ผีล่ากรรม ( บทที่ ๑๐ )

กระทู้สนทนา
บทที่ ๙     http://ppantip.com/topic/31217936

ขอบคุณทุกเสียง ทุกความรู้สึกในบทแล้ว ซึ่งมิได้ถือโทษโกรธเคืองอันใดที่ข้าพเจ้าห่างหายไปเสียนาน




บทที่ ๑๐



      ธรรมชาติของร่างกายนั้น เมื่อได้รับความเจ็บปวดทางกายภายนอก และรวมถึงเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกภายใน จิตใต้สำนึกก็จะสั่งการให้ถอยหลังดึงตัวเองพ้นจากภาวะความเจ็บปวดทั้งหลาย ยุพินก็ดูจะเป็นเช่นนั้น เพราะนางถึงกับทรุดฮวบลงบนม้าหินพร้อมกับยกมือขวากุมบ่าซ้ายด้วยใบหน้าเหยเก

      กัญญาลุกขึ้นจากที่นั่งถลันเข้าไปหามารดา

     “แม่เป็นอะไรมั้ยคะ” หล่อนถามด้วยใจเต้นระทึก ก่อนที่บิดาของหล่อนจะมีคำถามติดตามขึ้นมา

     “คุณ เป็นอะไรมั้ย”

     ยุพินยังนั่งเฉยประหนึ่งไม่ได้ยินคำถามของสามีและบุตรสาว นิ่งอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เริ่มพูดจา

      “ฉัน...ฉันไม่เป็นไร แต่นี่มัน...อะไรกันคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” นางพูดกระอึกกระอักพลางมองหน้าสามี

     “ไม้มันผุหัวตะปูแล้วหล่นลงมาละมั้งคุณ” นายกันต์พลพูดปลอบใจภรรยา

      “เรื่องไม้หล่นถือว่าฉันไม่ติดใจ แต่เถาการเวกสั่นแบบนั้น มันเกิดจากอะไรหรือคะ”

      ผู้รับฟังได้แต่นั่งเงียบ

      กัญญาเองก็ไม่รู้จะหาคำอธิบายให้มารดาว่าอย่างไร หล่อนเห็นมารดาเนื้อตัวสั่นน้อย ๆ ดังว่าความหวาดกลัวภายในจิตใจเริ่มแสดงออกมาให้เห็น จึงรู้สึกไม่วางใจกับท่าทีของมารดา

     “แม่เอามือออกก่อนนะคะ ขอกัญดูสักหน่อยว่าเป็นอะไรมากมั้ย”

     หญิงสาวโน้มตัวจับมือของมารดาออกจากบ่า แลเห็นเนื้อผ้าบริเวณนั้นเป็นรอยเปรอะเปื้อนคราบดำสกปรกจากปลายไม้ โดยที่บางส่วนขาดทะลุจนเป็นผิวเนื้อซึ่งมีเลือดซึมออกมา

     “ดูแล้วเป็นยังไง จะต้องไปหาหมอหรือเปล่าลูก” นายกันต์พลชะเง้อมองไปที่ไหล่ภรรยา

     กัญญาไม่มั่นใจที่จะตอบคำถามของบิดาเพราะไม่เห็นบาดแผลชัดเจน ก็เลยขยับคอเสื้อมารดาตรวจดูบาดแผล พบว่าผิวเนื้อเป็นแผลถลอกลึกเพียงจุดเดียว อาจด้วยมีเนื้อผ้าช่วยบดบังไว้ได้ส่วนหนึ่ง

     “เป็นแผลถลอกแต่ไม่ได้ลึกมากค่ะพ่อ คงไม่ต้องถึงกับไปหาหมอ”

     “งั้นก็รีบพาแม่เข้าบ้านไปทำความสะอาดแผลก่อนเถอะลูก” นายกันต์พลกล่าวพลางลุกขึ้นเดินไปกระชากไม้ระแนงที่ห้อยชี้พื้นออกมาโยนไว้โคนต้นไม้

      หญิงสาวจึงได้พามารดาเดินเข้าบ้าน และไปนั่งทำแผลให้ที่ในห้องนอน

     “กัญ ลูกเห็นว่ามีตัวอะไรเกาะอยู่ที่เถาการเวกหรือเปล่า” ยุพินวกกลับมาตั้งคำถามเรื่องเดิม

     “ไม่เห็นมีนะคะ” กัญญาตอบตามความจริง

      “มันมาเตือนให้แม่รู้ตัวละมั้ง”

      คำพูดของมารดาทำให้หล่อนถึงกับตัวเย็นวาบขึ้นมาทันที

     “ใครคะแม่”

     “จะมีใครซะอีกล่ะลูก ก็ผีร้ายน่ะซี” ยุพินว่า “มันคงรู้ว่าแม่ไปหาอาจารย์ให้จัดการกับมัน นี่ก็เลยมาสั่งสอนตักเตือนเข้าให้ละมัง”

