ลิงค์ ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31247674
Chapter 2 อมตะ
ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
นักข่าวจากทั่วโลกหลั่งไหลมาเพื่อทำข่าว การแถลงผลชันสูตรพระศพฟาโรห์ตุ-ตันคาเมน
รวมถึงฮันน่าซึ่งตอนนี้ติดอยู่บนถนน เธอนั่งแท็กซี่ไปยังสถานที่จัดงาน แต่รถก็ติดเหลือเกิน
“พระเจ้า! จะไปทันไหมเนี่ย”ฮันน่าบ่นกับตัวเองขณะที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วปรากฏว่าอีกไม่ถึงสิบห้านาที จะได้เวลาการแถลงข่าวแล้ว
ทันใดนั้นเอง สัญญาณจราจรได้เปลี่ยนไปเป็นไฟเขียว รถแท็กซี่ที่เธอนั่งมาจึงรีบขับออกไป
“อย่าติดอีกเลย ได้โปรด”เธอภาวนา และดูเหมือนคำขอจะเป็นผล เพราะโชคดีที่ตลอดทางไม่เจอไฟแดงอีกเลย
หลังจากจ่ายเงินให้แท็กซี่แล้ว ฮันน่าก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมที่จัดงานแถลงข่าวทันที โดยไม่มีโอกาสได้เห็นเลยว่า มีใครบางคนยืนอยู่บนอีกฟากฝั่งของถนน
เขาคนนั้นดวงตาดำขลับ ดวงตาไร้ซึ่งนัยน์ตาขาว ทั้งดวงตามีเพียงตาดำ ไร้สีใดเจือปน
เขาคนนั้นกำลังมองมาที่ฮันน่าด้วยใบหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
รถคันใหญ่คันหนึ่งแล่นผ่านถนนตรงชายคนนั้นยืนอยู่พอดี จึงบดบังเขาไว้ชั่วเสี้ยววินาที
เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่รถวิ่งผ่าน ชายนั้นก็ได้หายไป
เขาหายไปอย่างรวดเร็ว ..ราวกับการหายวับไปกับตา
ฮันน่าเข้ามายังห้องแถลงข่าว ซึ่งตอนนี้มีนักข่าวจากทั่วโลกมาอยู่กันเต็มแล้ว เธอจึงต้องขอทาง เพื่อแทรกตัวเข้าไปข้างใน
ฮันน่ารู้สึกเหมือนมีใคร หรืออะไรบางอย่างยืนมองจ้องอยู่ แต่เมื่อหันไปรอบๆ ก็ปรากฏว่าไม่มีสิ่งใด ไม่มีใครมองมาที่เธอด้วยซ้ำ
เสียงคลื่นแทรกสอดบางอย่างดังอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่อาจรู้ได้ว่านั่นเป็นเสียงอะไร ดังมาจากไหน มันเหมือนเสียงคนสื่อสารกันด้วยภาษาที่ใช้เสียงสูงๆ ต่ำๆ
ฮันน่าเดินไปข้างหน้า เพื่อไปเก็บภาพมัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคาเมน ซึ่งตอนนี้ถูกนำมาวางในงานแถลงข่าว เพื่อให้นักข่าวได้ถ่ายภาพ
“ไฮ ฮันนา”เสียงใครบางคนทักทาย
เมื่อหันไปมอง เธอจึงยิ้มและทักทายตอบ
“ไฮ คาเร็น”ฮันนาทักทายเพื่อนนักข่าว แต่อยู่คนละสำนัก
“มานานแล้วเหรอ”คาเร็นถาม
“ไม่เลย เพิ่งมาถึงราวห้านาทีก่อนนี้เอง แล้วเธอล่ะ”ฮันน่าถามกลับ
“เหมือนกัน รถติดมาก ฉันแทบจะบ้าตายอยู่บนถนนแล้ว”คาเร็นส่ายหน้า
“ฉันกำลังจะไปถ่ายภาพมัมมี่องค์ฟาโรห์ จะไปด้วยกันไหม”ฮันน่าถาม
“ไปซิ”เพื่อนเธอตอบกลับทันใด
ทั้งสองสาวเดินไปยังโลงพระศพที่เปิด เพื่อให้นักข่าวได้ถ่ายภาพร่างมัมมี่ของฟาโรห์ผู้โด่งดัง
“แชะ! แชะ! แชะ!”ฮันน่ากดชัตเตอร์ถ่ายภาพเก็บไว้ภาพแล้วภาพเล่า
“แชะ! แชะ! แชะ!”เสียงกล้องของคาเร็นดังอยู่ใกล้ๆ
