ฉลองครบรอบ1ปีของยอดนักปรุงโซมะ ด้วยการลงหน้าปกและหน้าเปิดสีสี่
-ในหน้าสี่ เนื้อหาไม่มีอะไรมากนอกจากอลิสออกมาพูดแสดงความยินดี และเอรินะสงสัยว่าทำไมอลิสถึงได้เป็นคนออกมาพูดซึ่งอลิสก็บอกว่าเพราะช่วงนี้เอรินะไม่มีบทยังไงละ ซึ่งโซมะก็เรียกเหล่าตัวละครมาถ่ายรูปหน้าปก โดยอลิสบอกว่าจะมีการโหวตความนิยมตัวละครด้วยนะ
-หน้าเปิดสี่สี (ได้อารมณ์เชฟกระทะเหล็กมากๆ)
(ข้อสังเกตเล็กน้อย ตัวละครบนหน้าเปิดครอบรอบนี้มีอยู่ทั้งหมด "8"คนซึ่งตรงกับจำนวนคนที่ผ่านเข้ารอบจริงได้พอดี และหากดูให้ลึกกว่านั้นจะพบว่า ตัวละครทั้ง8คนนี้ ก็มาจากบล็อกA "4"คน บล็อกB "4"คน ตรงตามจำนวนผู้สอบผ่านในแต่ละบ็อกทันที...หรือนี้จะเป็นคำใบ้คนที่ได้เข้ารอบต่อไปกัน?)
-เปิดตอนมาจะแนะนำสินค้าแกงกระหรี่ยี่ห้อ"ปริ้นเซส" แกงกระหรี่ที่ขายมานานตั้งแต่ปี1990 แล้วขายไปได้ถึง7หมื่นล้านชิ้น เป็นสินค้าภายใต้บริษัทHabii ซึ่งบริษัทนี้เองที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและกรรมการของการแข่งขันรอบนี้... ตัดไปทางA block
-การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น และทุกคนก็ใส่พลังเข้าไปอย่างเต็มที่จรบรรดานักเรียนคนดูต่างก็รู้สึกได้ ว่าแล้วเขาก็เหลือบไปมองพวกกรรมการ ซึ่งก็มีแต่คนดังทั้งนั้นที่มาร่วมงาน แต่พอเห็นว่ามีที่นั่งยังว่างอยู่อีกที พวกเขาก็สงสัยกันว่าใครกันที่ยังไม่มา ซึ่งในตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตาม
-เอเซ็นเดินเข้าไปต้อนรับทันที พร้อมกับเอ่ยถามว่า ผมบอกคุณไปแล้วนิว่าพวกนักเรียนจะเริ่มทำอาหารกันตอน11โมง แต่หญิงสาวคนนั้นก็ตอบไปว่า รู้ไหมว่าการที่ได้แบ่งเวลาอันแสนมีค่าของฉันไปแม้แต่1นาทีเนี่ยมันทำให้ตารางเวลาของฉันยุ่งวุ่นวายถึงขนาดไหน ซึ่งเธอก็ถอดแว่นออกมา ก่อนที่นักเรียนทุกคนจะตกใจว่าเธอคนนี้น่ะเหรอจะมาเป็นกรรมการ ซึ่งชื่อของเธอก็คือ เซ็นดาวาระ นัตสึเมะ CEOของบริษัทHabii นั้นเอง
-นัตสึเมะบอกว่าเธอมาที่นี้เพราะเอเซ็นเชิญมาหรอกนะ แต่น่าจะมีนักเรียนรับใช้ให้เธอด้วย ซึ่งเอเซ็นก็แอบบ่นว่าถ้าแบบนั้นก็จ่ายเงินมาให้เขาสิ ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนไปว่าขอให้นัตสึเมะเพลิดเพลินไปกับงานคัดเลือก ซึ่งบรรดานักเรียนก็คิดในใจกันว่า ผู้หญิงคนนี้คือ นัตสึเมะหลานสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทHabii ผู้ที่ร่วมมือกับพี่น้องอีกคนที่ชื่อโอริเอะ ในการผลักดันบริษัท Habii โดยการทำและพัฒนาผงแกงสำเร็จรูปขายและสร้างรายได้ให้กับบริษัทไปกว่า2000ล้าน จนทำให้เธอได้รับฉายาว่า "ราชีนีแห่งแกง" ซึ่งการที่เชิญคนระดับนี้มาได้ แสดงว่ารุ่นพี่เอเซ็นไม่ธรรมดาจริงๆ
