ประสบการณ์ถูกปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวUK และการเตรียมเอกสารยื่นใหม่

เนื่องจากเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งยื่นvisa ท่องเที่ยวของUKไป แล้วก็ปรากฎว่า "ไม่ผ่าน" ตึง!!!!!! ณ ตอนนั้นเลยตั้งใจว่าถ้ายื่นอีกทีแล้วผ่านจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์ให้คนอื่นๆที่อยู่ในสถานการณ์ เดียวกัน หรือไม่ก็กำลังจะยื่นวีซ่าเอาไว้เป็น guideline เพราะตอนเราขอแล้วโดนปฏิเสธ งงมาก ทำอะไรไม่ถูก อยากหาข้อมูลเยอะๆว่าทำยังไงถึงผ่าน ก็มีเวบpantip แล้วก็ ladyinterเป็นที่พึ่งหลัก เพราะฉะนั้นก็เลยขอตอบแทนพระคุณของเวบเหล่านี้หน่อยค่ะ

โอเคเริ่มเลยนะคะ  คือเมื่อวันที่9ตุลา ที่ผ่านมาเราไปยื่นสมัครวีซ่ามาค่ะ ด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่า "ได้ชัวร์" เพราะเรามั่นใจมากกกกกกกในprofileอันเริดหรูของตัวเอง(แต่ที่จริงๆแล้วมันคือความover confidentหนะค่ะ) ขอเล่าprofile(ที่ตัวเองคิดว่าอย่างนี้UKBAไม่ปฏิเสธหรอก)ให้อ่านก่อนนะคะ คือเราอายุ 20กว่าๆ จบโทที่อังกฤษ2ใบ จากมหาวิทยาลัยที่ก็ถือว่าชั้นนำในลอนดอน อยู่ที่นั่นรวมๆก็สองปีกว่าๆ จบมาก็กลับไทย มาทำงานในinternational accounting firm เงินเดือน 4x,xxxบาท ทำอยู่เกือบปี ก็ลาออกมาตั้งบริษัทเล็กๆของตัวเอง ตั้งบริษัทมาได้เกือบสามเดือนก็ไปขอวีซ่า อ่อ เรามีแฟนเป็นคนอังกฤษด้วยค่ะ เจอกันตอนที่เราเรียนที่นั่นแล้วเค้าก็ย้ายกลับมาไทยด้วยตอนเรากลับมา

เอกสารที่ยื่นไปขอวีซ่าตอนแรกมีดังนี้นะคะ (ขอเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ)
- Application form
- Copy of passport and previous student visas
- Photo
- Copy of ID card and house registration
- Copy of my company affidavit and shareholder list
- Bank letter
- Copy of bankbook (บัญชีที่ยื่นเป็นบัญชีเงินเก็บ มีเงินประมาณ200,000บาท การเคลื่อนไหวน้อยมาก เพราะเอาไว้เก็บเงิน เปิดมาตอนเดือนมิ.ย. เพราะเพิ่งเริ่มเก็บเงินได้)
- Payslip from the former workplace(Accounting firm)
- Flight itinerary
- Graduation certificate from university in UK
- Invitation letter from my boyfriend's father and his passport

ก็ยื่นไปเท่านี้หละค่ะคิดว่าผ่านชัวร์ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านนนน ตึง!!!!! แต่เนื่องจากเค้าให้เหตุผลมาด้วยค่ะว่าทำไมไม่ผ่าน เหตุผลนั้น ตึง!!!!!กว่าเดิมอีกค่ะ

เริ่มประโยคมาว่า  " You state in your application form that you wish to visit your boyfriend,ชื่อพ่อแฟน for a period of XX days."
OMGGGGGGGG!!!! คือทางเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดว่าพ่อแฟนคือแฟนเราจ้าาาาาา ปวดตับมาก ตอนนั้น แล้วเจ้าหน้าที่ก็ร่ายยาวจากความเชื่อผิดๆค่ะว่า เราไม่สามารถทำให้เค้าพอใจได้ว่าเรามี genuine relationship กับพ่อของแฟนเรา  แล้วบอกอีกว่าจากที่คุณบอกว่า พ่อแฟนเรา(ที่เค้าเข้าใจว่าเป็นแฟนเรา) จะเป็นsponsorให้ ทางเค้าไม่เห็นว่าเราจะมีหลักฐานทางการเงินอะไรของพ่อแฟนเรามาสนับสนุน(เราบอกในapplication ชัดเจนว่าเราsponsorตัวเองจ้าาาา)  แล้วก็บอกอีกว่าเงินของเราที่เรามีในบัญชีคิดว่าไม่น่าจะพอ เพราะฉะนั้นจนท เลยคิดว่า เราน่าจะอยากเข้าไปในUK  ด้วยเหตุผลอื่น และคงไม่กลับออกมาตามเวลาที่กำหนด และๆๆๆๆ คงไม่มีตังค์พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน อันนี้คือโดยย่อ

