โรแมนติกแฟนตาซี : อาเดรียน่า บทที่ 5-6

กระทู้สนทนา
*** ไม่ได้เข้าพันทิบมาเสียนานเพราะลืมรหัสผ่านแถมเมลเก่ายังใช้ไม่ได้ กว่าจะเปลี่ยนเมลกว่าจะขอรหัสผ่านได้ปาไปเกือบ 2 เดือน แทบลงแดง วันนี้เลยเข้ามาต่องานเขียนที่ลงค้างไว้ค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เสียงฝีเท้าลงพื้นหนักๆ อย่างเร่งรีบพร้อมด้วยเสียงร้องเรียกดังแว่วมาจนเทเลอัสและซาลาคลอสต้องหยุดเดิน หันกลับไปยังด้านหลัง จึงได้เห็นภาพของนางข้าหลวงพี่เลี้ยงวิ่งไล่ตามหลังผู้เป็นนายหญิง ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อฟังคำร้องห้ามเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าหญิง! ทำเช่นนี้ไม่ดีนะเพคะ ดูไม่งามเลย!”

ร่างบางของเจ้าหญิงคัสซันดร้า พระธิดาพระองค์เล็กของกษัติย์แห่งแคว้นเซพิรัสหยุดลงตรงหน้าบุรุษทั้งสอง พระปรางค์นวลบัดนี้ขึ้นสีชมพูระเรื่อด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“ท่าน...”เสียงหวานเอ่ยเรียกแผ่วสั่น พลางมองไปยังเสนาบดีกลาโหมและหัวหน้าราชองครักษ์ที่กำลังค้อมศรีษะลงต่ำทำความเคารพ “กลับมาจากชายแดน...แล้วเหรอ”

“พ่ะย่ะค่ะ”เทเลอัสตอบ เหลือแลไปยังนางข้าหลวงที่นั่งคุกเข่าอยู่ห่างออกไป สีหน้าท่าทางนั้นแสดงออกชัดว่าอึดอัดและไม่สบายใจอย่างยิ่ง “หากองค์หญิงมีพระประสงค์จะพบกระหม่อม น่าจะทรงให้ทหารมาตาม -- ทรงทำเช่นนี้พวกนางข้าหลวงจะพลอยลำบากไปด้วย”

นางข้าหลวงผู้ติดตามค้อมศรีษะให้แทนคำขอบคุณ ยังผลให้ใบหน้าของเจ้าหญิงรูปงามงอง้ำ

“แค่ออกมาจากตำหนักเพื่อคุยกับท่าน หญิงไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องไม่งามตรงไหน”เจ้าหญิงกล่าว พลางเหวียวกลับไปยังนางข้าหลวงด้วยสายตาคาดโทษ “ไม่ได้แอบนัดพบตามลำพังในที่ลับหูลับตาเสียหน่อย”

“แต่ตามมารยาทปฏิบัติที่ถูกต้อง หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนและมีฐานันดรสูงศักดิ์ดั่งเช่นเจ้าหญิงมิควรออกมาพบพูดคุยกับผู้ชายในลักษณะที่ทรงกระทำอยู่เช่นนี้”เทเลอัสทูลตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายๆ กับสั่งสอนเตือนสติ “แม้องค์กษัติย์และพระราชินีจะไม่ได้เอ่ยรับสั่งตำหนิ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าหญิงจะทรงละลเยเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้”

“ถ้ามัวแต่ทำตามทำเนียมปฏิบัติ คนหาเวลาว่างแทบไม่ได้เช่นท่านจะมาพบหญิงได้อย่างไร”เจ้าหญิงกล่าวตัดพ้อ นันย์ตาสีน้ำตาลมีประกายดื้อรั้น “หญิงมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับท่าน”

เทเลอัสมีสีหน้าประหลาดใจ “เรื่องใดหรือกระหม่อม”

“เรื่องนักโทษหญิงที่ท่านจับมาได้ – สายของกอรินธ์” เจ้าหญิงเอ่ยอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อน ราวกับไม่แน่ใจว่าควรสนทนาเรื่องนี้ต่อหรือไม่ แต่สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายชนะ “หญิงได้ยินหลายคนในวังพูดกันว่า นาง...เอ่อ...สวย”

นัยน์ตาคู่คมของเทเลอัสกระตุกเพียงเล็กน้อน แต่ยังคงยืนนิ่ง รอฟังเจ้าหญิงคัสซันดร้าต่ออย่างใจเย็น ในขณะที่ซาลาคลอสนั้นต้องเม้นริมฝีปากเพื่อปิดบังรอยยิ้ม

“จริงดั่งที่เขาพูดกันหรือเปล่า”

เทเลอัสถอนหายใจ เอ่ยตอบสั้นๆ “พ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าหญิงคัสซันดร้ากระพริบตาปริบ ถามต่อเสียงแผ่วหวิวราวกับกระซิบ “สวยมากไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านอย่าเอาแต่ตอบว่าพ่ะย่ะค่ะๆ สิ แบบนั้นหญิงก็ไม่รู้เรื่องอะไรที่แน่ชัดกว่าเดิมสักที”เจ้าหญิงพูดอย่างขัดเคืองใจ “หญิงจะเปลี่ยนคำถาม แล้วท่านต้องตอบให้ชัดเจน ห้ามโกหกด้วย”

เทเลอัสค้อมศรีษะ รอฟังคำถาม

“ในสายตาท่าน นักโทษหญิงคนนั้น...สวยมากไหม”

ชายหนุ่มผู้ถูกถามทำเพียงแค่ค้อมศรีษะลงเล็กน้อยแทนคำตอบ โดยมีสายตาล้อเลียนของซาลาคลอสคอยลอบชำเลืองส่งมาให้อยู่ตลอดเวลา

“มากขนาดไหน”เจ้าหญิงถามต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เทเลอัสหยุดคิดหาคำตอบอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนเอ่ยบอก “หากเทียบกับหญิงทั้งหมดที่กระหม่อมเคยพบมา”สีหน้าและน้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่สื่ออารมณ์ใดๆทั้งสิ้น “นางคือคนที่สวยที่สุด”

“หา!!”