-ว่าแล้วเอเซ็นก็ให้ นัตสึเมะกล่าวคอมเมนทร์ให้นักเรียนที่เข้าแข่งขันอยู่สักหน่อย ซึ่งเธอก็จับไมค์แล้วเริ่มร่ายประวัติและที่มาของแกงที่เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจและเริ่มเป็นที่นิยมของผู้คนในช่วงตั้งแต่หลังสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม เธอเบื่อในสิ่งเหล่านั้น เพราะงั้นเธออยากจะเห็น หน้าตาของแกงแห่งอนาคตที่นักเรียนผู้เข้าร่วมในงานประกวดนี้จะทำขึ้น แกงที่จะเป็นมาตฐานใหม่ต่อไปให้ประเทศญี่ปุ่น อยากจะเห็นแกงที่ทำให้เธอต้องยอมแพ้ศิโรราบต่อรสชาติของมัน
-ซึ่งพอพูดแบบนี้ บรรดาตัวประกอบก็ถึงกับโอดครวญครางออกมา ทำแกงที่ความคาดหวังสูงขนาดนั้นออกมา ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลยนะ ซึ่งนัตสึเมะก็แอบเห็นว่า มีเด็กบางส่วนที่ยังกล้าสู้ไม่กลัวแรงคุกคามจากเธอเลยแม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นคือนิคุมิ ที่คิดในใจว่าตัวเองจะโชว์คำตอบที่นัตสึเมะต้องการด้วยแกงของเธอให้ได้ เธอไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนมาตัดสิน
-ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็ชมว่า นิคุมิกำลังทอดเนื้อส่วนท้องของหมู ก่อนจะนำมันไปใช้ต้มสินะ กลิ่นหอมที่เกิดจากการย่างของเนื้อชวนให้น้ำลายสอมากๆ แถมยังมีกลิ่นเครื่องเทศที่หอมลอยโชยเข้ามาด้วยกันอีก ด้านอาจารย์ของโทสึกิที่นั่งดูอยู่ อาจารย์แชปเพลนก็คอมเมนทร์อาหารของนิคุมิว่า เธอใช้"พริกไทยเสฉวน" ซึ่งมีกลิ่นหอมและใช้ดับกลิ่นสาปของเนื้อได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าชื่นชมก็คือ เธอใช้มันในสภาพที่เรียกว่า"บดหยาบๆ" (ไม่ถึงขั้นเป็นผง อารมณ์ประมาณเม็ดทราย) ซึ่งชิโอมิที่นั่งข้างๆก็พูดออกมาว่า ใช่ปกติแล้วเครื่องเทศยิ่งทำให้เล็กมากเท่าไรกลิ่นก็จะแสดงออกมาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ก็จะทำให้กลิ่นมันกระจายหายไปง่ายด้วย การที่นิคุมิเลือกบดแบบนี้เพื่อรักษากลิ่นไม่ให้หายไปมากนั้นเอง นับว่าเธอเข้าใจการใช้เครื่องเทศได้ดีมาก ขณะเดียวกัน รุ่นพี่โคนิชิแห่งชมรมข้าวราด ก็ตามมาเชียร์นิคุมิถึงขอบสนามทำให้นิคุมิรู้สึกอายประมาณว่าพ่อที่มาเชียร์ลูกสาวในงานวันกีฬาสีไม่ก็ปาน
-ว่าแล้วนิคุมิก็ลองหันไปดูคนอื่นๆ มีคนที่ไม่กล้าทำอะไรหลังจากได้ยินนัตสึเมะพูดแบบนั้นก็เยอะ แต่ในกลุ่มนั้นเองก็มีหนุ่มผู้ช่วยของอลิส ที่ยังคงยืนทื่อๆบดเครื่องเทศต่อไปอย่างไม่คิดอะไรอยู่ ว่าแล้วพอเขาเสร็จจากขั้นตอนการเตรียมก็เริ่มเอาจริงโดยการเอาผ้าที่ผูกที่ข้อมือแกะออกมาทำเป็นผ้าโพกหัวทันที...และ.... เขาก็เปลี่ยนบุคลิกไปอย่างสิ้นเชิง หยิบกุ้งมังกรออกมาสับอย่างรวดเร็วด้วยหน้าตาท้าทาย ยียวนทันที จนทำให้นิคุมิถึงกับตกใจ
