เสียใจที่น้องเราไม่เอาไหน...

ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ

เราเกิดมาจากครอบครัวฐานะปานกลางที่พ่อแม่รับราชการค่ะ มีพ่อ แม่ เราและน้องชาย ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่ให้ทุกอย่างที่ท่านสามารถจะให้เราทั้งสองได้ เริ่มตั้งแต่การอบรมสั่งสอน การศึกษาที่ดี ของใช้สอยก็ไม่ให้น้อยหน้าใคร ค่อนข้างตามใจเราและน้อง แต่ก็สอนให้ประหยัดใช้จ่ายตามเหตุผลที่สมควร บอกได้ว่าครอบครัวเรามีความสุขมาก ตอนนี้เราได้แต่งงานแล้วพ่อแม่ก็หมดห่วง  ทั้งยังรู้สึกรักและได้ใกล้ชิดพ่อแม่มากขึ้นกว่าตอนเป็นวัยรุ่น เหมือนทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ แต่ปัญหาที่ทำให้เครียดอยู่ตอนนี้คือ น้องชายไม่ยอมโต

ปีนี้ 27 แล้ว ยังเรียนโท ไม่ทำงานและขอเงินพ่อแม่อยู่เลย T_T

อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับบางคน แต่ก่อนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเรา เพราะน้องก็เป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน หรือกระทั่งสูบบุหรี่ แต่น้องไม่มีใครทะเยอทะยาน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่อยากรีบจบ ทำงาน ตั้งตัว ทำตัวมีสาระอะไร เล่นเกมส์คอม ดูบอล ใช้ชีวิตไปวันๆ เวลาอยากกลับบ้าน (ต่างจังหวัด) แบบไม่มีธุระก็ขอพ่อแม่จ่ายค่าเครื่อง มีครั้งนึงเราทนไม่ไหวเลยบอกว่า ถ้าไม่ได้รีบทำไมไม่อยากช่วยพ่อแม่ประหยัดนั่งรถทัวร์เอาก็ได้ น้องก็เลยนั่ง จริงๆเค้าก็ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์หรือชอบเถียงเลย เพียงแต่ไม่มีใครปราม พ่อแม่เราหรอ? กลัวบ่นมากแล้วน้องจะไม่สบายใจอีกตะหาก T_T
ด้วยความรักลูก และไม่อยากให้ลูกลำบาก พ่อบอกเดี๋ยวสักวันลูกก็คิดได้...พ่อคิดของพ่อแบบนั้นจริงๆ
ส่วนแม่ แม่ทราบและเข้าใจความเป็นจริง แต่แม่บอกว่าตัวใครตัวมัน เราพูด เราสั่งสอนไป ถ้าเค้าไม่อยากรับไม่อยากได้ดีก็คงเป็นกรรมของเค้า

เรา? เป็นพี่ที่อายุห่างกันไม่มากเลย ไม่เคยดุ ไม่เคยด่า เราสองคนค่อนข้างสนิทกัน เจอกันก็โยนมุขใส่กันฮาตลอด อยู่ๆจะเริ่มมาสอนน้องตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆค่ะ ตอนเรายังไม่มีครอบครัวก็เป็นพี่ที่ค่อนข้างเทคแคร์น้อง ทำงานแรกๆ น้องอยากได้ร้องเท้าคู่ละหลายพันเราก็ซื้อให้ น้องขอตังค์แม่ไม่ได้มาขอเรา เราก็ให้ เรารักน้องมาก เหมือนที่พ่อกับแม่สอนตั้งแต่เด็กว่าให้ดูแลน้อง แบ่งให้น้องเลยติดมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนน้องเข้าอนุบาล 1 วันแรก เราบอกใครไม่ได้ว่าที่เราร้องไห้เพราะภูมิใจที่น้องได้เข้าโรงเรียน (ตอนนั้นเพิ่งขึ้น ป.1)
ตอนน้องอึแตกที่โรงเรียน เราเป็นคนเช็ดล้าง ดูแลน้อง
ตอนหลังเลิกเรียน จากที่เคยเหลือเงิน 1 บาทมาซื้อไอติม ต้องอดหนมตอนกลางวันเพื่อที่จะเหลือ 2 บาท มีซื้อติมให้น้องกินด้วย (ตังค์น้องหมดตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว 555)

ตรงนี้หลายคนอาจจะเห็นแล้วว่าเข้าข่าย พ่อแม่รังแกฉัน ก็อาจจะใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เรากำลังหาทางแก้และกล่อมน้องอยู่
น้องบอกจะทำวิทยานิพนธ์ให้จบภายในพฤษภาปีหน้า เค้าสัญญาว่าจะจบแน่นอน พ่อแม่และเราเลยรออย่างอดทน

จริงๆเค้าเป็นคนมีความรับผิดชอบเมื่อเค้ามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบนะคะ เท่าที่เล่ามาข้างต้นคงไม่มีใครเดาได้ว่า เค้าเคยเป็นประธาณคณะถึง 2 ปี ตอรเรียนป.ตรี เป็นประธาณชมรมกีฬาและได้ทุนมหาวิทยาลัยที่เค้าเรียนด้วย มีช่วงที่พักเรียนโทเค้าก็สลับทำงาน แต่ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เข้าๆออกๆ พอทำงานก็บอกเหนื่อยไม่ค่อยมีเวลาพัก เรื่องเรียนโทเลยช้าและเฉื่อยไปเรื่อยๆ พอให้ออกมาเรียนเต็มที่ก็ยังเหมือนเดิม เพิ่งจะมาปั่นกระมัง เนื่องจากครอบครัวเรื่องเครียดแล้วว่าเค้าจะเอายังไง จะจบหรือเปล่า

ขอโทษนะคะที่เล่ามายาวขนาดนี้ ถ้าสิ่งไหนที่เห็นว่าไม่ดีในการเลี้ยงดูของครอบครัวเราก็ขอให้มันเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นแล้วกัน  เราแค่อยากระบายค่ะ ตอนนี้ก็คงได้แค่รอให้เค้าจบตามสัญญา จะได้รีบตั้งตัวทำงาน เพราะถ้ายิ่งช้า (ช้ากว่าเพื่อนที่จบทำงานแล้ว 5 ปี) ยิ่งก้าวต่อช้าในสายงาน เราแค่เป็นห่วงเค้า อยากให้เค้าเอาตัวรอดในสังคมและยืนบนขาตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ ที่บ่นๆบ้าง(ไม่จริงจัง) ไม่รู้เค้าจะเข้าใจหรือรำคาญเราหรือเปล่า...เศร้ามาก ไม่อยากผิดใจกับน้องเลยเพราะเราแคร์เค้ามาก

พี่น้องใครเป็นแบบนี้บ้างคะ แชร์ให้กันฟังบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่