โกส ฮันเตอร์ ตอน สมุดบันทึกของคนตาย (๔. เรื่องเล่าของโรงเรียน)

โกสฮันเตอร์ ตอน สมุดบันทึกของคนตาย (๔. เรื่องเล่าของโรงเรียน)
๑. ฆาตกรมม http://ppantip.com/topic/34269322/comment2

๒. ชมรม http://ppantip.com/topic/34272775

๓. เงาสะท้อนในกระจก http://ppantip.com/topic/34277076

๔. เรื่องเล่าของโรงเรียน http://ppantip.com/topic/34291238

ผิดพลาดตรงไหนแนะนำได้นะครับ เชิญอ่านตอน เรื่องเล่าของโรงเรียน ต่อได้เลยนะครับ

เขียน : อัศวิน
๔.เรื่องเล่าของโรงเรียน

ไตรตื่นมาในเช้าอีกวันหนึ่งด้วยอาการอ่อนเพลีย เขามองดูที่ข้อมือ ตอนนี้มีเพียงรอยสีแดงยาวๆ บาดแผลเมื่อคืนดูเหมือนจะหายไปเพียงชั่วเวลาข้ามคืน

“เป็นไปได้ไง” ไตรเกาหัว เขาหาวยาวๆก่อนจะเดินไปอาบน้ำ

ที่โรงเรียนในตอนเช้าทุกสิ่งยังคงเป็นปกติ ไตรจูงรถมอเตอร์ไซของเขาเข้าไปจอดในโรงรถ ก่อนจะเดินเข้าห้องตามปกติ แต่วันนี้สิ่งที่ไม่ปกติคือเขากับเพื่อนๆของเขามีนัดกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง

“พี่ไตร พวกเรามารอพี่ตั้งนานแล้ว” เน็กและกลุ่มเพื่อนของเขารีบเดินมาหาเมื่อเขาเดินมาถึงห้องเรียนของเขา

“รอพี่เหรอ” ไตรมีสีหน้างุนงง เขามองสำรวจทั้งสี่คน แทบจะไม่มีรอยขีดข่วนเลย บาดแผลใหญ่ๆที่เขาเห็นเมื่อคืนก็กลายเป็นเพียงจุดแดงๆเล็กๆ “งั้นเอาอย่างนี้ละกัน ไปรอพี่ที่ห้องเก็บอุปกรณ์วิทยาศาสตร์นะ แล้วพี่จะตามไป ขอพี่ทำธุระที่ห้องก่อนแล้วกัน”

พวกเขาพยักหน้า ก่อนจะเดินจากไป ไตรมองตามหลังไปสักพักก่อนจะเดินเข้าห้อง แล้ววางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะของเขา แล้วหันมองโต๊ะข้างๆเขามีกระเป๋าเป้วางอยู่ แสดงว่าวินมาโรงเรียนแล้ว มีกระดาษแผ่นเล็กๆเสียบไว้ด้านข้างกระเป๋า

“ห้องเดิม” เป็นข้อความหวัดๆสั้นๆ

ไตรขย้ำกระดาษโน้ตแผ่นนั้นทิ้งก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบรายงานวิชาภูมิศาสตร์ออกมา ในขณะที่เขากำลังเดินออกนอกห้องก็ชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี หนังสือรายงานหล่นลงพื้น พร้อมๆกับคำขอโทษของทั้งสองฝ่าย

“อ้าวไตร”

“ไงโอ๊ก โทษทีเดินเร็วไปหน่อยไม่ทันมอง”

“อือ ไม่เป็นไร แล้วจะไปเนี่ย” โอ๊กถาม แต่เมื่อเห็นหนังสือรายงานที่ไตรเพิ่งหยิบขึ้นมา ก็เข้าใจคำตอบ “ฉันก็กำลังจะไปส่งรายงานเหมือนกัน ฝากฉันไปได้นะ นายจะได้ไม่ต้องเดินหลายเที่ยว”