(ถ้ากลับไปดูตอนที่4 จะพบว่าผู้ช่วยของอลิสจริงๆปรากฎตัวออกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ในตอนนั้นมาให้เห็นในสภาพสวมผ้าโพกหัวทำหน้าโฉด)
-ซึ่งคนที่ดูนิคุมิก็หันไปทางผู้ช่วยอลิสกันหมด เพราะเจอสกิลมีดที่ร้ายกาจเข้าไปจนนิคุมิบ่นว่าตัวเองโดนแย่งความสนใจไปแล้ว ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ยินเสียงมาจากอีกด้าน นั้นมันมาจากฝั่งของเจ้าแม่"โคจิ" (ข้าวหมัก) ซากากิ เรียวโกะนิน่า ซึ่งเรียวโกะเองจริงๆก็มีแฟนๆติดตามเธออยู่อย่างลับๆด้วยท่าทีการทำอาหารที่สวยงามและจากหน้าตาของเธอ ซึ่งนิคุมิก็คิดว่า ของถนัดของเรียวโกะคือ โคจิหรือพวกของหมัก ซึ่งเธอเองก็มีชิโอโคจิแบบของเธอที่ถ้านำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสแล้วจะไปได้ดีกับทุกวัตถุดิบเว้นพวกแป้งกับโปรตีน อีกทั้งยังให้รสสัมผัสของอาหารนั้นเบาลงอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะเอามาใช้กับอาหารจานแกงได้เลยแม้แต่น้อย
-แต่ในตอนนั้นเองเรียวโกะก็หยิบขวดอะไรสักอย่างออกมาซึ่งเต็มไปด้วยสีดำ ดูเหมือนของเหลวสีดำอันนั้นจะเหนียวข้นอีกด้วย ในระหว่างที่ทำเรียวโกะก็หันกลับไปมองอีกด้าน แล้วเอ่ยว่ายังไงคนที่น่าจะได้รับความสนใจมากที่สุดในการแข่งรอบนี้ก็คงเป็น "ฮายามะ อากิระ" ตามคาดสินะ
-ด้านอากิระเองก็เหมือนจะเตรียม ปลาจานแดง(อีคุดครีบยาว)เอาไว้ ซึ่งเรียวโกะก็เดาว่าเขาน่าจะทำ "แกงหัวปลา"อาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์สินะ เป็นอาหารที่ขับเน้นถึงความสดของปลาและมักจะใช้ปลาตัวแบนเนื้อขาวในการทำ ในตอนนั้นฮายามะก็ใส่โยเกิร์ตกับผงฝูลงไปในแป้งแล้วเริ่มทำการนวด"นัน"ทันที(อาหารแป้งของอินเดีย มักใช้จุ่มแกงกิน เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนข้าวสวยของไทย สำหรับคนอินเดีย) ซึ่งบรรดาอาจารย์ทั้งหลายที่ดูอยู่ก็แปลกใจ เพราะมันดูเป็นอะไรที่ธรรมดามาก ฮายามะที่เป็นผู้ช่วยเบอร์1ของอาจารย์ชิโอมิน่าจะทำอาหารที่มีความคิดสร้างสรรค์และเฉพาะตัวมากกว่านี้สิ หรือเพราะอยากจะทำให้มันดูใกล้เคียงกับมาตฐานทั่วๆไปกัน? ซึ่งชิโอมิก็บอกว่าไม่ใช่ ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ฮายามะ
-ด้านฮายามะเองพอเห็นชิโอมิมองว่าก็เอานิ้วป้องปากแล้วคิดในใจว่า ถูกอย่างที่เธอคิดจุน การทำอาหารของเขาจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ต่างหาก ซึ่งว่าแล้วฮายามะก็หันกลับมาปรุงแกงทันที ซึ่งเขาประเดิมด้วยการใส่"ตะไคร้"ลงไปในหม้อเพื่อกระตุ้นให้กลิ่นหอมของแกงออกมาตลบอบอวนสนามการแข่งแห่งนี้ ซึ่งกลิ่นที่โชยออกมา บรรดาคนดูก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นของกระทิเข้มข้น ก่อนจะตามมาด้วยสารพัดกลิ่นเครื่องเทศหลายชนิด แกงของฮายามะเป็นการนำเอาจุดเด่นของเขาหรือการใช้เครื่องเทศออกมาใช้อย่างเต็มที่จริงๆ สมแล้วที่เป็นบุคคลที่ถูกเก็งว่าจะได้ที่1ในรอบนี้
-ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมควันก็ลอยโชยออกมาสู้กับกลิ่นเครื่องแกง นั้นก็มาจากฝีมือของอิบุซากินั่นเอง ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็คิดได้ว่า ควันหรือกลิ่นไหม้ก็นับเป็นกลิ่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน ก่อนจะชมว่าทุกคนสู้ด้วยเทคนิคและความถนัดของตัวเองจริงๆ ด้านนัตสึเมะเองก็ถามเอเซ็นว่า ท่าทางจะมีคนที่น่าสนใจอยู่หลายคนอยู่ เอเซ็นช่วยแนะนำให้เธอได้ไหม ซึ่งเอเซ็นก็บอกว่าคงยากที่จะแนะนำใครสักคนได้เพราะฝีมือพอๆกันหมด แต่ในใจเอเซ็นกลับคิดว่า จริงๆมีอยู่คนหนึ่งที่เขาเองก็อยากจะรู้ขีดความสามารถของเขาเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่ฮายามะและนิคุมิมองหาว่า หมอนี้กำลังทำอะไรอยู่หรือหมอนี้เป็นยังไงบ้าง...คนคนนั้นก็คือ ยูกิฮิระ โซมะ...
-ซึ่งตอนนี้ โซมะนั้นกำลัง....หลับอยู่...สร้างความอึ้งให้กับทุกคนมาก แถมดูเหมือนจะตั้งหม้อต้มอะไรสักอย่างไว้ด้วย และเมื่อได้กลิ่นได้ที่ของมันก็ทำให้โซมะลืมตาขึ้นตื่น....
จบตอน
ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับครบรอบ1ปีของโซมะด้วย จากการ์ตูนทำอาหารที่เปิดตัวด้วยเสียงวิจารณ์แง่ลบจากบรรดาเซียนหลายๆคน ว่าวาดอาหารไม่สวยบ้างหรือขายแต่เซอร์วิสบ้าง แต่สุดท้าย โซมะก็ได้พิสูจน์ตัวเองจากรางวัลหน้าสีถี่ยิบ ได้ขึ้นหน้าปกหนึ่งรอบก่อนจะครบ1ปี และอันดับเฉลี่ยนอยู่Top 5 แทบจะตลอด ว่าการ์ตูนเรื่องนี้คุณภาพดีกว่าที่หลายคนคิดไว้ ทำเอาบรรดาเซียนปากกาหักกันเป็แถบ
ตอนนี้เป็นตอนปล่อยของโชว์เทคนิคของแต่ละคนออกมา แต่ละนิดแต่ละหน่อย แม้แต่โซมะเองก็ยังเป็นคนทำอะไรชวนอึ้งอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันว่าตอนหน้าจะโฟกัสโซมะต่อหรือจะหมุนไปดูด้านฮอลท์Bกันบ้าง... ต้องติดตาม
ป.ล ที่ตอนนี้มาช้าเพราะรอ Engอยู่ครับ ตัวหนังสือค่อนข้างเยอะใช้ได้ + หลังๆผมพยามเลิกเล่าเป็นหน้าอย่างที่เคยแต่รวบยอดเอา+เขียนสรุปลงไปแทนบ้างเพื่อไม่ให้สปอยแต่ละรอบตัวหนังสือเยอะจนเกินไปนัก
แถม รายละเอียดของโซมะกับจัมป์ ตลอด1ปีที่ผ่านมา
-ลงเล่มแรกฉบับที่52 (จริงๆคือต้องเล่มหน้าถึงจะนับว่าครบ1ปีจริงๆ)
-ได้ขึ้นหน้าปกทั้งหมด3ครั้ง (นับตอนเปิดตัวกับตอนครบรอบ)
-ได้หน้าสีทั้งหมด13ครั้ง (นับรวมตอนแรกกับตอนครบรอบ) (แว่วๆมาว่า จัมป์เล่มที่1 (อีก2อาทิตย์) โซมะก็จะได้หน้าสี(อีกแล้ว)
