โกสฮันเตอร์ ตอน สมุดบันทึกของคนตาย (๓. เงาสะท้อนในกระจก)
ผิดพลาดตรงไหนแนะนำได้นะครับ เชิญอ่านตอน เงาสะท้อนในกระจก ต่อได้เลยนะครับ
เขียน : อัศวิน
๓. เงาสะท้อนในกระจก
ดวงจันทร์สีเหลืองนวลลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าา แทนที่ดวงอาทิตย์ที่ลับไป วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง มันทอประกายสวยงามเช่นเคย แต่แสงจากดวงจันทร์ถูกกลบด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่สว่างขึ้น ในขณะที่รถยนต์ แล่นผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา เพราะโรงเรียนตั้งอยู่ติดกับถนนที่มุ่งตรงเข้าสู่ตัวเมือง ไตรและคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่บนขอนไม้ผุๆที่แดนกลิ้งมาให้
“วิน นายเป็นอะไรไปหรือเปล่า วันนี้นายดูแปลกๆนะ ตั้งแต่ออกมาจากห้องสมุดแล้ว” ไตรหันมาถามเมื่อวินนั่งเงียบ ไม่พูดไม่คุยเหมือนครั้งก่อนๆ
“เปล่า” วินส่ายหน้า “พวกนายเคยรู้สึกไหม ว่าจู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเอง”
“แบบไหน” อ้อมหันมาถาม
“แบบว่า จู่ๆนายก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็นอีกคน มีความคิดมีความรู้สึกเหมือนว่าเราได้เคยทำมันมาก่อน อะไรประมาณเนี่ย”
“ไม่เข้าใจ นายอธิบายใหม่สิ”
“ก็แบบว่า นายไม่เคยอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง แต่จู่ๆนายก็มีความรู้สึกว่านายเคยอ่าน แลรู้เรื่องราวในหนังสือได้ ทั้งๆที่นายไม่เคยอ่านมันเลย”
“แบบว่า คล้ายๆเห็นอนาคตไหม” ไตรถาม
“ไม่นะ ที่ฉันรู้สึกมันเหมือนเห็นอดีตมากกว่า เห็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว”
“นายคงมีสัมผัสที่หกมั้ง” ไตรพูดเชิงหยอก
“ไม่หรอก” วินถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหมือนเดิม “คงไม่มีอะไรหรอก ฉันคงเครียดมากไปหน่อย พอรู้ว่ากำลังทำผิดอะดีนาลีนเลยหลั่งมากไปหน่อย”
“แน่ใจนะ ว่าเป็นอะดีนาลีนที่หลั่ง เชื้อบ้ามากกว่าละมั้ง” อ้อมแขวะ
“ผมว่านะ...”แดนพูดตัดบทขึ้นมา “พวกนั้นเข้าไปนานแล้วนะครับ ผมว่าเราควรจะเข้าไปตามได้แล้วนะครับ”
“นั้นนะสิ แค่หาธง ก็ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น” ไตรพูดอย่างใช้ความคิด
“เอาอย่างนี้ไหม ฉันกับไตรจะเข้าไปตามหาพวกนั้น และบอกให้กลับออกมา ส่วนแดนกับอ้อมรออยู่ที่นี่ เผื่อมีใครออกมาแล้ว ถ้ามีใครออกมาระหว่างที่พวกเราอยู่ข้างใน ให้โทรเข้าไปบอกด้วยละกัน จะได้ไม่คลาดกัน”
“ตกลงเอาอย่างที่นายว่านะวิน” ไตรลุกขึ้น แล้วหยิบไฟฉายที่แดนยื่นให้ “ไปกัน”
“ระวังตัวด้วยนะ”
“อย่าห่วงน่าอ้อม ที่มันโรงเรียนนะ” ไตรบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศรอบๆชวนให้วังเวง แม้จะเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย
“เอาไงไตร จะแยกย้ายกันหรือเปล่า หรือว่าไปด้วยกัน”
“แยกกันดีกว่าไหม ฉันไปหาจุดที่แดนกับอ้อมซ่อนไว้ ส่วนนายไปตามจุดที่เราไปซ่อนไว้ จำได้นะ”
“อืม... เอางั้นก็ได้” วินรับไฟฉายอีกกระบอกมาจากไตร “ถ้านายครบแล้วโทรบอกด้วยนะ”
อ้อมนั่งรอกับแดนที่อยู่ที่ริมรั้ว เพียงครู่เดียวที่ไตรกับแดนเข้าไป นักเรียนกลุ่มใหญ่ก็ทยอยกันออกมา
“พวกเราหาธงไม่เจอเลย แน่ใจนะคะว่าซ่อนเอาไว้”
“หาไม่เจอเลยเหรอ พวกเธอไปถูกที่หรือเปล่า” อ้อมถามอย่างแปลกใจ พร้อมกับรับกระดาษคำใบ้มาจากคนที่ถาม
“ในนี้มันบอกให้ไปที่ห้องเก็บของในหอประชุม พวกเธอไปหาในนั้นรึเปล่า” แดนเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากที่อ่านกระดาษในมือของอ้อม
“ไปคะ แต่เราเจอแค่เศษผ้าไหม้ๆเนี่ย”
อ้อมรับเศษผ้ามาดู เมื่อใช้ไฟฉายส่อง ก็ยิ่งแน่ใจว่ามันคงธงที่พวกเขาซ่อนเอาไว้
“ไหน ทุกกลุ่มเลยหรือเปล่า” แดนรีบถาม เมื่อสำรวจเศษผ้าที่ไหม้เกรียม พวกเขาสองคนก็ยิ่งมั่นใจ ว่ามันคือธงที่พวกเขาซ่อนไว้ “แย่แล้ว” แดนหันมากระซิบกับอ้อม
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“เปล่าหรอก แล้วออกมากันครบหรือยัง” อ้อมถามพร้อมๆกับมองสำรวจ
“ยังเหลือกลุ่มของภาค่ะ พวกเขาเดินเลี่ยงออกไป นึกว่าพวกเขากลับมาแล้ว”
“งั้นไม่เป็นไร เอาอย่างนี้นะ พวกเธอรีบแยกย้ายกันไปดีกว่า” แดนบอก แล้วหันมาทางอ้อมที่พยายามโทรติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ข้างใน
“แล้วเรื่องชมรมละค่ะ”
“เอาไว้คุยวันหลัง วันนี้พวกเธอรีบกลับไปก่อนเถอะ”
กลุ่มนักเรียนยอมแยกย้ายไปโดยดี แดนจึงหันมาทางอ้อม และหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
“ไม่มีสัญญาณเลย วันนี้ทำไมถึงไม่มีสัญญาณขึ้นมา” อ้อมบอก
“พี่โทรไปหาพี่วินหรือยังครับ”
“โทรแล้วแต่วินเข้าปิดเครื่อง สงสัยแบตหมด จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า”
“พี่อ้อมอยู่ที่นี่นะครับ เดี่ยวผมจะตามเข้าไป ถ้าสิบนาทีผมไม่โทรกลับมา พี่รีบโทรตามครูอาจารย์ หรือใครก็ได้ให้มาช่วยนะครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันนะแดน พี่สับสนไปหมดแล้ว ทำไมธงพวกนั้นก็โดนเผา”
“ผมว่า มีคนรู้ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่ นี่อาจเป็นคำเตือนของเขา”
“แล้วใครที่รู้ละแดน”
“เรื่องนั้นผมตอบไม่ได้ครับ ผมก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่าพี่เลย ผมแค่เดาเท่านั้น เอาเป็นว่าพี่ทำตามอย่างที่ผมบอกแล้วกันนะครับ” แดนยิ้มให้กำลังใจอ้อม เมื่อเธอพยักหน้าแดนก็รีบวิ่งเหยาะเข้าไปในโรงเรียน ทิ้งอ้อมไว้หน้าโรงเรียนเพียงคนเดียว
