสุเทพทำถูกหรือทำผิด แต่ทุกครั้งที่มีม็อบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง ม็อบนกหวีด รัฐประหาร กบฏ หรืออะไรก็ตาม ทุกครั้งเราต้องมาเริ่มนับ1ใหม่หมด ในเรื่องการสร้างความเชื่อถือให้กับต่างชาติในการเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนในประเทศไทย"

ประเด็นที่3 เจ้าหน้าที่บอกว่า พื้นที่เขาพระวิหาร ไม่ได้ครอบคลุมถึงพื้นที่ทางทะเล และแน่นอนว่าไม่มีแหล่งพลังงานอยู่ในพื้นที่4.6ตารางกิโลเมตร แน่นอนว่าจะต้องมีการเจรจากันอีก ในเวลาที่เหมาะสม อาจไม่ใช่ปีสองปีนี้ แต่อาจเป็น10ปี 20ปี หรือ50ปีก็ได้ แต่ชาวบ้านในพื้นที่แถบนั้น เขาคือญาติมิตรพี่น้องกัน เขาไม่สนว่าตัวเองจะเป็นคนไทยหรือคนเขมร คนเขมรบางคนมีพ่อเป็นคนไทย คนไทยบางคนมีพ่อเป็นคนเขมร ใครจะปักปันดินแดนยังไง เขาก็จะอยู่ตรงนั้น ทำมาหากินตรงนั้น เป็นคนพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สบายใจ ถ้าหากคนในกรุงเทพหรือพนมเปญพยายามจะปลุกปั่นให้เขาต้องเป็นศัตรูกันเอง (แน่นอนว่าคนศรีสะเกษย่อมผูกพันกับคนภูมิซรอลมากกว่าคนกรุงเทพ คนภูมิซรอลต้องผูกพันกับคนศรีสะเกษมากกว่าคนพนมเปญเป็นเรื่องธรรมดา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่