เขาพระวิหารแบบชาวบ้านๆ

ขอเปรียบเทียบแบบง่ายๆ นะครับ ตามความเข้าใจของผมซึ่งไม่ได้รู้รายละเอียดลึกมากมายนัก ไม่มั่นใจว่าจะถูกต้องทั้งหมดครับ

เริ่มเรื่องจาก ตาขมกับยายสาม ตาขมเช่าที่ยายสามทำนา วันหนึ่ง นายห้างฝรั่งมาขอที่ดินในส่วนของตาขมไปจากยายสาม โดยใช้กำลังข่มขู่ ยายสามจึงยอมยกให้นายห้างฝรั่ง ทำให้ตาขมต้องไปจ่ายค่าเช่าที่นายฝรั่งแทน วันหนึ่งทางบ้านนายฝรั่งธุรกิจล้ม ทำให้ไม่มีเวลามาสนใจที่ดินส่วนนี้ ยายสามจึงให้ลูกหลานใช้กำลังไปยึดเอาที่ดินบางส่วนคืน ตาขมไม่มีนายฝรั่งสนับสนุนเลยสู้ไม่ได้ ยอมให้ยายสามยึดที่บางส่วนไป
เมื่อทางบ้านนายฝรั่งฟื้นตัว ก็กลับมาทวงที่ดินคืนจากยายสาม ยายสามกลัวอิทธิพลของนายห้างฝรั่ง จึงยอมคืนที่ดินให้ และสุดท้าย นายห้างฝรั่งก็มอบที่ดินให้ตาขมครบครองเป็นของตัวเองในที่สุด
แต่หัวไร่ของยายสามที่ติดกับที่ดินตาขม มีโกฏิเก็บกระดูกบรรพบุรุษของตาขมตั้งแต่อดีตตั้งอยู่ ตาขมอยากได้ที่ดินเล็กๆ ตรงนั้นคืนเพราะถือเป็นรากเหง้าของตนเอง แต่ยายสามไม่ยอม ตามขมจึงไปฟ้องนายอำเภอ ว่าที่ดินตรงนั้นมีโกฏิและกระดูกของบรรพบุรุษตนตั้งอยู่ ควรจะเป็นของตน โดยอ้างแปลนที่ดินที่นายห้างฝรั่งทำไว้ให้เป็นหลักฐาน ยายขมจึงให้ลูกหลานไปโต้แย้ง ณ ที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอเรียกนายห้างฝรั่งมาเป็นพยาน แต่ด้วยนายห้างฝรั่งยังเคืองใจเรื่องที่ยายขมเคยมายึดที่ดินของตน จึงเอนเอียงเข้าข้างตาขมมากกว่า ยายสามบอกนายอำเภอว่าที่โกฏิตรงนั้นอยู่บนที่ดอน ต้องเข้าจากทางไร่ของยายสามเท่านั้น แต่ที่ของตาขมอยู่ในที่ลุ่มต้องปีนขึ้นมาหาโกฏิ จึงไม่ใช่ที่ของตาขม สุดท้าย นายอำเภอเห็นว่าตาขมมีพยานเป็นนายฝรั่งที่น่าเชื่อถือกว่า เลยตัดสินให้พื้นที่บริเวณโกฏิเป็นของตาขม
ยายสามและลูกหลานรู้สึกผิดหวังแต่ก็ยอมรับว่าโกฏิเป็นของตาขม จึงเอารั้วมาล้อมรอบโกฏิแบ่งพื้นที่ไว้ชัดเจน จนเวลาผ่านไป 50 ปี ที่ดินมรดกของยายสามกลายเป็นย่านธุรกิจที่ร่ำรวยจากการให้เช่าที่ แต่ลูกหลานตาขมกลับทะเลาะกันเองในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ที่ดินของตาขมจึงเป็นไร่และสวนธรรมดาๆ
ลุงไชย ลูกชายของยายสาม ไม่ได้สนใจพื้นรอบโกฎินี้มากนักตลอด 50 ปี ลูกหลานของตาขมจึงแอบเข้ามารื้อแนวรั้วรอบโกฏิออก แล้วแผ้วถางทำไร่ นายมิตรลูกชายคนรองของตาไชยเริ่มไม่พอใจ จึงเรียกร้องให้ญาติๆ ช่วยกันขับไล่ลูกหลานของตาขมที่มารุกล้ำที่ ระหว่างนั้น นางแดง ลูกสาวคนโตของลุงชัยไปเจรจาตกลงกับลูกหลานตาขมว่า ที่ดินรอบๆ โกฏิ ให้ทำไร่ร่วมกันแล้วแบ่งผลผลิตกันคนละครึ่ง แต่นายมิตรไม่ยอมเพราะถือว่าที่ตรงนั้นเป็นของเรา จะแบ่งครึ่งกันไม่ได้ ลูกหลานยายสามคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับนางแดงต่างออกมาโต้แย้งอย่างรุนแรง จนเกิดไปกระทบกระทั่งกันกับลูกหลานของตาขมทั้งที่ฝ่ายลุงชัยมีปืนลูกซองแฝดแต่ฝ่ายตาขมมีเพียงปืนแก๊ป โดยฝ่ายลูกหลานของตาขมก็อ้างแปลนที่ดินที่นายห้างฝรั่งทำไว้ให้ ส่วนทางลุงไชยก็อ้างแปลนที่ลูกชายตนเขียนไว้ที่หลังซึ่งละเอียดกว่า ทำให้พื้นที่รอบโกฏิประมาณ 4 ไร่ยังตกลงกันไม่ได้
ลูกหลานตาขม ตัดสินใจไปแจ้งความที่นายอำเภออีกครั้ง จนในที่สุดนายอำเภอก็ตัดสินว่า "แปลนของฝ่ายตาขมที่อ้างมานั้น กว้างเกินไป ส่วนแนวรั้วของฝ่ายลุงไชยก็เล็กเกินไป โกฏิและพื้นที่รอบๆ ที่ดอนนั้น ยังคงเป็นของฝ่ายตาขม แต่พื้นที่ที่คิดจะทำไร่ร่วมกันนั้น ให้ไปตกลงกันเอง"

เรื่องยังสรุปไม่ได้ เพราะนายอำเภอไม่ได้ชี้ขาดว่าที่ดิน 4 ไร่เป็นของใคร แต่ลูกหลานของสองฝ่ายที่ได้รับมรดกที่ดินตรงนั้นพอใจที่ไม่เกิดการทะเลาะกันตรงพื้นที่นั้น แต่กลางบ้านของลุงไชย ลูกหลานฝ่ายนางแดง ลูกสาวคนโตและนายมิตร ลูกชายคนรอง ยังคงถกเถียงกันเองว่า สรุปแล้ว เรา ได้ หรือ เสีย ที่ดินไปมากน้อยแค่ไหน
............................................................

สามารถเพิ่มเติมแก้ไขได้นะครับ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่