วินเดินตามทางเดินที่คุ้นเคยเพื่อไปตามหาธงที่ซ่อนไว้ แต่แล้วความสับสนและมึนงงก็พุ่งขึ้นมาในหัว เหมือนมีอะไรบางอย่างพาเขาเดินขึ้นอาคาร ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ในที่สุดเขาก็พาตัวเองมาที่ห้องสมุด ประตูที่เคยล็อกแน่นสนิทกลับเปิดเบาๆราวกับมีมือที่มองไม่เห็นผลักมันออก
“ฉันกลับมาแล้ว แกรอฉันอยู่ใช่ไหม” เสียงของวินก้องกังวานไปทั่วห้องสมุด น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าเหมือนพลัดพรากจากสิ่งที่รัก “ฉันกลับมาหาแกแล้ว” เสียงนั้นออกมาจากปากของวินแต่เขาไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ยิ่งเขาพูดเสียงดังเท่าไร เหล่าหนังสือในห้องยิ่งสั่นมาเท่านั้น เมื่อเขาพูดอีกครั้ง สายลมอ่อนๆที่เริ่มพัดเร็วขึ้นและแรงขึ้น ทั้งๆที่หน้าต่างปิดอยู่ แต่ลมในห้องพัดเหมือนอยู่ที่โล่ง เหล่าหนังสือนับร้อยนับพันก็ลอยขึ้นจากชั้นวาง มันหมุนขว้างไปรอบห้อง ราวกับเต้นระบำอย่างดีใจ
“ฉันกลับมาแกจะมีประโยชน์กับฉัน แกจะช่วยฉัน” วินตะโกนก้องอย่างดีใจ
สมุดปกแข็งเล่มสีฟ้าที่ลอยอยู่ท่ามกลางเหล่าหนังสือทั้งหลาย ค่อยๆลอยเข้ามาหาเขา วินเอื้อมมือไปรับ ทันทีที่สัมผัสกับปกหนังสือ ความทรงจำต่างๆและความรู้สึกต่างๆก็ถาโถมเข้ามาในตัวราวกับถูกไฟฟ้าดูด เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เหล่าหนังสือก็ล่วงหล่นลงสู่พื้น เมื่อลมหยุดพัด วินลูบปกสมุดอย่างรักใคร่ เขามองมันเหมือนมันเป็นเพื่อนแท้ของเขา
“ฉันกลับมาแล้ว”
โกส ฮันเตอร์ ตอน สมุดบันทึกของคนตาย (๓. เงาสะท้อนในกระจก)
ผิดพลาดตรงไหนแนะนำได้นะครับ เชิญอ่านตอน เงาสะท้อนในกระจก ต่อได้เลยนะครับ
เขียน : อัศวิน
๓. เงาสะท้อนในกระจก
ดวงจันทร์สีเหลืองนวลลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าา แทนที่ดวงอาทิตย์ที่ลับไป วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง มันทอประกายสวยงามเช่นเคย แต่แสงจากดวงจันทร์ถูกกลบด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่สว่างขึ้น ในขณะที่รถยนต์ แล่นผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา เพราะโรงเรียนตั้งอยู่ติดกับถนนที่มุ่งตรงเข้าสู่ตัวเมือง ไตรและคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่บนขอนไม้ผุๆที่แดนกลิ้งมาให้
“วิน นายเป็นอะไรไปหรือเปล่า วันนี้นายดูแปลกๆนะ ตั้งแต่ออกมาจากห้องสมุดแล้ว” ไตรหันมาถามเมื่อวินนั่งเงียบ ไม่พูดไม่คุยเหมือนครั้งก่อนๆ
“เปล่า” วินส่ายหน้า “พวกนายเคยรู้สึกไหม ว่าจู่ๆก็มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเอง”
“แบบไหน” อ้อมหันมาถาม
“แบบว่า จู่ๆนายก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็นอีกคน มีความคิดมีความรู้สึกเหมือนว่าเราได้เคยทำมันมาก่อน อะไรประมาณเนี่ย”
“ไม่เข้าใจ นายอธิบายใหม่สิ”