ตอนที่อ่านเสร็จสองสามวันแรกโมโหมากกกกกกก เขียนcomplaintไปที่ VFS และUKBAเลยค่ะว่า ทำdecisionมาอย่างนี้ได้ยังไง เราเขียนชัดๆในapplication form ว่าแฟนชื่ออะไร พ่อแฟนชื่ออะไร ใครจะเป็นผู้สนับสนุนในทริป ใน invitation letter ก็เขียนชัดว่าเราเป็นแฟนของลูกชายของพ่อเค้า ไม่ใช่แฟนพ่อเค้า  ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่อ่านดีๆ ทำอย่างนี้เรารู้สึกถูกดูถูกมากๆ จ่ายเงินไป4,080บาท เราexpect serviceที่มีstandardสูงกว่านี้ blahblah (แล้วแนบเอกสารที่ส่งไป Highlight ตรงที่เราเขียนไปแล้วเค้าเข้าใจผิดไปด้วยทั้งหมด)

แต่พอได้สติขึ้นมาคิดมาคิดไปจริงๆ เราก็ประมาทด้วยเพราะเราไม่ได้ส่งcover letter จะให้จนท มาประติดประต่อเรื่องเองมันก็อาจจะผิดพลาดได้ แล้วพอมาresearchดูก็คิดว่าเราส่งเอกสารน้อยไปด้วย(มั้ง)เพราะเรามั่นใจม๊าาาาากกกกกกตอนแรก แต่จริงๆแล้วจนท ก็ผิดอยู่ด้วยเพราะพอเค้าเข้าใจผิดว่าเราอายุ20กว่าๆ มีแฟนรุ่นพ่อ mindframeในการพิจารณาสถานการณ์ต่างๆ แนวทางการพิจารณาเอกสารต่างๆมันก็เปลี่ยนไป เอกสารอะไรที่ส่งมาแค่นี้มันควรพอมันก็ไม่พอ(อันนี้อย่าดราม่าหาว่าเราดูถูกอะไรนะคะ  คือไม่ได้บอกว่าrelationshipที่ดีมันจะเกิดขึ้นไม่ได้กับคนที่มีแฟนอายุมากกว่าเรามากๆนะคะ แค่แบบมันก็ทำให้น่าสงสัยกว่าปกติเท่านั้นเองในมุมมองของ จนท) แต่สุดท้ายก็คิดขึ้นได้ว่าการไปcomplainมันก็ได้แค่ความสะใจแต่ไร้ประโยชน์ อย่ากระนั้นเลย researchข้อมูล เตรียมเอกสารยื่นใหม่ดีกว่า


ครั้งหลังนี้ก็นอยด์มากค่ะ กลัวนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด เพราะอ่านรีวิวมาเยอะ อ่านกระทู้มาหลายวัน ก็เลยตัดสินใจยื่นเอกสารเยอะมากกกกดังนี้ค่ะ

