KP Warriors ตอนที่ 3 : สภานักเรียนไนท์เบลดฯ

กระทู้สนทนา
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงพล๊อตเรื่องและอะไรหลายๆอย่าง จึงขอเปลี่ยนแปลงชื่อเรื่องใหม่นะขอรับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้นะครับ ^^


         บนถนนในยามเช้าที่รถน้อยคันจะสัญจรไปมา สายลมเอื่อยๆพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆทำให้สายตาของเรยในชุดนักเรียนประจำโรงเรียนไนท์เบลดที่มองไปยังทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายเห็นใบไม้แห้งปลิวว่อน
         มือหนึ่งของเขาถือกระเป๋าพาดเอาไว้ข้างหลังแล้วเดินไปอย่างเรื่อยเฉื่อย แบบว่าชีวิตนี้จะไม่รีบร้อนอะไรอีกต่อไป แต่เขาก็แอบหยุดดูข่าวที่ถ่ายทอดผ่านทางทีวีสียี่สิบสี่นิ้วผ่านดาวเทียมที่ตั้งโชว์อยู่ในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์
         แต่ทว่าข่าวการเมืองที่สุดแสนจะน่าเบื่อสำหรับเรย ทำให้เขาต้องจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่หันหลังกลับมาอีกเลย

         เรยเดินอยู่บนริมทางเท้ามานานจนเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าการจราจรบนถนนเริ่มคับคั่งขึ้น รถที่อยู่บนท้องถนนเริ่มหนาแน่นขึ้น ผู้คนเริ่มสัญจรไปมาบนริมทางเท้ามากขึ้นเช่นกัน ทำให้ชายหนุ่มที่แสนเฉื่อยชาต้องรีบเร่งฝีเท้าแล้ว
เขาก็ไม่ลืมที่จะกระตุ้นตัวเองให้รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกนิด เมื่อเขาสั่งเกตุเห็นว่าเด็กนักเรียนชั้นมอต้นโรงเรียนเดียวกันกับเขาขี่จักรยานแซงหน้าไปอย่างรีบเร่ง ทำให้เขาต้องเพิ่มสปีดฝีเท้ากลายเป็นกึ่งวิ่น จนทรงผมที่ตั้งๆของเรยปลิวไปตามแรงลมที่เขากำลังรีบเดินทาง เพื่อที่จะไปถึงโรงเรียนให้ทันเวลาซ้อมของชมรมดนตรีในช่วงเช้าก่อนคาบแรกที่กำลังจะมาถึง

         เมื่อเรยมาถึงโรงเรียนเขาก็ไม่รอช้า รีบไปที่อาคารฝ่ายบริการนักเรียนซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมล็อคเกอร์ของโรงเรียน เขารีบตรงไปที่ล็อคเกอร์ของตัวเองเพื่อที่จะเอาโน้ตเพลงที่อยู่ในล็อคเกอร์มา เพราะว่าช่วงเช้าของวันนี้เป็นเวลาที่จะต้องไปซ้อมดนตรีให้กับชมรมดนตรีของโรงเรียน เมื่อเก็บโน้ตเพลงลงในกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรยรีบมุ่งหน้าไปยังชมรมดนตรีทันที ซึ่งชมรมดนตรีนั้นตั้งอยู่ในใจกลางของโรงเรียนเช่นเดียวกับโรงยิมของชมรมวอลเล่บอล เป็นเส้นทางที่จะเดินทางไปเรียนยังอาคารเรียนต่างๆของพวกเด็กนักเรียนจะต้องผ่านที่แห่งนี้ไปเสียก่อน เรียกได้ว่าถ้าผู้ที่สัญจรผ่านไปมาภายในโรงเรียนนี้หากยังไม่ได้ผ่านสถานที่สองที่นี้ ประหนึ่งว่าคุณยังไม่ได้มาที่โรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ปาน

         อาคารเรียนที่สี่ที่เป็นอาคารเรียนของหมวดวิทยาศาสตร์ ทางเดินภายในตัวอาคารนี้เป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุด ถ้าจะไปชมรมดนตรีอย่างเร่งด่วน เรยเดินอย่างรีบเร่งเพื่อไปให้ถึงชมรมของเขาให้ทันเวลา ขนาดที่ว่าไม่ได้มองต้นไม้ที่อยู่หน้าระเบียงเทางเดินกับโต๊ะหินอ่อนหลายสิบตัวที่ยังไม่มีผู้มาจับจองที่นั่งและนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เรื่องร้ายๆมักจะเกิดขึ้นกับเขาบ่อยๆตอนช่วงเช้าระหว่างทาง บางวันก็เดินไปเตะถังขยะจนของที่อยู่ในนั้นกระจัดกระจายไปทั่วบ้าง บางวันก็เดินเหยียบสุนัขที่มันนอนอยู่เฉยๆอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่บ้าง และวันนี้ก็ไม่อาจจะคาดการได้ว่าวันนี้เขาจะพบเจอกับเรื่องร้ายอะไร จนกระทั่งเขาชนกับใครสักคนและล้มลงไปเพราะแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามาอย่างแรง


- ตุ๊บบบบบบบบบ!!!! -
"ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!"