“ก็แบบว่า นายไม่เคยอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง แต่จู่ๆนายก็มีความรู้สึกว่านายเคยอ่าน แลรู้เรื่องราวในหนังสือได้ ทั้งๆที่นายไม่เคยอ่านมันเลย”
“แบบว่า คล้ายๆเห็นอนาคตไหม” ไตรถาม
“ไม่นะ ที่ฉันรู้สึกมันเหมือนเห็นอดีตมากกว่า เห็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว”
“นายคงมีสัมผัสที่หกมั้ง” ไตรพูดเชิงหยอก
“ไม่หรอก” วินถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหมือนเดิม “คงไม่มีอะไรหรอก ฉันคงเครียดมากไปหน่อย พอรู้ว่ากำลังทำผิดอะดีนาลีนเลยหลั่งมากไปหน่อย”
“แน่ใจนะ ว่าเป็นอะดีนาลีนที่หลั่ง เชื้อบ้ามากกว่าละมั้ง” อ้อมแขวะ
“ผมว่านะ...”แดนพูดตัดบทขึ้นมา “พวกนั้นเข้าไปนานแล้วนะครับ ผมว่าเราควรจะเข้าไปตามได้แล้วนะครับ”
“นั้นนะสิ แค่หาธง ก็ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น” ไตรพูดอย่างใช้ความคิด
“เอาอย่างนี้ไหม ฉันกับไตรจะเข้าไปตามหาพวกนั้น และบอกให้กลับออกมา ส่วนแดนกับอ้อมรออยู่ที่นี่ เผื่อมีใครออกมาแล้ว ถ้ามีใครออกมาระหว่างที่พวกเราอยู่ข้างใน ให้โทรเข้าไปบอกด้วยละกัน จะได้ไม่คลาดกัน”
“ตกลงเอาอย่างที่นายว่านะวิน” ไตรลุกขึ้น แล้วหยิบไฟฉายที่แดนยื่นให้ “ไปกัน”
“ระวังตัวด้วยนะ”
“อย่าห่วงน่าอ้อม ที่มันโรงเรียนนะ” ไตรบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงเรียน บรรยากาศรอบๆชวนให้วังเวง แม้จะเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย
“เอาไงไตร จะแยกย้ายกันหรือเปล่า หรือว่าไปด้วยกัน”
“แยกกันดีกว่าไหม ฉันไปหาจุดที่แดนกับอ้อมซ่อนไว้ ส่วนนายไปตามจุดที่เราไปซ่อนไว้ จำได้นะ”
“อืม... เอางั้นก็ได้” วินรับไฟฉายอีกกระบอกมาจากไตร “ถ้านายครบแล้วโทรบอกด้วยนะ”
อ้อมนั่งรอกับแดนที่อยู่ที่ริมรั้ว เพียงครู่เดียวที่ไตรกับแดนเข้าไป นักเรียนกลุ่มใหญ่ก็ทยอยกันออกมา
“พวกเราหาธงไม่เจอเลย แน่ใจนะคะว่าซ่อนเอาไว้”
“หาไม่เจอเลยเหรอ พวกเธอไปถูกที่หรือเปล่า” อ้อมถามอย่างแปลกใจ พร้อมกับรับกระดาษคำใบ้มาจากคนที่ถาม
“ในนี้มันบอกให้ไปที่ห้องเก็บของในหอประชุม พวกเธอไปหาในนั้นรึเปล่า” แดนเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากที่อ่านกระดาษในมือของอ้อม
“ไปคะ แต่เราเจอแค่เศษผ้าไหม้ๆเนี่ย”
อ้อมรับเศษผ้ามาดู เมื่อใช้ไฟฉายส่อง ก็ยิ่งแน่ใจว่ามันคงธงที่พวกเขาซ่อนเอาไว้
“ไหน ทุกกลุ่มเลยหรือเปล่า” แดนรีบถาม เมื่อสำรวจเศษผ้าที่ไหม้เกรียม พวกเขาสองคนก็ยิ่งมั่นใจ ว่ามันคือธงที่พวกเขาซ่อนไว้ “แย่แล้ว” แดนหันมากระซิบกับอ้อม
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“เปล่าหรอก แล้วออกมากันครบหรือยัง” อ้อมถามพร้อมๆกับมองสำรวจ
“ยังเหลือกลุ่มของภาค่ะ พวกเขาเดินเลี่ยงออกไป นึกว่าพวกเขากลับมาแล้ว”
