(บางท่านอาจอ่านแล้ว ขอลงอีกครั้ง)
ความผิดที่แท้จริง : หนุ่มเมืองจันท์
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 15:00:55 น.
หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook.com/boycitychanFC
ความผิดที่แท้จริง
ในห้องรูปไข่ ที่ทำเนียบขาว มีกล่องแก้วตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟ
ภายในกล่องบรรจุหินก้อนหนึ่งที่ "นีล อาร์มสตรอง" นำกลับมาจากดวงจันทร์ เมื่อปี 1969 ทุกครั้งที่ทีมงานของ "บิล คลินตัน" ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
ใช้ "อารมณ์" จนเริ่มขาด "เหตุผล"
"คลินตัน" จะขัดจังหวะด้วยการชี้นิ้วไปที่กล่องแก้วแล้วบอกว่าคุณเห็นหินก้อนนั้นไหม
หินก้อนนั้นอายุตั้ง 3,600 ล้านปี
"เราทุกคนเป็นแค่ผู้ผ่านทาง เดี๋ยวก็ไปกันหมดแล้ว สงบสติอารมณ์แล้วกลับไปทำงานต่อกันดีกว่า"
"คลินตัน" เคยเป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์มาก่อน แต่พ่ายแพ้ในสมัยที่สอง
ตอนที่เขาแข่งชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
เขาทำหนังโฆษณาชุดหนึ่งเพื่อจะบอกว่าหลังการพ่ายแพ้ครั้งนั้น
เขาเดินสายคุยกับประชาชนเพื่อค้นหาความผิดพลาดของตนเอง
ตอนจบ "คลินตัน" ทิ้งประโยคเด็ด
"ตั้งแต่ผมโตขึ้นมา พ่อไม่เคยต้องตีผม 2 ครั้งสำหรับความผิดในเรื่องเดียวกัน"
ครับ "คลินตัน" ต้องการบอกชาวอาร์คันซอส์ว่าเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดซ้ำสองอย่างแน่นอน
ผมนึกถึงเรื่องนี้ตอนตีหนึ่งของวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556
นึกถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทยตั้งแต่การชุมนุมใหญ่ในปี 2548
รัฐประหาร 2549
การชุมนุมใหญ่ปี 2553 เรื่อยมาจนถึงวันนี้
นึกถึงก้อนหินจากดวงจันทร์
นึกถึงคนรุ่นต่อไป
ด้วยความหวังว่าคนไทยจะมี "สติ"...
ผมเขียนสเตตัสนี้ในเฟซบุ้ค boycitychanFC ด้วยอารมณ์แบบ "ใบเตย"
... "แน่นอก" ครับ
นึกถึงเรื่อง "ก้อนหินบนดวงจันทร์" ที่ผมเคยเขียนนานมาแล้ว
...เราเป็นแค่ผู้ผ่านทาง
...เราไม่ควรทำผิดซ้ำในเรื่องเดิมซ้ำสอง
เพราะการเมืองไทยวันนี้ก็คือ "เรื่องเดิม" ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ปัญหา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบ "เหมาเข่ง" ครั้งนี้เกิดขึ้นจาก "เรื่องเดิม"
ทุกครั้งที่ "ทักษิณ" มี "อำนาจ" ที่มากเกิน
เขาจะไม่สนใจ "วิธีการ"
สนใจแต่ "เป้าหมาย"
พอเห็น "โอกาส" ปั๊บ ก็ "ฉวย" ทันที
"ความไม่พอใจ" ของคนจำนวนมากที่ออกมาชุมนุมเป่านกหวีดกัน ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการนิรโทษกรรมให้ "ทักษิณ"
แต่ไม่พอใจเพราะพรรคเพื่อไทยใช้ "วิธีการ" ที่ฉวยโอกาส
งุบงิบแก้ไข พ.ร.บ. ในขั้นกรรมาธิการแบบ "ยัดไส้" แล้วมารีบลงมติวาระที่ 2-3 อย่างรวบรัด เสร็จตอนตีสี่
มันทำกันเกินไป
คล้ายๆ กับตอนที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา
เขาสนใจแต่ "เป้าหมาย" คือตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี"
ไม่สนใจเรื่อง "วิธีการ"