นางข้าหลวงที่นั่งเงียบมาตลอดเผลอหลุดอุทานอย่างลืมตัว เมื่อได้ยินคำตอบนั้น นางจึงรีบก้มศรีษะ ปากเอ่ยขออภัยเป็นการใหญ่ ในขณะที่เจ้าหญิงคัสซันดร้านั้นได้แต่ยืนนิ่ง รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ

เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเงียบของอีกฝ่าย เทเลอัสจึงเอ่ยถามขึ้น

“ที่องค์หญิงสนพระทัยในตัวนักโทษหญิงคนนั้น มีเพียงเรื่องความสวยงามมากน้อยเพียงไหนเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ใช่! ไม่ใช่อย่างนั้น”เจ้าหญิงรีบปฎิเสธ “หญิงแค่เริ่มถามจากเรื่องที่นางถูกพูดถึงมากที่สุด”ทั้นทีที่พูดจบ เจ้าหญิงก็รู้ได้ทันทีว่าตนทำพลาดไปเสียแล้ว เพราะใบหน้าที่เคยสุขุมไม่สื่อารมร์ใดๆ ของเสนาบดีกลาโหม แปรเปลี่ยนเป็นขึงตึงในทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

“กระหม่อมสงสัยมาตลอดว่าเพราะเหตุใดราชครูแห่งกอรินธ์ถึงได้ส่งสายลับที่แสนจะอ่อนแอเช่นนั้นมาทำงานใหญ่ เพิ่งจะกระจ่างก็วันนี้เอง”เสนาบดีกลาโหมพูดเสียงขุ้น หันไปส่งนัยน์ตาดุให้ซาลาคลอสที่ยืนกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น “เจ้าก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ด้วยสิ”

ซาลาคลอสยักไหล่ พร้อมส่งรอยยิ้มกว้าง “ข้าจะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร ในเมื่อท่านเสนาฯกลาโหมเองยังยอมรับ ว่านางคือหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา”

เทเลอัสขบฟันแน่น รู้สึกถึงลมหายใจของตนที่ร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟ เขาหันไปมองเจ้าหญิงคัสซันดร้าที่ยืนกระสับกระส่ายสีหน้าปั้นยาก แล้วเอ่ยเสียงแข็งอย่างรวดเร็ว

“ไม่ว่าจะอย่างไรนักโทษผู้นั้นก็ถือว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อแคว้นเซเพรัส กระหม่อมจึงอยากให้เจ้าหญิงใส่พระทัยกับเรื่องนี้ให้มาก ที่สำคัญอย่าได้ทรงแม้แต่จะคิดไปพบเจอนาง”

เจ้าหญิงคัสซันดร้าสะดุ้ง เมื่อได้ยินคำกล่าวอย่างรู้เท่าทันนั้นของเทเลอัส ซึ่งขณะนี้เขากำลังจ้องมองมาด้วยสายตาที่คมกริบแน่นิ่งจนน่าหวากเกรง

“คือ...หญิง -- ท่านเทเลอัส”เจ้าหญิงอึกอัก ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างกระวนกระวาย “หญิงขอโทษ”

เทเลอัสค่อยๆ ถอนหายใจยาว หากแต่ใบหน้ายังคงขึงตึงขณะที่ก้มศรีษะทำความเคารพ ก่อนจะหมุนตัวหันกลับเดินจากไป ทิ้งให้เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ใจหายวาบ ใบหน้าหม่นราวกับจะร้องไห้

“อย่าทรงตำหนิพระองค์เองเลย เทเลอัสไม่ได้โกรธเจ้าหญองหรอก”

เจ้าหญิงคัสซันดร้ามองใบหน้ายิ้มระรื่นของหัวหน้าราชองครักษ์ที่เอ่ยปลอบ หากแต่คำพูดเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกใจชื้นเลยสักนิด

“นั่นน่ะเหรอท่าทางของคนไม่โกรธ หญิงไม่เชื่อหรอก”

“พ่ะย่ะค่ะ นั่นคือท่าทางของคนโกรธ แต่เมื่อครู่กระหม่อมทูลว่าเทเลอัสไม่ได้โกรธเจ้าหญิง”ซาลาคลอสรีบขยายความต่อเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเจ้าหญิงคัสซันดร้า “แต่เขากำลังโกรธตัวเองอยู่ต่างหาก”

นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววงุนงงอย่างไม่อาจเข้าใจในคำอธิบายนั้น

“อย่าได้ทรงตำหนิพระองค์เองหรือว้าวุ่นพระทัยไปเลย เพราะเจ้าหญิงไม่ใช่ต้นเหตุ แต่…”

“แต่อะไรหรือ”เจ้าหญิงรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้ายุงยากใจของอีกฝ่าย

“ตัวต้นเหตุที่แท้จริงแล้วไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลย แต่ดูท่าทางจะต้องลำบากน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆนัยน์ตาของซาลาคลอสลุกวาวขึ้น ก่อนอุทานอย่างตื่นตระหนก “ไม่ได้การแล้ว!”

เจ้าหญิงคัสซันดร้าที่ยังไม่ได้รับคำตอบอันชัดเจนได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของหัวหน้าราชองครักษ์ที่รีบร้อนเดินจากไป พร้อมกับเหตุผลที่ว่าต้องไปจัดการภารกิจเร่งด่วน



~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่