ขอบอกก่อนว่า ผมเชื่อท่านวีรชัยเป็นหลัก เพราะท่านเป็นคนดีที่ทำเพื่อประเทศไทยตลอดมา
ส่วนที่นักการเมืองท่านอื่นพูด ไม่ว่า จะนายก 'ยิ่งลักษณ์' รมต.ต่างประเทศ 'สุรพล' ผู้นำฝ่ายค้าน 'อภิสิทธิ์' wall paper 'ศิริโชค' สว.สรรหา 'รสนา' หรือ ใครคนอื่นก็ตาม ผมไม่ให้น้ำหนักมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคำพูดของพวกเขาจะทำให้ผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมต้องเสียหาย
เพิ่มเติมว่า .... นึกแล้วว่าต้องมีการโยงไปทางการเมือง ผมขอบอกว่า ในเมื่อรัฐบาลชุดนี้ ไม่แต่งตั้งงานชุดใหม่ขึ้นมาแทน ก็แสดงว่ารัฐบาลเพื่อไทย เห็นด้วยและยอมรับอย่างเต็มที่คณะผู้แทนไทยชุดนี้ ดังนั้น ไม่ว่าประชาธิปปัตย์ หรือ เพื่อไทย ก็ต้อง 'รับผิด' และ 'รับชอบ' ร่วมกัน
เอกอัครราชฑูตวีรชัย หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการต่อสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ได้เปิดใจพูดในรายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดยคุณสรยุทธ
โดยมีใจความดังนี้ :
1. บทสรุปของคำตัดสินมีทั้งบวกละลบ โดยท่านฑูตกับทีมทีปรึกษาคิดว่า สมดุลมาทางไทยมากกว่าเล็กน้อย เป็นประเด็นที่เราเรียกร้อง และศาลตัดสินตามที่เราขอมี 3 ประการคือ
1.1 ภูมะเขือ ทางกัมพูชานำมาอ้างไม่ได้อีกแล้ว เพราะอยู่นอกพื้นที่ที่ศาลจะตัดสินให้ ศาลไม่รับรู้ด้วย แต่ก็ไม่ได้บอกว่า เป็นของเรา ต้องเจรจากัน
1.2 เส้นบนแผนที่ 1:200,000 (ที่ทำให้เกิดพื้นทื่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร) ที่เป็นเสมือนหนามยอกอกเรามา 50 กว่าปี ที่กัมพูชาอ้างมาตลอดหลังว่า เป็นผลของการตัดสินของศาลโลกปี 2505 เป็นอันตกไป เพราะผลการตัดสินของศาลปีนี้ ไม่ผูกพันกับไทยแล้ว ยกเว้นบริเวณ promontory สั้นๆ ของปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้น (ไม่กี่สิบเมตรจากทั้งหมด 100 กว่ากิโลเมตร)
ท่านผู้พิพาษาสมทบที่ทางกัมพูชาที่ตั้งมาเอง พูดด้วยความเห็นส่วนตัวว่า นอกบริเวณ promontory ทางกัมพูชาไม่สามารถนำมาอ้างมาทำอะไรกับประเทศไทยเราไม่ได้เลย
1.3 เรื่องพื้นทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเรื่องของการถ่ายทอดเส้น โดยให้ดูคำพิพากษาวรรคที่ 98 ศาลได้บรรยาย promontory ของบริเวณของพระวิหารตามความเข้าใจของศาล โดยใช้พื้นที่ทางภุมิศาสตร์ทั้งหมด ยกเว้นทิศเหนือที่ให้ใช้เส้นบนพื้นที่ 1 ต่อ 200,000 เพราะไม่มีภูมิประเทศที่ชัดเจน
ให้ท้งสองฝ่ายเจรจากัน เพราะถ่ายทอดยาก นอกจากนั้น ภูมิประเทศที่กัมพูชาอ้างอิงมาโดยตลอด ก็เป็นการอ้างอิงแบบผิด ๆ
วรรคที่ 99 ศาลรับทราบตามที่ไทยบอกว่า 1 ต่อ 200,000 ในบริเวณอื่น ถ่ายทอดเส้นออกมาได้ยากมากในช่วง 100 กว่ากิโล (คือเรียกว่า เป็นไปไม่ได้) เป็นผลสำเร็จของพวกเราที่คุณอลินา มีรองและทีมได้ใช้แผนที่อ้างอิงในการต่อสู้คดีปีนี้มาตลอด
ศาลกำหนดไม่ได้ จึงให้เจรจากันโดยสุจริตใจ (จะได้อธิบายให้ชัดต่อไป) และห้ามทำเพียงฝ่ายเดียว