- Application form
- Explanation letter (3 pages)
- Copy of passport and previous student visas
- Photo
- Copy of ID card and house registration
- Original and copy of my company affidavit and shareholder list
- Capture of the company’s website
- Bank letter
- Original and copy of bankbooks (คราวนี้ยื่น2บัญชีเลยค่ะ ทั้งบัญชีที่เงินเดือนและเงินได้อื่นๆเข้ามา เป็นบัญชีใช้จ่ายอะค่ะ เงินที่เหลือก็ไม่มากหลักหมื่น  แล้วก็อีกบัญชีคือบัญชีเงินเก็บที่ยื่นไปตอนแรก)
- Original and copy of premium saving certificate (อันนี้ก็สลากออมสินหนะค่ะ มีอยู่100,000แต่ตอนแรกก็ไม่ได้ยื่นเข้าไปเพราะความมั่นใจเกิน100 คิดว่าแค่200,000ก็น่าจะพอ)
- Car registration (อันนี้ตอนresearchเห็นเค้าบอกกันว่าควรให้ทาง จนท เห็นว่าเรามีทรัพย์สินที่ไทยต้องกลับมาดูแล เลยคิดขึ้นได้ว่า อ่ออออ แม่ซื้อรถให้ตอนเรียนจบนี่นาชื่อเราด้วย ก็เลยใส่ไป)
- Payslip from the former workplace(Accounting firm)
- Flight itinerary and receipt (คือเราจ่ายค่าเครื่องบินไปแล้วด้วยค่ะ เลยอยากจะบอก จนทว่า ดิฉันมีเงินพอจะจ่ายค่าเครื่องบินกลับแน่นอนค่ะ)
- Graduation certificate from university in UK

เพราะความมั่นใจเกิน100ตอนนี้เหลือ2%ก็เลยยื่นเอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเรา กับเราและครอบครัวเค้าให้ด้วยค่ะ เพราะจนท จะได้เห็นว่าอ่อออออ เค้ามีconnectionกันจริงเค้าถึงinviteให้เราไปอยู่บ้านเค้าได้ แต่เราเน้นในexplaination letter นะคะว่าแฟนไม่ใช่สปอนเซอร์ จะได้ไม่เข้าใจผิดซ้ำสอง เอกสารเหล่านั้นก็มีดังนี้นะคะ
- Passport แฟน
- Non-immigrant visa ของแฟน
- รูปถ่ายพร้อมคำบรรยาย ของเรากับแฟนเรา และที่บ้านเค้า แฟนเรากับเพื่อนเราอะไรก็เอาๆมา15รูป  ทั้งตอนอยู่ไทยและอังกฤษ
-ภาพcapture facebook page เดือนละรูป ที่แบบมีรูปมีคำบรรยาย มีวันที่upload ก็รวมๆก็ประมาณ25รูปทั้งที่ไทยและอังกฤษ อันนี้ไฮไลท์วันที่uploadไว้ด้วย มีทั้งรูปเรากับแฟน กับเพื่อน วันรับปริญญาแฟนไปด้วย เรากับครอบครัวแฟน แฟนกับครอบครัวเรา เรากับหมาที่บ้านแฟน ใส่ทุกอย่างที่ขวางหน้าค่ะ  

อันนี้คือเอกสารจากทางแม่ของแฟนค่ะ คือคราวนี้เข็ดค่ะ ไม่เอาของพ่อแล้วค่ะ เอาของแม่ปลอดภัยกว่า แต่ในexplaination letter ก็ระบุชัดนะคะว่าrefusal decisionของวีซ่าอันที่แล้วทาง จนท เข้าใจผิดอย่างไรบ้างที่ถูกเป็นอย่างไรก็ว่าไป เอกสารมีดังนี้นะคะ
-    invitation letter
-    Passportแม่แฟน
-    Copy of her bank statement up to 6 months
-    1 payslip
-    Certificate of investment (อันนี้ก็คล้ายๆการฝากประจำบ้านเราหนะค่ะ เงินในนี้จะจะเยอะหน่อย เค้าจะได้รู้ว่าที่บ้านแฟนสามารถaffordที่จะให้ที่พักได้)
-    ใบเสร็จค่าไฟ

นอกจากนี้ยังไม่หมดค่ะ เนื่องจากตอนที่โดนปฎิเสธตอนแรก เค้าบอกว่าเงินเราไม่น่าจะพอในการไปเที่ยว เราก็เลยนอยด์อีกค่ะ เลยเอาแม่มาเป็นCo-sponsorด้วยค่ะ เอกสารของทางคุณแม่มีดังนี้นะคะ

