ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่านข้อความนี้อย่างเป็นกลางที่สุด
ที่พูดถึงเรื่องการเมืองไม่ได้จะเข้าข้างฝ่ายไหนเป็นสำคัญ เพราะไม่ใช่พวกฝักใฝ่ใจคดทรยศชาติที่จะมีใจเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สืบเนื่องจากเป้าประสงค์ตลอดถึงเจตนาทางการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างไม่ลดลาวาศอก เมื่อเลือกที่จะก้าวข้ามศีลธรรมอันดีของสังคม เมื่อเลือกที่จะหมดศรัทธาในรัฐธรรมนูญของชาติ เมื่อเลือกที่จะมองข้ามความเป็นอารยะแห่งตน อารยะของสังคม ตลอดถึงอารยะของชาติ แต่ได้โปรดอย่าละเลยต่ออนาคตของชาติ และอย่าก้าวข้ามหรือมองผ่านอธิปไตยแห่งรัฐตน
ในขณะที่บางคนทำตัวอยู่สูงเทียมฟ้า แต่ไม่อาจมองเห็นพื้นดิน
ในขณะที่บางคนต่ำเตี้ยเลี่ยดิน แต่ไม่อาจเงยหน้ามองฟ้า
ในขณะที่บางคนปัญญามากมาย แต่ไม่เคยคิดช่วยผู้อื่น
ในขณะที่บางคนปัญญาน้อยนิด แต่กลับคิดแบ่งปัน
ในขณะที่บางคนทำตัวโก้หรู แต่ไม่เคยเหลียวมองรากเหง้าแห่งตน
ในขณะที่บางคนข้นแค้นยากจน แต่ก็ไร้คนให้พึ่งพิง
ในขณะที่บางคนคุณวุฒิสูงขึ้น แต่ใจกลับทรามลง
ในขณะที่บางคนถูกมองข้าม แต่กลับเป็นพื้นฐานให้สังคม
ในขณะที่บางคนอ้างความถูกต้อง แต่ไม่เคยนึกถึงความผิดของตน
ในขณะที่บางคนรับผิดของตน แต่ไม่เห็นมีใครสรรเสริญว่าดี
ในขณะที่บางคนเอาพวกแห่งตนเป็นหลัก แต่กลับผลักไสผู้อื่น
ในขณะที่บางคนช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับไร้ผู้ค้ำจุน
ในขณะที่บางคนยอมเชื่อผู้อื่น แต่กลับลืมความดีของใจตน
ในขณะที่บางคนทำดีตามใจตน แต่กลับไร้คนเหลียวแล
ในขณะนี้ ในขณะนั้น หรือไม่ว่าจะในขณะไหนๆ....ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ...ทำไมปุถุชนส่วนใหญ่ถึงยอมให้กิเลสครอบงำใจตน
แต่จงเชื่อเถอะ ในทุกๆขณะจิต...ทุกๆการกระทำ...ทุกๆวาทกรรม...ของทุกๆท่าน ช่างน่าเป็นห่วงนัก ที่ดวงตาใสๆนับล้านดวง แก้วหูใสๆนับล้านใบ
กลับต้องมาขึ้นอยู่กับอิทธิพลทางการกระทำและวาทกรรมของทุกๆท่าน ที่จะเป็นเครื่องชี้นำ เปลี่ยนแปลง ดวงใจใสๆนับล้านดวง และกล่องเสียงใสๆนับล้านใบ ให้เป็นไปตามที่ทุกๆท่านได้กำหนด เพราะทุกๆท่านล้วนเป็นแบบอย่างให้แก่ดวงตา แก้วหู ดวงใจ และกล่องเสียงเหล่านั้นทั้งสิ้น
หากเป็นดั่งที่กล่าวข้างต้นแล้ว
จริงหรือไม่ ที่อนาคตของชาติจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันไปอย่างไม่จบไม่สิ้น
จริงหรือไม่ ที่อนาคตของชาติจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ จนเกินกว่าสิทธิเสรีภาพขั้นมูลฐานที่พวกเขาควรจะได้รับอย่างไม่จบไม่สิ้น
และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าสงสาร สมเพช และสังเวชใจในความเป็นชาติยิ่งนัก
ในฐานะที่ทุกๆท่านแม้จะต่างอุดมการณ์ ต่างฐานะ ต่างความคิด แต่ก็ต่างมีความรับผิดเช่นเดียวกัน ในการรวมกันกำหนดชะตากรรมตลอดถึงอนาคตของชาติในภายหน้า
ฉะนั้นแล้วจงเชื่อมั่นและศรัทธา ในชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ของบ้านเมืองเราเถิด หากเราเองยังไม่เชื่อและไม่ศรัทธา อธิปไตยแห่งรัฐจะยังคงอยู่ได้อย่างไร ตลอดถึงอนาคตแล้วบ้านเมืองเราจะเป็นอารยะได้อย่างไร(นั่นหมายรวมถึงความเชื่อมั่นและความศรัทธาในองค์ประกอบของความเป็นชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ด้วยเช่นกัน)
อนาคตของชาติจะเป็นเช่นไร?