โดยทางกัมพูชาเอารูปร่างของเส้นจากแผนที่ปี 1907 (1 ต่อ 200,000) ยกมาวางเฉยๆ ไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการใดๆ การใช้ภูมิประเทศที่ผิดมาลงในภูมิประเทศจริง จะไม่ใช่สันปันน้ำจริง เป็นเส้นที่ตกร่องไป
โดยไทยทำลายเส้นนี้สำเร็จเพราะ ประโยคสุดท้ายของวรรค 99 บอกว่า ห้ามถ่ายทอดเส้นฝ่ายเดียว แถมยัง 'ปลอมแปลง' ภาพเอาเอง (แผนที่ให้ดูจากใน clip) ดังนั้นต้องตกไป เพราะทางประเทศไทยเราพูดชัดเจนว่าไม่รับมาตลอด
ซึ่งประเด็น 3 ข้อนี้ non-negotiable ไม่ต้องมาให้ศาลตัดสินอีก ถ้ากัมพูชาไม่เชื่อ ให้ไปดูได้ในความเห็นของผู้พิพากษาสมทบที่กัมพูชาแต่งตั้งขึ้นเอง
ส่วนสิ่งที่เสียไปคือ เส้นตามมติครม. 2505 ต้องตกไปเพราะไม่ตรงกับศาลโลกในสมัยนั้นเห็น เพราะเส้นนี้ไม่ได้คลุมถึงตำรวจชายแดนไทย (ในสมัยนั้น) ซึ่งอยู่ทางหนือของมติคณะรมต. (สมัยนั้นกัมพูชาขอศาลเรื่องที่ 2 คือให้ไทยถอนกำลังออกมา) ศาลใช้หลักฐาน 2 ชิ้นจากทนายความไทยในสมัยก่อนว่า ที่ตั้งตชด.ไทยต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงบริเวณปราสาทพระวิหารด้วย เส้นจึงตกไปเพราะไม่ได้รวมพื้นที่ให้ครบตามที่ศาลในสมัยนั้นเห็น เพราะศาลลอกว่า ต้องกันพื้นที่ที่รวมพื้นที่ตชด.ด้วย และเส้นตามมติครม.ในสมัยนั้นไม่ได้มีกองกำลังไทยวางอยู่เลย
สิ่งที่เราเสีย จากข้อ 2.1 ที่บอกว่าพื้นที่ของพระวิหารทิศเหนือให้อ้างอิงเส้น 1:200,000 และอ้างอิงประโยคสุดท้ายของวรรคที่ 99 คือ ต้องเจรจา (โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา) และต้องสุจริต (มีนิยามในกฏหมายระหว่างประเทศ คือต้องเจรจาด้วยเจตนาที่แท้จริงที่ต้องหา solutions ไม่ใช่เพื่อจะเอาข้างเดียว ไม่ยอมฟังอีกฝ่าย)
นี่กรณีเดียวที่เราเสีย มา negotiable ไม่มีระยะเวลา
ซึ่งตามกฏหมายระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ negotiable และ non-negotiable ต่างกันมหาศาล)
ท่านฑูตอยากให้คนไทยเข้าใจว่า 3 อย่างที่เราได้ non-negotiable แต่สิ่งเดียวที่เราเสียไป ต้องมา negotiable
และอย่างเพิ่งสรุป การจะไปเจรจา ต้องสงวนความลับไว้ คุยกันเงียบๆ การพูดจาของท่านฑูตเอง ปลัดกระทรวง หรือ รมต.ต่างประเทศก็จะผูกพันหมด หรือแม้แต่บางคนที่เป็นที่ที่น่าเชื่อถือของในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ต้องระวังมาก เพราะจะมีผลโดนนำไปอ้างอิง
ท่านฑูตบอกว่าท่านเปิดเผยมาตลอดว่า เราเสียเส้นครม. 2505 ไม่เคยปิดบัง ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นพยานหลักฐานแต่ดั้งเดิม ไม่ใช่ในปัจจุบัน
แต่จะให้มาบอกว่าเสียไปกี่ตารางเมตร ท่านบอกไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังอยู่ขั้นตอนที่เดาอยู่ ต่อไปเข้าสู่ขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ และสุดท้ายคือการเจรจา จะให้ท่านฑูตบอก หรือ ปลัด หรือ รมต ต่างประเทศบอก ฟันธงตอนนี้ไม่ได้ เพราะเข้าโต๊ะเจรจาจะเสียเปรียบ ท่านยอมโดนด่าในกรณีนี้
credit : รายการเจาะข่าวเด่น กับ สรยุทธ ทางช่อง 3 เวลา 17.20 - 17.45 น. โดยประมาณ