<Spoil> ยอดนักปรุงโซมะ (Shokugeki no Souma) 48 -รู้ในที่สิ่งที่ไม่รู้-
-ในหน้าสี่ เนื้อหาไม่มีอะไรมากนอกจากอลิสออกมาพูดแสดงความยินดี และเอรินะสงสัยว่าทำไมอลิสถึงได้เป็นคนออกมาพูดซึ่งอลิสก็บอกว่าเพราะช่วงนี้เอรินะไม่มีบทยังไงละ ซึ่งโซมะก็เรียกเหล่าตัวละครมาถ่ายรูปหน้าปก โดยอลิสบอกว่าจะมีการโหวตความนิยมตัวละครด้วยนะ
-หน้าเปิดสี่สี (ได้อารมณ์เชฟกระทะเหล็กมากๆ)
(ข้อสังเกตเล็กน้อย ตัวละครบนหน้าเปิดครอบรอบนี้มีอยู่ทั้งหมด "8"คนซึ่งตรงกับจำนวนคนที่ผ่านเข้ารอบจริงได้พอดี และหากดูให้ลึกกว่านั้นจะพบว่า ตัวละครทั้ง8คนนี้ ก็มาจากบล็อกA "4"คน บล็อกB "4"คน ตรงตามจำนวนผู้สอบผ่านในแต่ละบ็อกทันที...หรือนี้จะเป็นคำใบ้คนที่ได้เข้ารอบต่อไปกัน?)
-เปิดตอนมาจะแนะนำสินค้าแกงกระหรี่ยี่ห้อ"ปริ้นเซส" แกงกระหรี่ที่ขายมานานตั้งแต่ปี1990 แล้วขายไปได้ถึง7หมื่นล้านชิ้น เป็นสินค้าภายใต้บริษัทHabii ซึ่งบริษัทนี้เองที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและกรรมการของการแข่งขันรอบนี้... ตัดไปทางA block
-การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น และทุกคนก็ใส่พลังเข้าไปอย่างเต็มที่จรบรรดานักเรียนคนดูต่างก็รู้สึกได้ ว่าแล้วเขาก็เหลือบไปมองพวกกรรมการ ซึ่งก็มีแต่คนดังทั้งนั้นที่มาร่วมงาน แต่พอเห็นว่ามีที่นั่งยังว่างอยู่อีกที พวกเขาก็สงสัยกันว่าใครกันที่ยังไม่มา ซึ่งในตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตาม
-เอเซ็นเดินเข้าไปต้อนรับทันที พร้อมกับเอ่ยถามว่า ผมบอกคุณไปแล้วนิว่าพวกนักเรียนจะเริ่มทำอาหารกันตอน11โมง แต่หญิงสาวคนนั้นก็ตอบไปว่า รู้ไหมว่าการที่ได้แบ่งเวลาอันแสนมีค่าของฉันไปแม้แต่1นาทีเนี่ยมันทำให้ตารางเวลาของฉันยุ่งวุ่นวายถึงขนาดไหน ซึ่งเธอก็ถอดแว่นออกมา ก่อนที่นักเรียนทุกคนจะตกใจว่าเธอคนนี้น่ะเหรอจะมาเป็นกรรมการ ซึ่งชื่อของเธอก็คือ เซ็นดาวาระ นัตสึเมะ CEOของบริษัทHabii นั้นเอง
-นัตสึเมะบอกว่าเธอมาที่นี้เพราะเอเซ็นเชิญมาหรอกนะ แต่น่าจะมีนักเรียนรับใช้ให้เธอด้วย ซึ่งเอเซ็นก็แอบบ่นว่าถ้าแบบนั้นก็จ่ายเงินมาให้เขาสิ ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนไปว่าขอให้นัตสึเมะเพลิดเพลินไปกับงานคัดเลือก ซึ่งบรรดานักเรียนก็คิดในใจกันว่า ผู้หญิงคนนี้คือ นัตสึเมะหลานสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทHabii ผู้ที่ร่วมมือกับพี่น้องอีกคนที่ชื่อโอริเอะ ในการผลักดันบริษัท Habii โดยการทำและพัฒนาผงแกงสำเร็จรูปขายและสร้างรายได้ให้กับบริษัทไปกว่า2000ล้าน จนทำให้เธอได้รับฉายาว่า "ราชีนีแห่งแกง" ซึ่งการที่เชิญคนระดับนี้มาได้ แสดงว่ารุ่นพี่เอเซ็นไม่ธรรมดาจริงๆ