         "เอ๊อะ!!! ขอโทษครับๆๆ" เรยรีบลุกขึ้นแล้ววและก้มหัวพะงกๆหลายที แล้วรีบเข้าไปหาเด็กสาวที่ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว
เพราะสาเหตุเป็นเพราะเขาเองเซ่อซ่า ทำให้เธอถูกเรยเดินมาชนเข้าอย่างแรงและทำให้สิ่งของที่เธอถือมากระจัดกระจายไปทั่ว

         "โอ๊ยยยยยย เจ็บบบบบบ... เอ๋?!" เด็กสาวคนนั้นทำหน้าอวดครวนอยู่แป๊บหนึ่ง และเมื่อเธอลืมตาคู่สวยขึ้นมามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอ เธอก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันใด

         "รุ่นพี่เรย!..."

         "เอ๋?" เรยทำสีหน้างงๆเมื่อได้ยินเสียงของเด็กคนนี้เรียกชื่อของตัวเอง แทนที่น่าจะเป็นคำต่อว่าจากเธอ

         "หืมมมม จำหนูไม่ได้เหรอค่ะ หนูไง ฟูคุมุระ มิซุกิไงค่ะ"

         "อ๋อ เธอนี่เองที่อยู่ชมรมร้องเพลงประสานเสียงใช่รึเปล่า"

         "ใช่ค่ะ..."


         เมื่อพูดจบเรยก็ช่วยเก็บของให้มิซุกิ และยื่นมือให้พร้อมกับพยุงตัวเด็กสาวมอต้นที่กำลังนั่งอยู่ให้ลุกขึ้นมา เมื่อเธอยืนขึ้นมาเรยถึงได้สังเกตเห็นว่าตัวของเธอนั้นค่อนข้างจะสูงเลยทีเดียว แม้จะดูเตี้ยไปนิดเมื่อมาเทียบกับเรย แต่ถ้าเทียบกับผู้หญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่แล้ว เธอก็จัดได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว
เธอนั้นมีผิวสีขาวใสบริสุทธิ์ฝุดฝ่อง รูปร่างของเธอค่อนข้างอวบๆ ผมยาวสีดำประบ่า เรยมองใบหน้าของเธอแล้วคิดว่า แม้ใบหน้าเนียนใสนั้นจะมีขี้แมลงวันอยู่บ้าง แต่โครงหน้าที่สมส่วนแบบนี้ทำให้เขาคิดอยู่ได้อย่างเดียวว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กมอต้นที่น่ารักมากๆ

         นัยน์ตาสีดำเป็นที่ประกายของเธอที่มองมาทางเรย ดวงตาคู่สวยคู่นั้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เรยไม่กล้าสบตามาตั้งแต่ต้น เพราะว่าเมื่อเขามองตาของเธอทีไรเหมือนกับว่าเรยกำลังจะถูกดูดเข้าไปในโลกของเธออย่างไงอย่างงั้น

         "เจ็บตรงไหนรึเปล่า" เรยถามเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับดูอาการของเธอไปด้วย ในขณะที่ใจของเขาพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่ามองตาของเธอเด็ดขาดให้ มองไปทางอื่น

         "ไม่เลยค่ะ แล้วพี่เรยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เธอพยายามจะมองตามสายตาของเรยที่พยายามจะหันหน้าไปทางอื่น

         "ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เธอกำลังจะรีบไปไหนเหรอ ไม่ได้มีซ้อมประสานเสียงตอนเช้าเหรอ?"

         "อ๋อ มีค่ะ หนูกำลังจะเอาโน๊ตเพลงต้นฉบับไปซีร็อกซ์ให้อาจารย์ไบรอันน่ะ" เธอตอบคำถามของเรยพร้อมกับแสดงหลักฐานของเธอโดยการยกกระดาษเอสี่ที่อยู่ในมือของเธอ ภายในนั้นมีตัวโน็ตเขียนเต็มไปหมด

         "อย่างงั้นหรอ... เหวอ!!! สายแล้ว!!! พี่ไปก่อนนะ!!..." ทันทีที่เรยยกนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ข้อมมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมาดูเวลา เขาก็ต้องตกใจมากเพราะว่าเวลาซ้อมของเขาเลยมามากแล้ว เรยต้องยกมือบ๊ายบายบอกลากับมิซุกิ และรีบวิ่งออกจากที่นั่นทันที
"ฮ่าๆ สู้ๆนะคะ!"