จุดยืนกรณีพระวิหาร ผมเชื่อแต่ที่ฑูตวีรชัยพูด(เช่น ในรายการเจาะข่าวเด่นช่อง3) ไม่ให้น้ำหนักที่'นักการเมือง'คนอื่นพูด
ส่วนที่นักการเมืองท่านอื่นพูด ไม่ว่า จะนายก 'ยิ่งลักษณ์' รมต.ต่างประเทศ 'สุรพล' ผู้นำฝ่ายค้าน 'อภิสิทธิ์' wall paper 'ศิริโชค' สว.สรรหา 'รสนา' หรือ ใครคนอื่นก็ตาม ผมไม่ให้น้ำหนักมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคำพูดของพวกเขาจะทำให้ผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมต้องเสียหาย
เพิ่มเติมว่า .... นึกแล้วว่าต้องมีการโยงไปทางการเมือง ผมขอบอกว่า ในเมื่อรัฐบาลชุดนี้ ไม่แต่งตั้งงานชุดใหม่ขึ้นมาแทน ก็แสดงว่ารัฐบาลเพื่อไทย เห็นด้วยและยอมรับอย่างเต็มที่คณะผู้แทนไทยชุดนี้ ดังนั้น ไม่ว่าประชาธิปปัตย์ หรือ เพื่อไทย ก็ต้อง 'รับผิด' และ 'รับชอบ' ร่วมกัน
เอกอัครราชฑูตวีรชัย หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการต่อสู้คดีเขาพระวิหารในศาลโลก ได้เปิดใจพูดในรายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดยคุณสรยุทธ
โดยมีใจความดังนี้ :
1. บทสรุปของคำตัดสินมีทั้งบวกละลบ โดยท่านฑูตกับทีมทีปรึกษาคิดว่า สมดุลมาทางไทยมากกว่าเล็กน้อย เป็นประเด็นที่เราเรียกร้อง และศาลตัดสินตามที่เราขอมี 3 ประการคือ
1.1 ภูมะเขือ ทางกัมพูชานำมาอ้างไม่ได้อีกแล้ว เพราะอยู่นอกพื้นที่ที่ศาลจะตัดสินให้ ศาลไม่รับรู้ด้วย แต่ก็ไม่ได้บอกว่า เป็นของเรา ต้องเจรจากัน
1.2 เส้นบนแผนที่ 1:200,000 (ที่ทำให้เกิดพื้นทื่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร) ที่เป็นเสมือนหนามยอกอกเรามา 50 กว่าปี ที่กัมพูชาอ้างมาตลอดหลังว่า เป็นผลของการตัดสินของศาลโลกปี 2505 เป็นอันตกไป เพราะผลการตัดสินของศาลปีนี้ ไม่ผูกพันกับไทยแล้ว ยกเว้นบริเวณ promontory สั้นๆ ของปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้น (ไม่กี่สิบเมตรจากทั้งหมด 100 กว่ากิโลเมตร)
ท่านผู้พิพาษาสมทบที่ทางกัมพูชาที่ตั้งมาเอง พูดด้วยความเห็นส่วนตัวว่า นอกบริเวณ promontory ทางกัมพูชาไม่สามารถนำมาอ้างมาทำอะไรกับประเทศไทยเราไม่ได้เลย
1.3 เรื่องพื้นทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเรื่องของการถ่ายทอดเส้น โดยให้ดูคำพิพากษาวรรคที่ 98 ศาลได้บรรยาย promontory ของบริเวณของพระวิหารตามความเข้าใจของศาล โดยใช้พื้นที่ทางภุมิศาสตร์ทั้งหมด ยกเว้นทิศเหนือที่ให้ใช้เส้นบนพื้นที่ 1 ต่อ 200,000 เพราะไม่มีภูมิประเทศที่ชัดเจน ให้ท้งสองฝ่ายเจรจากัน เพราะถ่ายทอดยาก นอกจากนั้น ภูมิประเทศที่กัมพูชาอ้างอิงมาโดยตลอด ก็เป็นการอ้างอิงแบบผิด ๆ
วรรคที่ 99 ศาลรับทราบตามที่ไทยบอกว่า 1 ต่อ 200,000 ในบริเวณอื่น ถ่ายทอดเส้นออกมาได้ยากมากในช่วง 100 กว่ากิโล (คือเรียกว่า เป็นไปไม่ได้) เป็นผลสำเร็จของพวกเราที่คุณอลินา มีรองและทีมได้ใช้แผนที่อ้างอิงในการต่อสู้คดีปีนี้มาตลอด ศาลกำหนดไม่ได้ จึงให้เจรจากันโดยสุจริตใจ (จะได้อธิบายให้ชัดต่อไป) และห้ามทำเพียงฝ่ายเดียว