“ขอบใจนะ พอดีฉันจะไปทำธุระแถวนั้นพอดี นายเอาของนายมาดีกว่า นายจะได้ไม่ต้องเดินไปไง”

“เหรอ เอางั้นก็ได้ รอก่อนนะ ฉันไปเอารายงานก่อน”

ไตรยืนรอหน้าห้องสักครู่ โอ๊กก็เดินมาก่อนที่จะยืนรายงานให้พร้อมคำขอบคุณ ไตรยิ้มรับแล้วเดินเรื่อยๆไปที่อาคารข้างๆ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองห้องน้ำหลังตึก กระจกทุกบานยังคงเป็นปกติ แม้จะมองจากที่ไกลๆ เขาเดินขึ้นอาคารไปด้วยความงุนงง สับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

ไตรวางรายงานลงบนกองรายงานอื่นๆที่วางอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วขึ้นบันไดไปอีกช่วงระเบียง เขาหยุดหันซ้ายหันขวา เมื่อมองไม่เห็นใคร จึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตู

“อยู่กันครบเลย” ไตรพูดแซว เมื่อแดน และอ้อมก็อยู่ที่นี่ วินนั่งอยู่ที่ริมหน้าตา เขากำลังปล่อยให้ลมพัดตีหน้าเขา

“อืม อยู่กันครบ” อ้อมพูด “ส่วนนั้น กำลังอกหักมั้งนั่งเหม่อตั้งนานแล้ว”

“ได้ยินนะ” วินพูด แม้จะไม่หันหลังกลับมา

“เอาเถอะน่า สองคนนี้อย่าเพิ่งเริ่มทะเลาะกันตั้งแต่เช้าเลยนะ มาช่วยกันคิดดีกว่าไหม ว่าเมื่อนี้มันเกิดอะไรขึ้น”ไตรรีบพูดตัดบท พลางนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ

“ที่พวกเรามาหาพี่ตั้งแต่เช้า ก็เพราะเรื่องนี้นั้นแหละครับ” ป้อมพูด

“พอเราตื่นเช้ามา รอยแผลพวกนี้ก็หายไปแล้ว” เตยยื่นแขนออกมาให้ดู

“พี่ก็แปลกใจไม่แพ้พวกเราหรอก” ไตรบอก

“แล้วอาจารย์นฤนาถละครับ พี่ไปพบหรือยัง”

“ยังเลย คงจะเป็นช่วงสายๆ อาจารย์นัดไว้ประมาณเก้าโมงกว่าๆ ที่ห้องปกครอง” ไตรส่ายหัวเบาๆ  “แล้วชื่ออะไรกันบ้าง พี่ยังไม่รู้จักชื่อเลย”

“เตยค่ะ นี่ภา” เตยหันไปทางเพื่อนที่นั่งข้างๆ “สองคนนั้น เน็ก แล้วก็ป้อมค่ะ พวกเราอยู่ม.4ค่ะ เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่”

“ผมชื่อนายอัศวินครับ” ทุกคนหันไปมองเมื่อวินพูดจบ “ฉันแนะนำตัวให้น้องๆรู้จัก ไม่ได้แซวอะไร” วินรีบบอก

“พี่ชื่อแดน” แดนยิ้มให้ทั้งสี่คน ทั้งหมดยิ้มตอบ เพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแดนเหมือนจะเป็นฮีโร่ในสายตาของทั้งสี่คน

“พี่ชื่ออ้อมนะ”

“ส่วนพี่ชื่อไตร หัวหน้าชมรมนี้” ไตรพูด “ส่วนเรื่องที่มาถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น พี่คงตอบไม่ได้ เพราะพวกพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งที่พอจะบอกได้ คือสิ่งที่ชมรมทำอยู่”

“ชมรมทำอยู่เหรอครับ” ป้อมพูดขึ้นมา “นี่ไม่ใช่ชมรมถ่ายภาพเหรอครับ”