         หลังจากที่เรยจากมิซุกิมาเขาก็ออกจากอาคารเรียนที่สี่โดยทางบันไดทางขึ้นตึก และรีบข้ามถนนที่กั้นระหว่างสองข้างทาง แล้วตรงดิ่งไปที่หน้าชมรมดนตรีที่อยู่ข้างๆกับโรงยิมกีฬาของหมวดวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา
         ชมรมดนตรีเป็นอาคารเล็กๆหนึ่งชั้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก รอบๆตัวตึกทาด้วยสีขาว หลังคาทำด้วยกระเบื้องสีดำ และที่ด้านหน้าของอาคารชมรมดนตรีหลังนี้ก็ยังมีศาลาสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ตั้งเอาไว้หนึ่งคู่ตรงข้ามกัน ไว้สำหรับให้เด็กนักเรียนเป็นที่พักผ่อนย่อนใจช่วงพักกลางวัน หรือเอาไว้ใช้สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศการซ้อมดนตรีภายนอกชมรมบ้างในบางวัน

         ในส่วนของข้างในชมรมนั้นจะประกอบไปด้วยพื้นที่ว่างๆขนาดใหญ่กลางห้องเอาไว้สำหรับฝึกซ้อมรวมวงของเหล่าวงโยธวาทิตของโรงเรียนห้องซ้อมดนตรีสำหรับวงสตริงสองห้องใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกัน ทางห้องข้างหลังจะเป็นห้องสำหรับการเรียนการสอน และห้องฝึกร้องประสานเสียงของชมรมประสานเสียงของโรงเรียน รวมไปถึงห้องที่เอาไว้ใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องดนตรีต่างๆไว้อีกด้วย

         เมื่อเรยเข้าไปยังภายในชมรมก็พบกับวงโยธวาทิตวงใหญ่กลางห้องของชมรมที่กำลังล้อมวงกันเพื่อซ้อมเพลงใหม่อย่างที่ทำกันเป็นประจำในทุกๆวันตอนเช้า เครื่องดนตรีที่ประจำอยู่ภายในชมรมถูกหยิบมาใช้งานเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แซ๊คออโต เทนเนอร์แซ๊ค ทรัมเป็ด ทรัมโบน ทูบา และซูซ่าโฟน เมื่อเรยลองนับๆดูแล้วสมาชิกภายในวงมีทั้งสิ้นเกือบหกสิบกว่าคนเลยทีเดียว รวมกับคอนดักเตอร์ประจำวงซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ควบคุมการซ้อมในวันนี้
         และตอนนี้สายตาทุกคู่ของสมาชิกภายในชมรมจับจ้องมาที่คนที่ที่อยู่หน้าประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกใส

         "อ่าว มาแล้วเหรอเรย สายอีกแล้วนะเรา..." อาจารย์บานาจที่ทำหน้าที่เป็นวิทยากรกล่าวขึ้นมาในขณะเขากำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แต่ดันมาถูกใครบางคนที่พึ่งเข้ามาเมื่อกี้ขัดจังหวะไปซะก่อน

         "อย่าไปว่าเจ้าเรยสิบานาจ วันนี้มันก็ยังมาเช้ากว่าเมื่อวานอีกนะ" อาจารย์เกรแฮมที่นั่งกอดอกอยู่ทางด้านหลังของอาจารย์บานาจกล่าวเสริมเป็นเชิงเหน็บแนม แต่เมื่อฟังแล้วกลับเป็นเหมือนคำพูดแบบติดตลกสำหรับสมาชิกภายในวงมากกว่า ทำให้มีเสียงหัวเราะคิกคักๆไปทั่วในเวลาต่อมา

         "...ขอโทษครับ" เรยพูดแสดงความรับผมชอบของตัวเองและก็เดินไปประจำเครื่องของเขา แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนและรุ่นน้องร่วมวงมาตลอดทาง ซึ่งเครื่องเรยที่ประจำอยู่นั้นคือทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่รองมาจากซูซ่าโฟน เหมาะแล้วสำหรับให้คนที่ตัวสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบสองเซนติเมตรอย่างเขาแบกตอนเวลาบรรเลงเพลง หรือเดินสวนสนาม