“เธอได้ยินหรือเปล่า”ฮันน่าหันมาถามเพื่อน ส่วนตัวเองก็นิ่งฟัง เสียงซึ่งชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เสียงนั่น มีคนเรียกชื่อ ..อานเค ..อนัคซูนามุน สองชื่อนี้ดังสลับกันไปมา มันชัดมาก ดังมากเลย ใครเป็นคนเรียก”ฮันน่าหันไปมองรอบๆ ราวกับหาแหล่งกำเนิดของเสียง
“ไม่นี่ ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เธอหูฝาดหรือเปล่า”คาเร็นถาม
“แต่มัน ..”ฮันน่าหยุดไว้เพียงเท่านั้น เพราะนึกได้ว่าได้ยินเสียงเรียกนี้บ่อย จนบางทีเธออาจจะคิดมากหรือหูแว่วไปเอง
ขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยกันนั้น ผู้ทำการแถลงข่าวก็ได้เข้ามานั่งที่โต๊ะ ซึ่งเตรียมเอาไว้สำหรับการแถลงข่าว นักข่าวทุกคนจึงรู้ได้ทันทีว่า ถึงเวลาเกี่ยวกับการแถลงข่าวแล้ว
“สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการแถลงข่าวในวันนี้”นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาเกี่ยวกับ การสวรรคตของฟาโรห์ตุตันคาเมนกล่าว
“อย่างที่เราทราบกันนั่นล่ะครับ ฟาโรห์ตุตันคาเมน เป็นฟาโรห์ลำดับที่ 12 ของราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ และเนื่องจากช่วงอายุที่พระองค์สวรรคตนั้นถือว่ายังอายุน้อยมาก พระองค์สวรรคตตอนอายุ 19 หรืออาจจะ 20 พระชันษา และสืบเนื่องจากการสิ้นชีพตั้งแต่ยังหนุ่มนี่เอง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไม พระองค์จึงสวรรคต .....”นักวิทยาศาสตร์ผู้นั้นร่ายยาว
“อนัคซูนามุน”เสียงเรียกนั้นแว่วเข้าหู ฮันน่าได้ยินเสียงนั่นอีกแล้ว
“เจ้ากลับมาหาข้า เจ้ากลับมาแล้ว ชายาแห่งข้า”เสียงของชายคนเดิมดังเข้ามาในโสตประสาท
“ซูวววซีซีซีซีซีซีววววววซูวววววว”คลื่นเสียงสูงๆ ต่ำๆ ดังแทรกเข้ามา
ฮันน่าหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงพยายามฟังการแถลงข่าวต่อ
“จากการที่เคยมีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่า พระองค์อาจถูกลอบปลงพระชนม์นั้นคงจะไม่ใช่ความจริง เพราะตอนนี้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ออกมาใหม่แล้ว ....”นักวิทยาศาสตร์แถลงข่าวต่อไปเรื่อยๆ
ฮันน่ารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนย้อนกลับ เรื่องราวในยุคโบราณซ้อนทับเข้ามาให้เห็นวูบหนึ่ง แล้วจางหาย คลับคล้ายเงาภาพที่อยู่หลังม่านบางตา ยังพร่ามัว ไม่เด่นชัดมากมาย
“องค์ฟาโรห์เกิดอุบัติเหตุขณะออกไปล่าสัตว์กลางทะเลทราย รถม้าของพระองค์พลิกคว่ำ..”เสียงของนักวิทยาศาสตร์ที่พูดอยู่นั้น ดึงฮันน่ากลับมายังโลกปัจจุบันอีกครั้ง
เธอส่ายหน้าน้อยๆ พยายามควบคุมสติให้อยู่กับปัจจุบัน สูดลมหายใจเข้าปอดและมองไปตรงจุดอื่น เพื่อเปลี่ยนความสนใจให้ตัวเอง เพราะบางทีมันอาจจะดีขึ้นกว่าให้ความตั้งใจฟังการแถลงข่าว
