เห็นบางคนในห้องราชดำเนินยังคงเถียงกันไปมาเรื่องจำนวนคนของม็อบใครเยอะกว่ากัน ว่ากันตรงๆมันก็มากด้วยกันทั้งคู่แหละครับ ตอนปี 53 เสื้อแดงก็เยอะมากๆ ส่วนปีนี้ก็ต้องยอมให้ม็อบราชประสงค์เค้า เพราะเยอะจริงๆ

มันก็พลัดกันเยอะพลัดกันแป็คตามวาระและประเด็นทางการเมืองในช่วงเวลานั้นๆ ผมเคยไปมาแล้วทั้งสองม็อบได้เห็นคนเสื้อแดงยืนเต็มถนนราชประสงค์รำลึกถึงเหตุการณ์หน้าวัดปทุม หรือเต็ม stadium ในวันดาร์บี้แมทช์ และก็ได้เห็นม็อบหมอตุลย์และของเสธอ้ายที่จำนวนคนมีแค่หยิบมือ เพียงแต่รอบนี้เป็นหนแรกเลยครับที่ได้เห็นม็อบฝั่งตรงข้ามเสื้อแดงมีจำนวนคนที่ "มีแนวโน้ม" ว่าน่าจะมากกว่า (ไม่ได้มีสถิติหรือการคำนวนอะไรนะครับ ผมคาดคะเนจากสายตา และจำนวนคนที่มันกินระยะทาง ผมใช้มอไซด์ในการสำรวจม็อบเลยทำให้สามารถเดินทางสำรวจม็อบได้คลอบคลุม) คนไปถ่ายรูปที่ม็อบตอนเช้าตอนกลางวันคนมันก็น้อยแต่ช่วงกลางคืนที่ราชประสงค์เยอะมากขึ้นเรื่อยๆครับ

ผมคิดว่าช่วงนี้ นปช ไม่ควรชุมนุมหรือระดมคนกันเข้ามาเพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันปะทะกันขึ้น (จะด้วยสถานการณ์พาไป หรือเกิดจากมือที่สามก็แล้วแต่) รัฐบาลเสียเปรียบเต็มๆ ยิ่งหากเสื้อแดงเริ่มก่อน (จะโดยตั้งใจหรือเป็นแดงเทียมมาจุดชนวนก็แล้วแต่) รัฐบาลปิดประตูแพ้แน่นอน จะแพ้โดยม็อบราชประสงค์หรือทหารออกมาก็สุดแล้วแต่จะคิด

แต่นี่มันก็ระบอบประชาธิปไตยจะเสื้ออะไร เชียร์ใคร ทุกคนก็มีสิทธิออกมาชุมนุมกันได้ตาม "ระบอบประชาธิปไทย" แต่ผมว่าเกมนี้ ปชป เค้าวางสนุ๊กรอไว้อยู่แล้ว คิดดูละกันขนาดช่องทางในการยุบสภายังถูกปิดตายไปเลย พกใจฮึกเหิมออกมาตามแกนนำ นปช ที่เพิ่งรับไม้จากรัฐบาลมาสดๆร้อนๆ ผมว่าเสี่ยงต่อการตกหลุมพรางที่เราอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้ อย่าลืมนะครับว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ปชป พันธมิตร คปท หน้ากากขาว เสื้อหลากสี และกลุ่มนายทุน เค้าต้องวางแผนกันมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ไม่งั้นอะไรๆมันจะเกิดขึ้นได้เป๊ะๆ ตามที่กำนันสุเทพแกพูดได้ชนาดนี้เชียวหรือ

เค้าต้องมั่นใจว่าชนะแน่ๆ ถึงได้ประกาศว่าหากแพ้จะผูกคอตาย
ลุ้นดูกำนันหาทางลงดีกว่าออกไปชุมนุมแล้วเสี่ยงเดินเกมพลาดกลายเป็น liability ของรัฐบาลครับ