รู้ทั้งรู้ว่า "สุเทพ" ไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งเป็นการผิดหลักการประชาธิปไตย
แต่ก็ยังทำ
และนั่นคือเหตุผลที่ "ม็อบเสื้อแดง" ปลุกขึ้น
คนที่เลือกพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนไม่พอใจ เพราะเหมือนถูกปล้นอำนาจ
อุตส่าห์เลือกพรรคของ "ทักษิณ" จนชนะเลือกตั้ง แต่ก็ถูกปล้นทั้ง 2 ครั้งจาก "อำนาจนอกระบบ"
คือ ทหาร และตุลาการภิวัฒน์
"คนเสื้อแดง" ก็รู้สึกแบบเดียวกับ "ม็อบนกหวีด"
มันทำกันเกินไป
แต่ที่แตกต่างคือเรื่อง "เวลา" ครับ
"ม็อบเสื้อแดง" กว่าจะเข้มแข็งและมีปริมาณมากขนาดนี้
ต้องใช้เวลาหลายปี
แต่ "ทักษิณ" ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียว
ปลุก "ม็อบนกหวีด" เต็ม กทม. เลยครับ
เชื่อไหมครับว่าการเปลี่ยน "รูปประจำตัว" ในเฟซบุ๊กเป็นป้ายสีดำคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
คนในแวดวงไอทีบอกว่ามีอัตราเพิ่ม 100% ทุก 3 ชั่วโมง
เพิ่มขึ้นแบบ "ทบต้น" แค่ 3-4 วันเท่านั้นเอง
จากหลักพันกลายเป็นหลักล้าน
งานนี้คนโกรธจริงครับ
แต่การเมืองไทยเหมือน "กระดานหก" ครับ
เพราะเมื่อรัฐบาล "ถอยทะลุซอย" ยอมทุกอย่าง
ถึงขั้นลงสัตยาบันไม่เอาแล้ว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่หยุด ทั้งที่ชนะแล้ว
อ้างเหตุ "ไม่ไว้ใจ" ก็ฟังไม่ขึ้น
เพราะถ้ารัฐบาลลักไก่ไม่ทำตามสัญญา ก็สามารถเป่านกหวีดครั้งใหม่ได้
รับรองว่าครั้งใหม่ เยอะกว่าเก่าแน่นอน
และรัฐบาลต้องไป
แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ยังชุมนุมต่อเพื่อขับไล่รัฐบาล
"ม็อบเสื้อแดง" ก็แรงขึ้นเพราะเห็นแววแล้วว่าจะมี "อำนาจนอกระบบ" มาจัดการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เขาเลือกมา
นี่คือ "เรื่องเดิม" ทั้งนั้น
เวลามองเกมการเมืองจากตำแหน่ง "ผู้สังเกตการณ์"
เกมนี้สนุกมากครับ
ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา
แต่พอคิดว่านี่คือเมืองไทยที่เราและลูกหลานต้องอยู่กันต่อไป
เกมนี้น่าเศร้ามากครับ
เหมือนไม่มีใครมีบทเรียนจากประวัติศาสตร์เลย
คิดแต่ "เป้าหมาย" ที่ถูกใจเรา
ไม่สนใจ "วิธีการ"
คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น
ความขัดแย้งครั้งนี้ถ้าไม่จบลงตามกติกาประชาธิปไตย
แต่ยังใช้วิธีการแบบเก่า ด้วย"ตัวละคร"เดิม
ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารหรือตุลาการภิวัฒน์
ขออนุญาตทำตัวเป็น"หมอดูอีที"ทำนายว่า"สงครามกลางเมือง"ที่เราเคยเห็นในข่าวต่างประเทศ
ครั้งนี้คนไทยจะได้นั่งชั้นริงไซด์อย่างแน่นอน
อะไรที่เคยเห็นว่าเลวร้ายที่สุด
ครั้งนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่า
ครับ ยิ่งจินตนาการยิ่งนึกถึง"ก้อนหิน"จากดวงจันทร์
และคำพูดของ "บิล คลินตัน"
เราไม่ควรจะผิดพลาด 2 ครั้งในเรื่องเดิมครับ
..................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385097884&grpid&catid=02&subcatid=0207
ความผิดที่แท้จริง : หนุ่มเมืองจันท์
ความผิดที่แท้จริง : หนุ่มเมืองจันท์
วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 15:00:55 น.