ฮันน่าจมลงไปในภวังค์ความคิดที่เลอะเลือนของตัวเอง ซึ่งแค่ฟังการพูดถึงอียิปต์ก็เก็บเอามาคิดจนเห็นเป็นภาพ
ดังนั้น เพื่อให้ไม่ต้องคิดมาก จึงดึงความสนใจของตัวเองไปยังสภาพแวดล้อม
ฮันน่าขนลุกซู่เมื่อเห็นใคร หรืออะไรบางอย่างอยู่ท่ามกลางผู้คน มีชายสองคนยืนมองจ้องมา แต่ที่ทำให้เธอขนลุกชันก็เพราะ ดวงตาของชายสองคนนั้นมีเพียงตาดำ ไม่มีตาขาวเลย
ฮันน่าหลับตาลงแล้วขยี้ และเมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่า ชายทั้งสองได้หายลับไปแล้ว ไม่มีวี่แววใดๆ หลงเหลือ
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร หรืออะไรบางอย่างที่ตัวเองอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังพัวพันอยู่กับความลี้ลับบางอย่าง
การแถลงข่าวใกล้สิ้นสุด แต่ฮันน่ากลับรู้สึกเหมือนตัวเองแทบไม่ได้รับฟังอะไรเลย เพราะนอกจากภาพในภวังค์ของตัวเองแล้ว ยังต้องมาเห็นชายสองคนนั้น ยิ่งทำให้สติแทบไม่อยู่กับตัว
ฮันน่าเริ่มสงสัยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพบเจอกับเรื่องแปลกๆ อยู่ร่ำไป
เธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร
ภาพในนิมิตฝัน หรือแม้แต่ภวังค์ที่วูบเข้ามาบ่อยๆ เกี่ยวข้องกันไหม
ผู้คนเหล่านั้นเป็นใคร พวกเขาต้องการอะไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
*¬¬______________________________________*
เส้นทางรัก ..แดนไอยคุปต์ ตอนที่ 2
Chapter 2 อมตะ
ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์
นักข่าวจากทั่วโลกหลั่งไหลมาเพื่อทำข่าว การแถลงผลชันสูตรพระศพฟาโรห์ตุ-ตันคาเมน
รวมถึงฮันน่าซึ่งตอนนี้ติดอยู่บนถนน เธอนั่งแท็กซี่ไปยังสถานที่จัดงาน แต่รถก็ติดเหลือเกิน
“พระเจ้า! จะไปทันไหมเนี่ย”ฮันน่าบ่นกับตัวเองขณะที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วปรากฏว่าอีกไม่ถึงสิบห้านาที จะได้เวลาการแถลงข่าวแล้ว
ทันใดนั้นเอง สัญญาณจราจรได้เปลี่ยนไปเป็นไฟเขียว รถแท็กซี่ที่เธอนั่งมาจึงรีบขับออกไป
“อย่าติดอีกเลย ได้โปรด”เธอภาวนา และดูเหมือนคำขอจะเป็นผล เพราะโชคดีที่ตลอดทางไม่เจอไฟแดงอีกเลย
หลังจากจ่ายเงินให้แท็กซี่แล้ว ฮันน่าก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมที่จัดงานแถลงข่าวทันที โดยไม่มีโอกาสได้เห็นเลยว่า มีใครบางคนยืนอยู่บนอีกฟากฝั่งของถนน
เขาคนนั้นดวงตาดำขลับ ดวงตาไร้ซึ่งนัยน์ตาขาว ทั้งดวงตามีเพียงตาดำ ไร้สีใดเจือปน
เขาคนนั้นกำลังมองมาที่ฮันน่าด้วยใบหน้าราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
รถคันใหญ่คันหนึ่งแล่นผ่านถนนตรงชายคนนั้นยืนอยู่พอดี จึงบดบังเขาไว้ชั่วเสี้ยววินาที
เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่รถวิ่งผ่าน ชายนั้นก็ได้หายไป