ที่พูดถึงเรื่องการเมืองไม่ได้จะเข้าข้างฝ่ายไหนเป็นสำคัญ เพราะไม่ใช่พวกฝักใฝ่ใจคดทรยศชาติที่จะมีใจเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สืบเนื่องจากเป้าประสงค์ตลอดถึงเจตนาทางการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างไม่ลดลาวาศอก เมื่อเลือกที่จะก้าวข้ามศีลธรรมอันดีของสังคม เมื่อเลือกที่จะหมดศรัทธาในรัฐธรรมนูญของชาติ เมื่อเลือกที่จะมองข้ามความเป็นอารยะแห่งตน อารยะของสังคม ตลอดถึงอารยะของชาติ แต่ได้โปรดอย่าละเลยต่ออนาคตของชาติ และอย่าก้าวข้ามหรือมองผ่านอธิปไตยแห่งรัฐตน
ในขณะที่บางคนทำตัวอยู่สูงเทียมฟ้า แต่ไม่อาจมองเห็นพื้นดิน
ในขณะที่บางคนต่ำเตี้ยเลี่ยดิน แต่ไม่อาจเงยหน้ามองฟ้า
ในขณะที่บางคนปัญญามากมาย แต่ไม่เคยคิดช่วยผู้อื่น
ในขณะที่บางคนปัญญาน้อยนิด แต่กลับคิดแบ่งปัน
ในขณะที่บางคนทำตัวโก้หรู แต่ไม่เคยเหลียวมองรากเหง้าแห่งตน
ในขณะที่บางคนข้นแค้นยากจน แต่ก็ไร้คนให้พึ่งพิง
ในขณะที่บางคนคุณวุฒิสูงขึ้น แต่ใจกลับทรามลง
ในขณะที่บางคนถูกมองข้าม แต่กลับเป็นพื้นฐานให้สังคม
ในขณะที่บางคนอ้างความถูกต้อง แต่ไม่เคยนึกถึงความผิดของตน
ในขณะที่บางคนรับผิดของตน แต่ไม่เห็นมีใครสรรเสริญว่าดี
ในขณะที่บางคนเอาพวกแห่งตนเป็นหลัก แต่กลับผลักไสผู้อื่น
ในขณะที่บางคนช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับไร้ผู้ค้ำจุน
ในขณะที่บางคนยอมเชื่อผู้อื่น แต่กลับลืมความดีของใจตน
ในขณะที่บางคนทำดีตามใจตน แต่กลับไร้คนเหลียวแล
ในขณะนี้ ในขณะนั้น หรือไม่ว่าจะในขณะไหนๆ....ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ...ทำไมปุถุชนส่วนใหญ่ถึงยอมให้กิเลสครอบงำใจตน
แต่จงเชื่อเถอะ ในทุกๆขณะจิต...ทุกๆการกระทำ...ทุกๆวาทกรรม...ของทุกๆท่าน ช่างน่าเป็นห่วงนัก ที่ดวงตาใสๆนับล้านดวง แก้วหูใสๆนับล้านใบ
กลับต้องมาขึ้นอยู่กับอิทธิพลทางการกระทำและวาทกรรมของทุกๆท่าน ที่จะเป็นเครื่องชี้นำ เปลี่ยนแปลง ดวงใจใสๆนับล้านดวง และกล่องเสียงใสๆนับล้านใบ ให้เป็นไปตามที่ทุกๆท่านได้กำหนด เพราะทุกๆท่านล้วนเป็นแบบอย่างให้แก่ดวงตา แก้วหู ดวงใจ และกล่องเสียงเหล่านั้นทั้งสิ้น
หากเป็นดั่งที่กล่าวข้างต้นแล้ว
จริงหรือไม่ ที่อนาคตของชาติจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันไปอย่างไม่จบไม่สิ้น
จริงหรือไม่ ที่อนาคตของชาติจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ จนเกินกว่าสิทธิเสรีภาพขั้นมูลฐานที่พวกเขาควรจะได้รับอย่างไม่จบไม่สิ้น
และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าสงสาร สมเพช และสังเวชใจในความเป็นชาติยิ่งนัก
ในฐานะที่ทุกๆท่านแม้จะต่างอุดมการณ์ ต่างฐานะ ต่างความคิด แต่ก็ต่างมีความรับผิดเช่นเดียวกัน ในการรวมกันกำหนดชะตากรรมตลอดถึงอนาคตของชาติในภายหน้า
ฉะนั้นแล้วจงเชื่อมั่นและศรัทธา ในชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ของบ้านเมืองเราเถิด หากเราเองยังไม่เชื่อและไม่ศรัทธา อธิปไตยแห่งรัฐจะยังคงอยู่ได้อย่างไร ตลอดถึงอนาคตแล้วบ้านเมืองเราจะเป็นอารยะได้อย่างไร(นั่นหมายรวมถึงความเชื่อมั่นและความศรัทธาในองค์ประกอบของความเป็นชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ด้วยเช่นกัน)