     “โธ่ แม่คะ ผีที่ไหนมากลางวันแสก ๆ ได้คะ” กัญญาพูดปลอบใจมารดาโดยไม่ทันคิด พูดจบไปครู่หนึ่งแล้วถึงได้รู้ตัวว่าหล่อนพลาดไปเสียแล้ว เพราะหล่อนเองก็เคยพบเจอกับวิญญาณร้ายในเวลากลางวันมาแล้ว

     “ลูกเคยเจอมาแล้วนี่นะ อย่ามาปลอบใจแม่ดีกว่า” ยุพินพูดเนือย ๆ “ดูแล้วมันคงไม่ใช่ธรรมดาอยู่นะลูก คราวนี้ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูกอีก แม่จะไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ๆ นี่ถ้าพ่อปู่บัวไม่มาเจ็บเสียก่อน คงได้เห็นดีกันมั่งแล้ว”

     กัญญาเก็บอุปกรณ์ทำแผลเรียบร้อยแล้วก็ถามอาการมารดา

     “แม่รู้สึกปวดขึ้นมาบ้างหรือยังคะ กินยาแก้ปวดแล้วนอนพักสักหน่อยดีกว่า” หล่อนอยากให้มารดาพักผ่อนทั้งร่างกายและความคิด “อย่าบอกว่าไม่ปวดนะคะ ดีไม่ดีเย็นนี้รอบ ๆ แผลคงได้เป็นสีม่วงช้ำกันบ้างละค่ะ”

     กัญญาจัดหายาแก้ปวดและน้ำดื่มส่งให้มารดา ยุพินรับมาทำตามที่ลูกสาวบอกแล้วเอนตัวลงนอน

    “ถึงเวลาทานกลางวันแล้วกัญจะมาปลุกนะคะ” หล่อนบอกลามารดาก่อนปิดประตูเบามือ แล้วขึ้นไปนั่งที่ระเบียงชั้นสองทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ

      หญิงสาวคิดไปถึงวิญญาณเด็กกับแมวดำที่ปรากฏหน้าประตูรั้วในคืนที่ผ่านมา คิดเชื่อมโยงเหตุการณ์จากคำบอกเล่าของลูกสาวพ่อปู่บัวที่ว่า ท่านลงจากบ้านในยามค่ำคืนเพื่อไปดูแมว ซึ่งผู้เล่ายังเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจที่พ่อปู่บัวนำหวายตีผีติดตัวลงไปด้วย กัญญาคิดไปเองว่าเหตุผลที่ท่านไม่อาจพูดออกมาได้นั้นก็เพราะว่า แมวนั้นอาจเป็นแมวผี!

     ผีตนนั้นอาจจะต้องการมาแสดงว่า วันนี้คณะของหล่อนจะไม่ได้พบพ่อปู่บัว มันอาจรู้ล่วงหน้าแล้วจึงได้มาหัวเราะเยาะเย้ยหล่อนถึงหน้าบ้าน และบัดนี้ มันก็วกกลับมาสั่งสอนแม่ของหล่อน ด้วยเหตุที่ยื่นมือเข้าไปขัดขวางในวิถีทางของมัน

    เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในห้วงคำนึงของหญิงสาวคือ ปริศนาในจดหมายของพ่อปู่บัว ที่ยังไม่มีใครสามารถตีความได้ว่า ‘กลับไปทางเก่า’ นั้นหมายความถึงอย่างใด

     เส้นทางที่แม่ของหล่อนนำพาไปครั้งนี้เป็นเส้นทางของไสยศาสตร์ซึ่งแม่ดูจะมั่นใจว่าในจุดนี้คือ ‘ของจริง’ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่พึ่งให้กับหล่อนมิได้แล้วในเวลานี้ หล่อนนึกถึงเส้นทางสายเก่าที่เคยเดินมาแล้ว มองเห็นภาพตัวเองเดินผ่านสระบัวภายในวัดศรีมงคลเพื่อไปยังที่พักของแม่ชีตาเห็น นั่นเป็นเส้นทางแรกที่แม่ของหล่อนนำพาเข้าไปเพื่อยุติปัญญาของเรื่องนี้...นี่อาจเป็นปริศนาที่พ่อปู่บัวซ่อนไว้ก็เป็นได้

     ไม่ว่าการตีความของกัญญาจะถูกหรือผิด แต่หล่อนคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายอีกในเร็ววันนี้ คลื่นลูกใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำทะเลราบเรียบ อาจจะถึงเวลาปรากฏขึ้นมาแล้ว

  กัญญาบอกตัวเองว่าจะต้องระวังตัวเองมากขึ้น และก็ดำรงสติให้มั่งคง เฉกเช่นในการศึกสงคราม ถ้าปัจจัยเรื่องกำลังพลของทั้งสองฝ่ายไม่ต่างกันมากนัก ก็อยู่ที่ว่าฝ่ายใดจะมีสติปัญญาตั้งรับและอ่านแผนการต่อสู้ของข้าศึกได้ ซึ่งก็คงพอจะช่วยรักษาป้อมปราการไว้ได้ต่อไปในอีกวาระหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่