“งั้นไม่เป็นไร เอาอย่างนี้นะ พวกเธอรีบแยกย้ายกันไปดีกว่า” แดนบอก แล้วหันมาทางอ้อมที่พยายามโทรติดต่อกับเพื่อนที่อยู่ข้างใน
“แล้วเรื่องชมรมละค่ะ”
“เอาไว้คุยวันหลัง วันนี้พวกเธอรีบกลับไปก่อนเถอะ”
กลุ่มนักเรียนยอมแยกย้ายไปโดยดี แดนจึงหันมาทางอ้อม และหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
“ไม่มีสัญญาณเลย วันนี้ทำไมถึงไม่มีสัญญาณขึ้นมา” อ้อมบอก
“พี่โทรไปหาพี่วินหรือยังครับ”
“โทรแล้วแต่วินเข้าปิดเครื่อง สงสัยแบตหมด จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า”
“พี่อ้อมอยู่ที่นี่นะครับ เดี่ยวผมจะตามเข้าไป ถ้าสิบนาทีผมไม่โทรกลับมา พี่รีบโทรตามครูอาจารย์ หรือใครก็ได้ให้มาช่วยนะครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันนะแดน พี่สับสนไปหมดแล้ว ทำไมธงพวกนั้นก็โดนเผา”
“ผมว่า มีคนรู้ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่ นี่อาจเป็นคำเตือนของเขา”
“แล้วใครที่รู้ละแดน”
“เรื่องนั้นผมตอบไม่ได้ครับ ผมก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่าพี่เลย ผมแค่เดาเท่านั้น เอาเป็นว่าพี่ทำตามอย่างที่ผมบอกแล้วกันนะครับ” แดนยิ้มให้กำลังใจอ้อม เมื่อเธอพยักหน้าแดนก็รีบวิ่งเหยาะเข้าไปในโรงเรียน ทิ้งอ้อมไว้หน้าโรงเรียนเพียงคนเดียว
วินเดินตามทางเดินที่คุ้นเคยเพื่อไปตามหาธงที่ซ่อนไว้ แต่แล้วความสับสนและมึนงงก็พุ่งขึ้นมาในหัว เหมือนมีอะไรบางอย่างพาเขาเดินขึ้นอาคาร ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ในที่สุดเขาก็พาตัวเองมาที่ห้องสมุด ประตูที่เคยล็อกแน่นสนิทกลับเปิดเบาๆราวกับมีมือที่มองไม่เห็นผลักมันออก
“ฉันกลับมาแล้ว แกรอฉันอยู่ใช่ไหม” เสียงของวินก้องกังวานไปทั่วห้องสมุด น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าเหมือนพลัดพรากจากสิ่งที่รัก “ฉันกลับมาหาแกแล้ว” เสียงนั้นออกมาจากปากของวินแต่เขาไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ยิ่งเขาพูดเสียงดังเท่าไร เหล่าหนังสือในห้องยิ่งสั่นมาเท่านั้น เมื่อเขาพูดอีกครั้ง สายลมอ่อนๆที่เริ่มพัดเร็วขึ้นและแรงขึ้น ทั้งๆที่หน้าต่างปิดอยู่ แต่ลมในห้องพัดเหมือนอยู่ที่โล่ง เหล่าหนังสือนับร้อยนับพันก็ลอยขึ้นจากชั้นวาง มันหมุนขว้างไปรอบห้อง ราวกับเต้นระบำอย่างดีใจ
“ฉันกลับมาแกจะมีประโยชน์กับฉัน แกจะช่วยฉัน” วินตะโกนก้องอย่างดีใจ
สมุดปกแข็งเล่มสีฟ้าที่ลอยอยู่ท่ามกลางเหล่าหนังสือทั้งหลาย ค่อยๆลอยเข้ามาหาเขา วินเอื้อมมือไปรับ ทันทีที่สัมผัสกับปกหนังสือ ความทรงจำต่างๆและความรู้สึกต่างๆก็ถาโถมเข้ามาในตัวราวกับถูกไฟฟ้าดูด เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เหล่าหนังสือก็ล่วงหล่นลงสู่พื้น เมื่อลมหยุดพัด วินลูบปกสมุดอย่างรักใคร่ เขามองมันเหมือนมันเป็นเพื่อนแท้ของเขา
“ฉันกลับมาแล้ว”