-ว่าแล้วเอเซ็นก็ให้ นัตสึเมะกล่าวคอมเมนทร์ให้นักเรียนที่เข้าแข่งขันอยู่สักหน่อย ซึ่งเธอก็จับไมค์แล้วเริ่มร่ายประวัติและที่มาของแกงที่เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจและเริ่มเป็นที่นิยมของผู้คนในช่วงตั้งแต่หลังสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม เธอเบื่อในสิ่งเหล่านั้น เพราะงั้นเธออยากจะเห็น หน้าตาของแกงแห่งอนาคตที่นักเรียนผู้เข้าร่วมในงานประกวดนี้จะทำขึ้น แกงที่จะเป็นมาตฐานใหม่ต่อไปให้ประเทศญี่ปุ่น อยากจะเห็นแกงที่ทำให้เธอต้องยอมแพ้ศิโรราบต่อรสชาติของมัน
-ซึ่งพอพูดแบบนี้ บรรดาตัวประกอบก็ถึงกับโอดครวญครางออกมา ทำแกงที่ความคาดหวังสูงขนาดนั้นออกมา ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลยนะ ซึ่งนัตสึเมะก็แอบเห็นว่า มีเด็กบางส่วนที่ยังกล้าสู้ไม่กลัวแรงคุกคามจากเธอเลยแม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นคือนิคุมิ ที่คิดในใจว่าตัวเองจะโชว์คำตอบที่นัตสึเมะต้องการด้วยแกงของเธอให้ได้ เธอไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนมาตัดสิน
-ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็ชมว่า นิคุมิกำลังทอดเนื้อส่วนท้องของหมู ก่อนจะนำมันไปใช้ต้มสินะ กลิ่นหอมที่เกิดจากการย่างของเนื้อชวนให้น้ำลายสอมากๆ แถมยังมีกลิ่นเครื่องเทศที่หอมลอยโชยเข้ามาด้วยกันอีก ด้านอาจารย์ของโทสึกิที่นั่งดูอยู่ อาจารย์แชปเพลนก็คอมเมนทร์อาหารของนิคุมิว่า เธอใช้"พริกไทยเสฉวน" ซึ่งมีกลิ่นหอมและใช้ดับกลิ่นสาปของเนื้อได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าชื่นชมก็คือ เธอใช้มันในสภาพที่เรียกว่า"บดหยาบๆ" (ไม่ถึงขั้นเป็นผง อารมณ์ประมาณเม็ดทราย) ซึ่งชิโอมิที่นั่งข้างๆก็พูดออกมาว่า ใช่ปกติแล้วเครื่องเทศยิ่งทำให้เล็กมากเท่าไรกลิ่นก็จะแสดงออกมาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ก็จะทำให้กลิ่นมันกระจายหายไปง่ายด้วย การที่นิคุมิเลือกบดแบบนี้เพื่อรักษากลิ่นไม่ให้หายไปมากนั้นเอง นับว่าเธอเข้าใจการใช้เครื่องเทศได้ดีมาก ขณะเดียวกัน รุ่นพี่โคนิชิแห่งชมรมข้าวราด ก็ตามมาเชียร์นิคุมิถึงขอบสนามทำให้นิคุมิรู้สึกอายประมาณว่าพ่อที่มาเชียร์ลูกสาวในงานวันกีฬาสีไม่ก็ปาน
-ว่าแล้วนิคุมิก็ลองหันไปดูคนอื่นๆ มีคนที่ไม่กล้าทำอะไรหลังจากได้ยินนัตสึเมะพูดแบบนั้นก็เยอะ แต่ในกลุ่มนั้นเองก็มีหนุ่มผู้ช่วยของอลิส ที่ยังคงยืนทื่อๆบดเครื่องเทศต่อไปอย่างไม่คิดอะไรอยู่ ว่าแล้วพอเขาเสร็จจากขั้นตอนการเตรียมก็เริ่มเอาจริงโดยการเอาผ้าที่ผูกที่ข้อมือแกะออกมาทำเป็นผ้าโพกหัวทันที...และ.... เขาก็เปลี่ยนบุคลิกไปอย่างสิ้นเชิง หยิบกุ้งมังกรออกมาสับอย่างรวดเร็วด้วยหน้าตาท้าทาย ยียวนทันที จนทำให้นิคุมิถึงกับตกใจ