หนุ่มเมืองจันท์ www.facebook.com/boycitychanFC
ความผิดที่แท้จริง
ในห้องรูปไข่ ที่ทำเนียบขาว มีกล่องแก้วตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟ
ภายในกล่องบรรจุหินก้อนหนึ่งที่ "นีล อาร์มสตรอง" นำกลับมาจากดวงจันทร์ เมื่อปี 1969 ทุกครั้งที่ทีมงานของ "บิล คลินตัน" ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน
ใช้ "อารมณ์" จนเริ่มขาด "เหตุผล"
"คลินตัน" จะขัดจังหวะด้วยการชี้นิ้วไปที่กล่องแก้วแล้วบอกว่าคุณเห็นหินก้อนนั้นไหม
หินก้อนนั้นอายุตั้ง 3,600 ล้านปี
"เราทุกคนเป็นแค่ผู้ผ่านทาง เดี๋ยวก็ไปกันหมดแล้ว สงบสติอารมณ์แล้วกลับไปทำงานต่อกันดีกว่า"
"คลินตัน" เคยเป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์มาก่อน แต่พ่ายแพ้ในสมัยที่สอง
ตอนที่เขาแข่งชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
เขาทำหนังโฆษณาชุดหนึ่งเพื่อจะบอกว่าหลังการพ่ายแพ้ครั้งนั้น
เขาเดินสายคุยกับประชาชนเพื่อค้นหาความผิดพลาดของตนเอง
ตอนจบ "คลินตัน" ทิ้งประโยคเด็ด
"ตั้งแต่ผมโตขึ้นมา พ่อไม่เคยต้องตีผม 2 ครั้งสำหรับความผิดในเรื่องเดียวกัน"
ครับ "คลินตัน" ต้องการบอกชาวอาร์คันซอส์ว่าเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดซ้ำสองอย่างแน่นอน
ผมนึกถึงเรื่องนี้ตอนตีหนึ่งของวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556
นึกถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทยตั้งแต่การชุมนุมใหญ่ในปี 2548
รัฐประหาร 2549
การชุมนุมใหญ่ปี 2553 เรื่อยมาจนถึงวันนี้
นึกถึงก้อนหินจากดวงจันทร์
นึกถึงคนรุ่นต่อไป
ด้วยความหวังว่าคนไทยจะมี "สติ"...
ผมเขียนสเตตัสนี้ในเฟซบุ้ค boycitychanFC ด้วยอารมณ์แบบ "ใบเตย"
... "แน่นอก" ครับ
นึกถึงเรื่อง "ก้อนหินบนดวงจันทร์" ที่ผมเคยเขียนนานมาแล้ว
...เราเป็นแค่ผู้ผ่านทาง
...เราไม่ควรทำผิดซ้ำในเรื่องเดิมซ้ำสอง
เพราะการเมืองไทยวันนี้ก็คือ "เรื่องเดิม" ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ปัญหา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบ "เหมาเข่ง" ครั้งนี้เกิดขึ้นจาก "เรื่องเดิม"
ทุกครั้งที่ "ทักษิณ" มี "อำนาจ" ที่มากเกิน
เขาจะไม่สนใจ "วิธีการ"
สนใจแต่ "เป้าหมาย"
พอเห็น "โอกาส" ปั๊บ ก็ "ฉวย" ทันที
"ความไม่พอใจ" ของคนจำนวนมากที่ออกมาชุมนุมเป่านกหวีดกัน ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการนิรโทษกรรมให้ "ทักษิณ"
แต่ไม่พอใจเพราะพรรคเพื่อไทยใช้ "วิธีการ" ที่ฉวยโอกาส
งุบงิบแก้ไข พ.ร.บ. ในขั้นกรรมาธิการแบบ "ยัดไส้" แล้วมารีบลงมติวาระที่ 2-3 อย่างรวบรัด เสร็จตอนตีสี่
มันทำกันเกินไป
คล้ายๆ กับตอนที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา
เขาสนใจแต่ "เป้าหมาย" คือตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี"
ไม่สนใจเรื่อง "วิธีการ"