เขาหายไปอย่างรวดเร็ว ..ราวกับการหายวับไปกับตา
ฮันน่าเข้ามายังห้องแถลงข่าว ซึ่งตอนนี้มีนักข่าวจากทั่วโลกมาอยู่กันเต็มแล้ว เธอจึงต้องขอทาง เพื่อแทรกตัวเข้าไปข้างใน
ฮันน่ารู้สึกเหมือนมีใคร หรืออะไรบางอย่างยืนมองจ้องอยู่ แต่เมื่อหันไปรอบๆ ก็ปรากฏว่าไม่มีสิ่งใด ไม่มีใครมองมาที่เธอด้วยซ้ำ
เสียงคลื่นแทรกสอดบางอย่างดังอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่อาจรู้ได้ว่านั่นเป็นเสียงอะไร ดังมาจากไหน มันเหมือนเสียงคนสื่อสารกันด้วยภาษาที่ใช้เสียงสูงๆ ต่ำๆ
ฮันน่าเดินไปข้างหน้า เพื่อไปเก็บภาพมัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคาเมน ซึ่งตอนนี้ถูกนำมาวางในงานแถลงข่าว เพื่อให้นักข่าวได้ถ่ายภาพ
“ไฮ ฮันนา”เสียงใครบางคนทักทาย
เมื่อหันไปมอง เธอจึงยิ้มและทักทายตอบ
“ไฮ คาเร็น”ฮันนาทักทายเพื่อนนักข่าว แต่อยู่คนละสำนัก
“มานานแล้วเหรอ”คาเร็นถาม
“ไม่เลย เพิ่งมาถึงราวห้านาทีก่อนนี้เอง แล้วเธอล่ะ”ฮันน่าถามกลับ
“เหมือนกัน รถติดมาก ฉันแทบจะบ้าตายอยู่บนถนนแล้ว”คาเร็นส่ายหน้า
“ฉันกำลังจะไปถ่ายภาพมัมมี่องค์ฟาโรห์ จะไปด้วยกันไหม”ฮันน่าถาม
“ไปซิ”เพื่อนเธอตอบกลับทันใด
ทั้งสองสาวเดินไปยังโลงพระศพที่เปิด เพื่อให้นักข่าวได้ถ่ายภาพร่างมัมมี่ของฟาโรห์ผู้โด่งดัง
“แชะ! แชะ! แชะ!”ฮันน่ากดชัตเตอร์ถ่ายภาพเก็บไว้ภาพแล้วภาพเล่า
“แชะ! แชะ! แชะ!”เสียงกล้องของคาเร็นดังอยู่ใกล้ๆ
“เธอได้ยินหรือเปล่า”ฮันน่าหันมาถามเพื่อน ส่วนตัวเองก็นิ่งฟัง เสียงซึ่งชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เสียงนั่น มีคนเรียกชื่อ ..อานเค ..อนัคซูนามุน สองชื่อนี้ดังสลับกันไปมา มันชัดมาก ดังมากเลย ใครเป็นคนเรียก”ฮันน่าหันไปมองรอบๆ ราวกับหาแหล่งกำเนิดของเสียง
“ไม่นี่ ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เธอหูฝาดหรือเปล่า”คาเร็นถาม
“แต่มัน ..”ฮันน่าหยุดไว้เพียงเท่านั้น เพราะนึกได้ว่าได้ยินเสียงเรียกนี้บ่อย จนบางทีเธออาจจะคิดมากหรือหูแว่วไปเอง
ขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยกันนั้น ผู้ทำการแถลงข่าวก็ได้เข้ามานั่งที่โต๊ะ ซึ่งเตรียมเอาไว้สำหรับการแถลงข่าว นักข่าวทุกคนจึงรู้ได้ทันทีว่า ถึงเวลาเกี่ยวกับการแถลงข่าวแล้ว
“สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการแถลงข่าวในวันนี้”นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาเกี่ยวกับ การสวรรคตของฟาโรห์ตุตันคาเมนกล่าว
“อย่างที่เราทราบกันนั่นล่ะครับ ฟาโรห์ตุตันคาเมน เป็นฟาโรห์ลำดับที่ 12 ของราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ และเนื่องจากช่วงอายุที่พระองค์สวรรคตนั้นถือว่ายังอายุน้อยมาก พระองค์สวรรคตตอนอายุ 19 หรืออาจจะ 20 พระชันษา และสืบเนื่องจากการสิ้นชีพตั้งแต่ยังหนุ่มนี่เอง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไม พระองค์จึงสวรรคต .....”นักวิทยาศาสตร์ผู้นั้นร่ายยาว