“เปล่า” แดนพูด “มันมีอะไรมากกว่านั้น”

ทั้งสี่หันไปมองรุ่นพี่ของพวกเขา ราวกับว่าจะพยายามมองให้เห็นถึงสิ่งที่ซ่อนไว้

“ชมรมเรา” ไตรเริ่มต้น “เป็นชมรมที่ตามเก็บข่าว และหาสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กนักเรียนในโรงเรียน ทุกปีจะมีเด็กนักเรียนในโรงเรียนนี้ตายทุกปี และจะตายเพราะมาที่โรงเรียนในตอนกลางคืน
แม้แต่ตำรวจ หรือครูอาจารย์ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ เพราะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายเลย มีเพียงบาดแผลเดียวคือรอยแผลเล็กๆที่ฝ่ามือ พอไม่สามารถหาสาเหตุได้ ทุกรายจะถูกลงบันทึกไว้ว่าฆ่าตัวตาย

ในปีแรกๆ ที่มีนักเรียนตาย ก็ไม่มีใครสนใจอะไร จนในอีกห้าปีต่อมา มันกลายเป็นลูกโซ่ที่ต้องมีคนมาสังเวยชีวิตทุกปี ชมรมนี่เลยถูกตั้งขึ้น ฉากหน้าที่เราแจ้งกับครูอาจารย์คือชมรมถ่ายภาพ แต่เรากลับจดบันทึก และคอยหาสาเหตุการตาย ทุกปีเราจะไม่เปิดรับสมัครนักเรียนให้เขาชมรม แต่เราจะเลือกคนเข้าชมรม เพราะหากมีคนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เยอะเกินไป มันจะทำให้เป็นการยากที่จะเก็บความลับ แต่ในปีนี้ที่เราต้องรับสมัครคนเข้าชมรม เพราะหากรุ่นพี่ออกไป แดนอาจจะเป็นเพียงคนเดียวในชมรมที่ต้องสานต่ออุดมการณ์ที่ผ่านมา และอาจจะไม่มีใครทำมันต่อ เราเลยต้องรับสมัคร แต่ก็อย่างที่เห็น มันเยอะเกินไป เราเลยต้องมีการคัดคนออก”

“เรื่องนี้พวกเราก็ได้ยินมา” เตยพูด “ก่อนที่เราจะมาเรียนที่นี้ โรงเรียนเก่าเขาก็พูดเรื่องนี้เหมือนกัน”

“แสดงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนในโรงเรียน อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยใช่ไหมครับ” เน็กถาม

“เราก็ไม่รู้ ข้อมูลที่รุ่นพี่รุ่นก่อนๆส่งต่อมาให้เรา ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย” แดนเป็นฝ่ายตอบ

“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับแผลก็ของพวกเราละครับ”

ยังไม่มีใครตอบคำถาม เสียงออดก็ดังขึ้น ทั้งหมดลุกขึ้นโดยพร้อมเพียง

“ไปเข้าแถวกันก่อน ไว้ค่อยคุยกันใหม่ หากยังอยากจะเข้าชมรมนี้อีก ตอนเที่ยงเจอกันที่โรงอาหารนะ” ไตรพูดก่อนจะนำทุกคนลงจากอาคาร ไปที่ลานหน้าเสาธง





สิ้นเสียงเพลงชาติและเสียงสวดมนต์ อาจารย์ที่เป็นเวรประจำวันก็ขึ้นมาบนแท่นตั้งเสาธงกล่าวอะไรกับนักเรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มักจะคุยกันมากกว่าที่จะฟัง ท้ายสุดอาจารย์นฤนาถขึ้นมากำชับว่าให้ไตรตรึงศ์ไปพบที่ฝ่ายปกครอง

“หลังเลิกแถวเลยเหรอ ดีสิ จะได้ไม่ต้องเข้าเรียนคาบวิชาภูมิศาสตร์ ฉันไม่อยากไปฟังอาจารย์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องรายงานของฉัน” วินพูดอย่างอารมณ์ดี