รู้ทั้งรู้ว่า "สุเทพ" ไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งเป็นการผิดหลักการประชาธิปไตย
แต่ก็ยังทำ
และนั่นคือเหตุผลที่ "ม็อบเสื้อแดง" ปลุกขึ้น
คนที่เลือกพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนไม่พอใจ เพราะเหมือนถูกปล้นอำนาจ
อุตส่าห์เลือกพรรคของ "ทักษิณ" จนชนะเลือกตั้ง แต่ก็ถูกปล้นทั้ง 2 ครั้งจาก "อำนาจนอกระบบ"
คือ ทหาร และตุลาการภิวัฒน์
"คนเสื้อแดง" ก็รู้สึกแบบเดียวกับ "ม็อบนกหวีด"
มันทำกันเกินไป
แต่ที่แตกต่างคือเรื่อง "เวลา" ครับ
"ม็อบเสื้อแดง" กว่าจะเข้มแข็งและมีปริมาณมากขนาดนี้
ต้องใช้เวลาหลายปี
แต่ "ทักษิณ" ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียว
ปลุก "ม็อบนกหวีด" เต็ม กทม. เลยครับ
เชื่อไหมครับว่าการเปลี่ยน "รูปประจำตัว" ในเฟซบุ๊กเป็นป้ายสีดำคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
คนในแวดวงไอทีบอกว่ามีอัตราเพิ่ม 100% ทุก 3 ชั่วโมง
เพิ่มขึ้นแบบ "ทบต้น" แค่ 3-4 วันเท่านั้นเอง
จากหลักพันกลายเป็นหลักล้าน
งานนี้คนโกรธจริงครับ
แต่การเมืองไทยเหมือน "กระดานหก" ครับ
เพราะเมื่อรัฐบาล "ถอยทะลุซอย" ยอมทุกอย่าง
ถึงขั้นลงสัตยาบันไม่เอาแล้ว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่หยุด ทั้งที่ชนะแล้ว
อ้างเหตุ "ไม่ไว้ใจ" ก็ฟังไม่ขึ้น
เพราะถ้ารัฐบาลลักไก่ไม่ทำตามสัญญา ก็สามารถเป่านกหวีดครั้งใหม่ได้
รับรองว่าครั้งใหม่ เยอะกว่าเก่าแน่นอน
และรัฐบาลต้องไป
แต่พอพรรคประชาธิปัตย์ยังชุมนุมต่อเพื่อขับไล่รัฐบาล
"ม็อบเสื้อแดง" ก็แรงขึ้นเพราะเห็นแววแล้วว่าจะมี "อำนาจนอกระบบ" มาจัดการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เขาเลือกมา
นี่คือ "เรื่องเดิม" ทั้งนั้น
เวลามองเกมการเมืองจากตำแหน่ง "ผู้สังเกตการณ์"
เกมนี้สนุกมากครับ
ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรา
แต่พอคิดว่านี่คือเมืองไทยที่เราและลูกหลานต้องอยู่กันต่อไป
เกมนี้น่าเศร้ามากครับ
เหมือนไม่มีใครมีบทเรียนจากประวัติศาสตร์เลย
คิดแต่ "เป้าหมาย" ที่ถูกใจเรา
ไม่สนใจ "วิธีการ"
คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น
ความขัดแย้งครั้งนี้ถ้าไม่จบลงตามกติกาประชาธิปไตย
แต่ยังใช้วิธีการแบบเก่า ด้วย"ตัวละคร"เดิม
ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารหรือตุลาการภิวัฒน์
ขออนุญาตทำตัวเป็น"หมอดูอีที"ทำนายว่า"สงครามกลางเมือง"ที่เราเคยเห็นในข่าวต่างประเทศ
ครั้งนี้คนไทยจะได้นั่งชั้นริงไซด์อย่างแน่นอน
อะไรที่เคยเห็นว่าเลวร้ายที่สุด
ครั้งนี้จะเลวร้ายยิ่งกว่า
ครับ ยิ่งจินตนาการยิ่งนึกถึง"ก้อนหิน"จากดวงจันทร์
และคำพูดของ "บิล คลินตัน"
เราไม่ควรจะผิดพลาด 2 ครั้งในเรื่องเดิมครับ
..................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385097884&grpid&catid=02&subcatid=0207