(ถ้ากลับไปดูตอนที่4 จะพบว่าผู้ช่วยของอลิสจริงๆปรากฎตัวออกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ในตอนนั้นมาให้เห็นในสภาพสวมผ้าโพกหัวทำหน้าโฉด)
-ซึ่งคนที่ดูนิคุมิก็หันไปทางผู้ช่วยอลิสกันหมด เพราะเจอสกิลมีดที่ร้ายกาจเข้าไปจนนิคุมิบ่นว่าตัวเองโดนแย่งความสนใจไปแล้ว ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ยินเสียงมาจากอีกด้าน นั้นมันมาจากฝั่งของเจ้าแม่"โคจิ" (ข้าวหมัก) ซากากิ เรียวโกะนิน่า ซึ่งเรียวโกะเองจริงๆก็มีแฟนๆติดตามเธออยู่อย่างลับๆด้วยท่าทีการทำอาหารที่สวยงามและจากหน้าตาของเธอ ซึ่งนิคุมิก็คิดว่า ของถนัดของเรียวโกะคือ โคจิหรือพวกของหมัก ซึ่งเธอเองก็มีชิโอโคจิแบบของเธอที่ถ้านำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสแล้วจะไปได้ดีกับทุกวัตถุดิบเว้นพวกแป้งกับโปรตีน อีกทั้งยังให้รสสัมผัสของอาหารนั้นเบาลงอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะเอามาใช้กับอาหารจานแกงได้เลยแม้แต่น้อย
-แต่ในตอนนั้นเองเรียวโกะก็หยิบขวดอะไรสักอย่างออกมาซึ่งเต็มไปด้วยสีดำ ดูเหมือนของเหลวสีดำอันนั้นจะเหนียวข้นอีกด้วย ในระหว่างที่ทำเรียวโกะก็หันกลับไปมองอีกด้าน แล้วเอ่ยว่ายังไงคนที่น่าจะได้รับความสนใจมากที่สุดในการแข่งรอบนี้ก็คงเป็น "ฮายามะ อากิระ" ตามคาดสินะ
-ด้านอากิระเองก็เหมือนจะเตรียม ปลาจานแดง(อีคุดครีบยาว)เอาไว้ ซึ่งเรียวโกะก็เดาว่าเขาน่าจะทำ "แกงหัวปลา"อาหารขึ้นชื่อของสิงคโปร์สินะ เป็นอาหารที่ขับเน้นถึงความสดของปลาและมักจะใช้ปลาตัวแบนเนื้อขาวในการทำ ในตอนนั้นฮายามะก็ใส่โยเกิร์ตกับผงฝูลงไปในแป้งแล้วเริ่มทำการนวด"นัน"ทันที(อาหารแป้งของอินเดีย มักใช้จุ่มแกงกิน เป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนข้าวสวยของไทย สำหรับคนอินเดีย) ซึ่งบรรดาอาจารย์ทั้งหลายที่ดูอยู่ก็แปลกใจ เพราะมันดูเป็นอะไรที่ธรรมดามาก ฮายามะที่เป็นผู้ช่วยเบอร์1ของอาจารย์ชิโอมิน่าจะทำอาหารที่มีความคิดสร้างสรรค์และเฉพาะตัวมากกว่านี้สิ หรือเพราะอยากจะทำให้มันดูใกล้เคียงกับมาตฐานทั่วๆไปกัน? ซึ่งชิโอมิก็บอกว่าไม่ใช่ ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ฮายามะ
-ด้านฮายามะเองพอเห็นชิโอมิมองว่าก็เอานิ้วป้องปากแล้วคิดในใจว่า ถูกอย่างที่เธอคิดจุน การทำอาหารของเขาจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ต่างหาก ซึ่งว่าแล้วฮายามะก็หันกลับมาปรุงแกงทันที ซึ่งเขาประเดิมด้วยการใส่"ตะไคร้"ลงไปในหม้อเพื่อกระตุ้นให้กลิ่นหอมของแกงออกมาตลบอบอวนสนามการแข่งแห่งนี้ ซึ่งกลิ่นที่โชยออกมา บรรดาคนดูก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นของกระทิเข้มข้น ก่อนจะตามมาด้วยสารพัดกลิ่นเครื่องเทศหลายชนิด แกงของฮายามะเป็นการนำเอาจุดเด่นของเขาหรือการใช้เครื่องเทศออกมาใช้อย่างเต็มที่จริงๆ สมแล้วที่เป็นบุคคลที่ถูกเก็งว่าจะได้ที่1ในรอบนี้
-ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมควันก็ลอยโชยออกมาสู้กับกลิ่นเครื่องแกง นั้นก็มาจากฝีมือของอิบุซากินั่นเอง ซึ่งบรรดาตัวประกอบก็คิดได้ว่า ควันหรือกลิ่นไหม้ก็นับเป็นกลิ่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน ก่อนจะชมว่าทุกคนสู้ด้วยเทคนิคและความถนัดของตัวเองจริงๆ ด้านนัตสึเมะเองก็ถามเอเซ็นว่า ท่าทางจะมีคนที่น่าสนใจอยู่หลายคนอยู่ เอเซ็นช่วยแนะนำให้เธอได้ไหม ซึ่งเอเซ็นก็บอกว่าคงยากที่จะแนะนำใครสักคนได้เพราะฝีมือพอๆกันหมด แต่ในใจเอเซ็นกลับคิดว่า จริงๆมีอยู่คนหนึ่งที่เขาเองก็อยากจะรู้ขีดความสามารถของเขาเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่ฮายามะและนิคุมิมองหาว่า หมอนี้กำลังทำอะไรอยู่หรือหมอนี้เป็นยังไงบ้าง...คนคนนั้นก็คือ ยูกิฮิระ โซมะ...
-ซึ่งตอนนี้ โซมะนั้นกำลัง....หลับอยู่...สร้างความอึ้งให้กับทุกคนมาก แถมดูเหมือนจะตั้งหม้อต้มอะไรสักอย่างไว้ด้วย และเมื่อได้กลิ่นได้ที่ของมันก็ทำให้โซมะลืมตาขึ้นตื่น....
จบตอน
ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีกับครบรอบ1ปีของโซมะด้วย จากการ์ตูนทำอาหารที่เปิดตัวด้วยเสียงวิจารณ์แง่ลบจากบรรดาเซียนหลายๆคน ว่าวาดอาหารไม่สวยบ้างหรือขายแต่เซอร์วิสบ้าง แต่สุดท้าย โซมะก็ได้พิสูจน์ตัวเองจากรางวัลหน้าสีถี่ยิบ ได้ขึ้นหน้าปกหนึ่งรอบก่อนจะครบ1ปี และอันดับเฉลี่ยนอยู่Top 5 แทบจะตลอด ว่าการ์ตูนเรื่องนี้คุณภาพดีกว่าที่หลายคนคิดไว้ ทำเอาบรรดาเซียนปากกาหักกันเป็แถบ
ตอนนี้เป็นตอนปล่อยของโชว์เทคนิคของแต่ละคนออกมา แต่ละนิดแต่ละหน่อย แม้แต่โซมะเองก็ยังเป็นคนทำอะไรชวนอึ้งอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันว่าตอนหน้าจะโฟกัสโซมะต่อหรือจะหมุนไปดูด้านฮอลท์Bกันบ้าง... ต้องติดตาม
ป.ล ที่ตอนนี้มาช้าเพราะรอ Engอยู่ครับ ตัวหนังสือค่อนข้างเยอะใช้ได้ + หลังๆผมพยามเลิกเล่าเป็นหน้าอย่างที่เคยแต่รวบยอดเอา+เขียนสรุปลงไปแทนบ้างเพื่อไม่ให้สปอยแต่ละรอบตัวหนังสือเยอะจนเกินไปนัก
แถม รายละเอียดของโซมะกับจัมป์ ตลอด1ปีที่ผ่านมา
-ลงเล่มแรกฉบับที่52 (จริงๆคือต้องเล่มหน้าถึงจะนับว่าครบ1ปีจริงๆ)
-ได้ขึ้นหน้าปกทั้งหมด3ครั้ง (นับตอนเปิดตัวกับตอนครบรอบ)
-ได้หน้าสีทั้งหมด13ครั้ง (นับรวมตอนแรกกับตอนครบรอบ) (แว่วๆมาว่า จัมป์เล่มที่1 (อีก2อาทิตย์) โซมะก็จะได้หน้าสี(อีกแล้ว)