-    Sponsorship letter
-    Copy of ID card and house registration
-    Copy of my birth certificate
-    Business certificate
-    Bank letter
-    Copy of bankbook (อันนี้เงินหลักแสนค่ะ เป็นฝากประจำ เปิดมาปีนึงได้ ก็บอกไปด้วยว่าแม่ใช้current accountเพราะทำธุรกิจ  และแม่ชอบinvestโดยการซื้อที่ดินมากกว่าฝากธนาคารเงินฝากประจำบัญชีที่ยื่นก็เลยไม่ได้เยอะมาก)
-       โฉนดบ้านที่ กทม (พ่อกับแม่อยู่ที่ ตจว ค่ะ แต่ซื้อบ้านให้เรากับน้องอยู่ที่กทมด้วย ก็เลยใส่มันไปด้วยเค้าจะได้เห็นว่าเรามีทรัพย์สินที่ไทยต้องดูแล)
-    โฉนดที่ดิน(อันนี้คือเนื่องจากความคิดมากส่วนตัว ก็เลยแนบใบที่ดินของคุณแม่ที่เค้าชอบซื้อเก็บๆไว้ไปด้วยส่วนหนึ่ง แล้วก็บอกไปด้วยว่าเราพ่อแม่มีทรัพย์สินอยู่ในไทย พอสมควรเราต้องกลับมาดูแล)

เอกสารทั้งหมดก็ปึกหนาใช้ได้ทีเดียว แต่เราคิดว่าคราวนี้ไม่อยากพลาดเพราะเปลืองตัง เสียเวลาอีกต่างหาก ก็ยื่นไปอีกทีวันที่ 6 พ.ย. วันที่11ได้ emailแล้วว่าทาง จนท made decisionแล้วก็เลยตกกะใจ ทำไมเร็วจัง3วันทำการเองเนี่ยนะ วันรุ่งขึ้น12 พ.ย. ก็ได้emailว่ามารับได้แล้ว  เราก็ไปรับเลยจ้าาาา ลุ้นมากกกกกก สุดท้ายก็ได้visaมาครอบครอง hooraaaayyyyy

และที่แรงกว่าเดิมคือ ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่15 พ.ย. ทางสถานฑูตเพิ่งโทรมาบอกว่าได้รับemailที่เราcomplainไปแล้ว และตอนนี้ตัดสินใจ overturn decision ที่ปฏิเสธวีซ่าของเราตอนแรกแล้ว แต่เราก็สมัครใหม่ไปแล้วหนะค่ะ ตังก็เสียไปอีก4,080 เวลาก็เสียไปแล้ว วีซ่าก็ได้มาแล้ว ก็เลยไม่ได้จะทำให้สถานการณ์แปลงอะไรมาก แต่ก็ลองถามเค้าดูว่าแล้วstamp ที่หลังวีซ่าทำยังไงลบออกได้มั้ย เค้าก็บอกว่าไม่ได้แต่เค้าจะบันทึกในระบบให้ว่าคำตัดสินการไม่ให้วีซ่าเราถูกกลับแล้ว ก็ยังดีค่ะ  อย่างน้อยเค้าก็อ่านcomplaintของประชาชนตัวเล็กๆอย่างเราแล้วก็พยายามทำความเข้าใจและแก้ไข

เพราะฉะนั้นนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
สี่เท้ายังรู้พลาด UKBAก็รู้พลั้งนะคะ
อย่างแรกสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญมากที่ทำให้เราพลาดตอนยื่นครั้งแรกคือ เราไม่ได้ใส่explaination letterที่อธิบายสถานะของเราไป เราคิดว่าควรจะเขียนไปไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องส่งหลักฐานพิสูจน์ให้ได้ตามที่อ้างนะคะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อาจจะมีแฟนมีเพื่อนเป็นคนอังกฤษแล้วจะไปพักกับเค้าเนี่ย แนะนำว่าควรเขียนเลยค่ะ เพราะมิฉะนั้น อาจจะตกที่นั่งลำบากอย่างเราได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยส่วนหนึ่งค่ะ เจอ จนทดีก็ดีไป เจอ จนท ที่มาตรฐานการทำงานไม่ค่อยสูงก็ลำบากหน่อยค่ะ


โอเคค่ะ ที่เราอยากจะมาแชร์ก็มีแค่นี้หละค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ถ้าเขียนไทยบ้างอังกฤษบ้างก็อย่าว่ากันนะคะ


ปล ถ้าใครมีแฟนหรือเพื่อนอยู่ที่อังกฤษ แล้วจะไปพักกับเค้าที่นั่น แล้วให้คนที่นั่นเป็นsponsorใก้ทั้งtrip แนะนำให้ไปดูเวบ ladyinterนะคะ สำหรับscenarioประมาณนี้เวบนั้นข้อมูลปึ้กมาก รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่