“อนัคซูนามุน”เสียงเรียกนั้นแว่วเข้าหู ฮันน่าได้ยินเสียงนั่นอีกแล้ว
“เจ้ากลับมาหาข้า เจ้ากลับมาแล้ว ชายาแห่งข้า”เสียงของชายคนเดิมดังเข้ามาในโสตประสาท
“ซูวววซีซีซีซีซีซีววววววซูวววววว”คลื่นเสียงสูงๆ ต่ำๆ ดังแทรกเข้ามา
ฮันน่าหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงพยายามฟังการแถลงข่าวต่อ
“จากการที่เคยมีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่า พระองค์อาจถูกลอบปลงพระชนม์นั้นคงจะไม่ใช่ความจริง เพราะตอนนี้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ออกมาใหม่แล้ว ....”นักวิทยาศาสตร์แถลงข่าวต่อไปเรื่อยๆ
ฮันน่ารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนย้อนกลับ เรื่องราวในยุคโบราณซ้อนทับเข้ามาให้เห็นวูบหนึ่ง แล้วจางหาย คลับคล้ายเงาภาพที่อยู่หลังม่านบางตา ยังพร่ามัว ไม่เด่นชัดมากมาย
“องค์ฟาโรห์เกิดอุบัติเหตุขณะออกไปล่าสัตว์กลางทะเลทราย รถม้าของพระองค์พลิกคว่ำ..”เสียงของนักวิทยาศาสตร์ที่พูดอยู่นั้น ดึงฮันน่ากลับมายังโลกปัจจุบันอีกครั้ง
เธอส่ายหน้าน้อยๆ พยายามควบคุมสติให้อยู่กับปัจจุบัน สูดลมหายใจเข้าปอดและมองไปตรงจุดอื่น เพื่อเปลี่ยนความสนใจให้ตัวเอง เพราะบางทีมันอาจจะดีขึ้นกว่าให้ความตั้งใจฟังการแถลงข่าว
ฮันน่าจมลงไปในภวังค์ความคิดที่เลอะเลือนของตัวเอง ซึ่งแค่ฟังการพูดถึงอียิปต์ก็เก็บเอามาคิดจนเห็นเป็นภาพ
ดังนั้น เพื่อให้ไม่ต้องคิดมาก จึงดึงความสนใจของตัวเองไปยังสภาพแวดล้อม
ฮันน่าขนลุกซู่เมื่อเห็นใคร หรืออะไรบางอย่างอยู่ท่ามกลางผู้คน มีชายสองคนยืนมองจ้องมา แต่ที่ทำให้เธอขนลุกชันก็เพราะ ดวงตาของชายสองคนนั้นมีเพียงตาดำ ไม่มีตาขาวเลย
ฮันน่าหลับตาลงแล้วขยี้ และเมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่า ชายทั้งสองได้หายลับไปแล้ว ไม่มีวี่แววใดๆ หลงเหลือ
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร หรืออะไรบางอย่างที่ตัวเองอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังพัวพันอยู่กับความลี้ลับบางอย่าง
การแถลงข่าวใกล้สิ้นสุด แต่ฮันน่ากลับรู้สึกเหมือนตัวเองแทบไม่ได้รับฟังอะไรเลย เพราะนอกจากภาพในภวังค์ของตัวเองแล้ว ยังต้องมาเห็นชายสองคนนั้น ยิ่งทำให้สติแทบไม่อยู่กับตัว
ฮันน่าเริ่มสงสัยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพบเจอกับเรื่องแปลกๆ อยู่ร่ำไป
เธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร
ภาพในนิมิตฝัน หรือแม้แต่ภวังค์ที่วูบเข้ามาบ่อยๆ เกี่ยวข้องกันไหม
ผู้คนเหล่านั้นเป็นใคร พวกเขาต้องการอะไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
*¬¬______________________________________*