         "มาสายเป็นประจำไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนายนี่ เมื่อไรจะปรับปรุงตัวสักที" เสียงต่อว่าจากเพื่อนของเขาที่นั่งข้างๆเรยดังขึ้นมา ทำให้เรยต้องหันไปมองคนที่กำลังต่อว่าเขาซึ่งตอนนี้ถือทรัมเป็ดสีทองเงางาม


         ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีมรกตกับแววตาที่ดูอ่อนโยนแต่แข็งใน ผมยาวประบ่าสีเขียวหยักศกตรงปลายผม เขามีผิวขาวอมชมพู ใบหน้าของเขาเป็นรูปไข่ ดูเผลินๆแล้วผู้ชายคนนี้จะเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าจะเป็นผู้ชายซะอีก
         รูปร่างของเขาไม่เตี้ยไปและไม่สูงไปสำหรับผู้ชายทั่วไป แต่สำหรับความสามารถของเขาแล้วนั้นเรียกได้ว่าเกินกว่าส่วนสูงที่เขามีซะอีกมากโข
          นอกจากในวงโยธวาทิตที่ผู้ชายคนนี้จะเป็นหัวหน้าวงคอยคุมวงรับช่วงต่อจากอาจารย์ทั้งสองท่านอีกทีหนึ่งแล้ว เขายังเป็นหัวหน้าวงสตริงของโรงเรียน เรียกได้ว่าในชมรมดนตรีทั้งหมดเขาคือวงหน้าของชมรม และเขายังเป็นประธานระดับชั้นของนักเรียนมาหลายสมัยตั้งแต่ที่เข้ามาศึกษาอยู่ที่นี่อีกด้วย จัดว่าผู้ชายคนนี้มีภาวะผู้นำสูงมากจริงๆ ในขณะที่เรยเป็นเพียงแค่รองหัวหน้าวงดนตรีในชมรมกับสมาชิกสภานักเรียนเท่านั้น

          และแน่นอนว่าเขาคนนี้กับเรยก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไรนัก

         "ช่างมันเถอะ อคิลลีส..." เรยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ


          ถึงแม้จะโดนตำหนิมาแต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรค์ในการซ้อมของเรย เขายังทำหน้าที่ของเขาดีได้ดีเหมือนที่เคยทำอยู่ทุกๆวัน จนกระทั่งการซ้อมในตอนเช้าของวันนี้สิ้นสุดลง สมาชิกในชมรมทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเข้าชั่วโมงโฮมรูมเพื่อที่จะไปพบกับอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขา
          แต่ในวันนี้อาจารย์ประจำชั้นของห้องเรยได้ไปราชการที่ต่างประเทศพร้อมกับอาจารย์คนอื่นๆ ทำให้ชั่วโมงโฮมรูมในวันนี้ของเรยเป็นชั่วโมงว่าง ซึ่งเมื่อเกิดชั่วโมงว่างหรืออาจารย์ไม่เข้าสอนเมื่อไร เรยจะชอบไปพักผ่อนในที่ๆหนึ่งเสมอ เรียกได้ว่าที่นั่นคือบ้านอีกหลังหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ บ้านอีกหลังหนึ่งที่ว่านนั้น นอกจากชมรมดนตรีแล้วนั่นก็คือ สภานักเรียนแห่งโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่า


          สภานักเรียนแห่งโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่าตั้งอยู่ถัดจากอาคารเรียนที่หกมาแปดร้อยเมตร เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ทาสีทอง อาคารมีสองชั้น ถูกออกแบบให้รูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในคล้ายคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งกิจกรรมใหญ่ๆของที่นี่มักจะเป็นงานเลี้ยงเต้นรำ หรือพิธีต่างๆที่ค่อยข้างใหญ่
          ชั้นที่หนึ่งของที่นี่มีห้องทำงานและห้องประชุมไว้สำหรับปรึกษาหารือ มีอุปกรณ์ในการวางแผนการดำเนินกิจกรรมต่างๆภายในโรงเรียนของเหล่าสมาชิกสภานักเรียนอย่างครบครัน ชั้นสองมีทั้งห้องอาหารและห้องครัวพร้อมวัตถุดิบไว้ใช้ทำอาหาร รวมไปถึงห้องนอนที่มีทั้งทีวีและแอร์ ไว้สำหรับรองรับเหล่าสมาชิกสภานักเรียนให้นอนค้างคืนกันยามเมื่อมีกิจกรรมดึกๆ ซึ่งส่วนใหญ่เหล่าสภานักเรียนจะใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านของตัวเองซะอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่