โดยทางกัมพูชาเอารูปร่างของเส้นจากแผนที่ปี 1907 (1 ต่อ 200,000) ยกมาวางเฉยๆ ไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการใดๆ การใช้ภูมิประเทศที่ผิดมาลงในภูมิประเทศจริง จะไม่ใช่สันปันน้ำจริง เป็นเส้นที่ตกร่องไป โดยไทยทำลายเส้นนี้สำเร็จเพราะ ประโยคสุดท้ายของวรรค 99 บอกว่า ห้ามถ่ายทอดเส้นฝ่ายเดียว แถมยัง 'ปลอมแปลง' ภาพเอาเอง (แผนที่ให้ดูจากใน clip) ดังนั้นต้องตกไป เพราะทางประเทศไทยเราพูดชัดเจนว่าไม่รับมาตลอด
ซึ่งประเด็น 3 ข้อนี้ non-negotiable ไม่ต้องมาให้ศาลตัดสินอีก ถ้ากัมพูชาไม่เชื่อ ให้ไปดูได้ในความเห็นของผู้พิพากษาสมทบที่กัมพูชาแต่งตั้งขึ้นเอง
ส่วนสิ่งที่เสียไปคือ เส้นตามมติครม. 2505 ต้องตกไปเพราะไม่ตรงกับศาลโลกในสมัยนั้นเห็น เพราะเส้นนี้ไม่ได้คลุมถึงตำรวจชายแดนไทย (ในสมัยนั้น) ซึ่งอยู่ทางหนือของมติคณะรมต. (สมัยนั้นกัมพูชาขอศาลเรื่องที่ 2 คือให้ไทยถอนกำลังออกมา) ศาลใช้หลักฐาน 2 ชิ้นจากทนายความไทยในสมัยก่อนว่า ที่ตั้งตชด.ไทยต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงบริเวณปราสาทพระวิหารด้วย เส้นจึงตกไปเพราะไม่ได้รวมพื้นที่ให้ครบตามที่ศาลในสมัยนั้นเห็น เพราะศาลลอกว่า ต้องกันพื้นที่ที่รวมพื้นที่ตชด.ด้วย และเส้นตามมติครม.ในสมัยนั้นไม่ได้มีกองกำลังไทยวางอยู่เลย
สิ่งที่เราเสีย จากข้อ 2.1 ที่บอกว่าพื้นที่ของพระวิหารทิศเหนือให้อ้างอิงเส้น 1:200,000 และอ้างอิงประโยคสุดท้ายของวรรคที่ 99 คือ ต้องเจรจา (โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา) และต้องสุจริต (มีนิยามในกฏหมายระหว่างประเทศ คือต้องเจรจาด้วยเจตนาที่แท้จริงที่ต้องหา solutions ไม่ใช่เพื่อจะเอาข้างเดียว ไม่ยอมฟังอีกฝ่าย)
นี่กรณีเดียวที่เราเสีย มา negotiable ไม่มีระยะเวลา ซึ่งตามกฏหมายระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ negotiable และ non-negotiable ต่างกันมหาศาล)
ท่านฑูตอยากให้คนไทยเข้าใจว่า 3 อย่างที่เราได้ non-negotiable แต่สิ่งเดียวที่เราเสียไป ต้องมา negotiable
และอย่างเพิ่งสรุป การจะไปเจรจา ต้องสงวนความลับไว้ คุยกันเงียบๆ การพูดจาของท่านฑูตเอง ปลัดกระทรวง หรือ รมต.ต่างประเทศก็จะผูกพันหมด หรือแม้แต่บางคนที่เป็นที่ที่น่าเชื่อถือของในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ต้องระวังมาก เพราะจะมีผลโดนนำไปอ้างอิง
ท่านฑูตบอกว่าท่านเปิดเผยมาตลอดว่า เราเสียเส้นครม. 2505 ไม่เคยปิดบัง ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นพยานหลักฐานแต่ดั้งเดิม ไม่ใช่ในปัจจุบัน แต่จะให้มาบอกว่าเสียไปกี่ตารางเมตร ท่านบอกไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังอยู่ขั้นตอนที่เดาอยู่ ต่อไปเข้าสู่ขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ และสุดท้ายคือการเจรจา จะให้ท่านฑูตบอก หรือ ปลัด หรือ รมต ต่างประเทศบอก ฟันธงตอนนี้ไม่ได้ เพราะเข้าโต๊ะเจรจาจะเสียเปรียบ ท่านยอมโดนด่าในกรณีนี้
credit : รายการเจาะข่าวเด่น กับ สรยุทธ ทางช่อง 3 เวลา 17.20 - 17.45 น. โดยประมาณ