“คิดได้เรื่องเดียวหรือไง” อ้อมดุ เธอดูมีสีหน้าเครียดๆ

ไตรยืนเงียบ และครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนเมื่อคืน และคำพูดของไกรวิทย์ ที่เตือนว่าจะมีคนฆ่า หากเขายังอยู่ต่อ เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาเข้าใกล้เรื่องที่ถูกซ่อนไว้เข้าไปทุกที

“ไตร ไปเถอะเลิกแถวแล้ว” อ้อมสะกิดเขาเมื่อเห็นเขายืนเหม่อ

ไตรพยักหน้า ทั้งสามคนก็เดินแยกแถวเดินไปสมทบกับแดนที่รออยู่ แล้วทั้งหมดก็เดินไปที่ห้องปกครอง อาจารย์นฤนาถยังไม่มา พวกเขาจึงนั่งรอที่ระเบียงหน้าห้อง เพียงไม่ถึงห้านาที อาจารย์นฤนาถก็เดินมาถึง

“ไปที่ห้องประชุมเล็ก”

อาจารย์นฤนาถเดินนำพวกเขา แล้วใช้กุญแจไขประตู แล้วปล่อยให้ทั้งสี่เดินเรียงเข้าไป ก่อนที่จะปิดประตูล็อกกลอน แล้วหันมามองทั้งสี่ ด้วยแววตาอ่านค่าไม่ได้

“ฉันไม่รู้นะว่าเมื่อคืนพวกเธอคิดจะทำอะไรกัน แต่ที่ฉันรู้คือมันอันตรายมาก” เธอเริ่มพูด แล้วมองทั้งสี่ที่ก้มหน้านิ่ง “เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอไตรตรึงศ์ ทุกปีจะมีเด็กนักเรียนตายทุกปี แล้วชมรมของเธอก็มีข้อมูลเรื่องพวกนี้ด้วยไม่ใช่รึไง”

“อาจารย์รู้”

“ใช่ฉันรู้ รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าชมรมนี่ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร” เธอหยุด และนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ และพยักหน้าให้พวกเขานั่งเล่นเช่นกัน “เธอรู้ไหม ว่าเกิดที่มันจะเกิดอาถรรพ์แบบนี้ ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ อาจารย์” ไตรถามอย่างสงสัย ในขณะที่วินนั่งเงียบ เหมือนรู้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น

“เคยมีอาจารย์คนหนึ่ง ฆ่าเด็กนักเรียนตาย เด็กนักเรียนสองคนถูกฆ่าตายเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมาก็จะมีนักเรียนตายทุกๆปี”

“อาจารย์ในโรงเรียนเหรอครับที่ฆ่านักเรียน”

“ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี่นักเรียนหญิงคนหนึ่งได้หายตัวไป ต่อมาก็พบเป็นศพกับนักเรียนชายอีกคน อาจารย์สุทัศน์เขาเคยเป็นอาจารย์ที่สอนที่นี่ เขาเป็นคนพบศพนักเรียนทั้งสอง และพบฆาตกร”

“ฆาตกร หมายความว่าคนที่ฆ่านักเรียนถูกจับแล้วเหรอครับ”

“ใช่ คนที่เป็นคนฆ่านักเรียนคืออาจารย์อดิศักดิ์เพื่อนของเขาเอง เขาถูกส่งตัวไปที่เรือนจำ หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์สุทัศน์ก็ได้ลาออกจากโรงเรียน ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทุกปีก็จะมีนักเรียนตายต่อมา โดยการตายในแต่ละครั้งหาสาเหตุไม่ได้ ทุกคนเลยเชื่อว่ามันเป็นอาถรรพ์ บางคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณของเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น บางคนก็บอกว่าเป็นการหาตัวตายตัวแทน แต่ไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดสักคน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่